นี่แหละ ‘ก้าวข้าม’ – ผักกาดหอม

ฉะนั้นถือเป็นดัชนีชี้วัดได้เช่นกัน "สมศักดิ์" อยูู่พรรคไหน พรรคนั้นได้เป็นรัฐบาล ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ยังไม่รู้ว่า "สมศักดิ์" จะอยู่พลังประชารัฐต่อ หรือไปเพื่อไทย หรือภูมิใจไทย เพราะ ๓ พรรคนี้ล้วนมีโอกาสเป็นรัฐบาลทั้งสิ้น

ผักกาดหอม

ไม่รู้ไปกินอะไรมา…

“ลุงป้อม” ตอบนักข่าวเรื่อง “สมศักดิ์-สุริยะ” จะทิ้งพลังประชารัฐ

“ถ้าจะไปก็ไป”

กระชับสั้นๆ ได้ใจความชัดเจน

คนฟังน่าจะสะอึก ที่กำลังลังเลตัดสินใจ ไปหรือไม่ไปดี ก็อาจตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ทำไม “ลุงป้อม” ถึงตอบเหมือนไม่แคร์

เป็นไปได้ว่า เพราะขุมกำลังของ “สมศักดิ์-สุริยะ” ในพลังประชารัฐ เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้ว ถ้าจะไปก็ไม่ผิดจากที่ประเมินไว้

ฟังสุ้มเสียง “สมศักดิ์-สุริยะ” เกี่ยงกันตอบเรื่องความชัดเจน ที่จะอยู่พลังประชารัฐต่อไป หรือจะโบกมือลา เหมือนยังซ่อนไพ่อยู่

แต่ก็มีความชัดเจนระดับหนึ่งตรงที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” บอกว่า

“ผมไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน ในขณะที่เป็น ส.ส.”

ถือเป็นศาสตร์ขั้นสูงของนักการเมืองครับ เล่นการเมืองอย่างไร ได้เป็นรัฐบาลทุกสมัย

เบื้องต้นเลยคือต้องย้ายไปพรรคที่ได้เป็นรัฐบาลนั่นเอง

เป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี ๒๕๒๖

เคยเป็นเลขาธิการพรรคกิจสังคม ลูกศิษย์ก้นกุฏิ มนตรี พงษ์พานิช

เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในรัฐบาลของพลเอก สุจินดา คราประยูร ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ในรัฐบาลชวน หลีกภัย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

ถัดมารัฐบาลพ่อใหญ่จิ๋ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ปี ๒๕๔๔ ย้ายไปอยู่พรรคไทยรักไทย ของ “ทักษิณ ชินวัตร”

ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เป็นรองนายกรัฐมนตรี

เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นตำแหน่งสุดท้ายในรัฐบาลทักษิณ ก่อนถูกรัฐประหาร และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จากคดียุบพรรคไทยรักไทย

พ้นโทษมาเลือกตั้งปี ๒๕๕๗ ในนามพรรคเพื่อไทย แต่มีรัฐประหารอีกรอบ

สุดท้ายมาโผล่เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แม้พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ ๑ แต่รวมจำนวน ส.ส.ได้มากกว่า และได้จัดตั้งรัฐบาล

“สมศักดิ์” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทวงยุติธรรมจนถึงวันนี้

ฉะนั้นถือเป็นดัชนีชี้วัดได้เช่นกัน “สมศักดิ์” อยูู่พรรคไหน พรรคนั้นได้เป็นรัฐบาล

ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ยังไม่รู้ว่า “สมศักดิ์” จะอยู่พลังประชารัฐต่อ หรือไปเพื่อไทย หรือภูมิใจไทย

เพราะ ๓ พรรคนี้ล้วนมีโอกาสเป็นรัฐบาลทั้งสิ้น

แต่เรื่องย้ายพรรคมีโอกาสตายน้ำตื้นเหมือนกัน

เกิด “ลุงตู่” ไม่ยุบสภาขึ้นมา ทั้ง “สมศักดิ์-สุริยะ” ก็ติดค้างอยู่ในพลังประชารัฐ

รวมทั้ง ส.ส.ที่เพิ่งจะย้ายพรรค นับแล้วไม่ถึง ๙๐ วันในวันเลือกตั้ง จบเห่ครับ สมัคร ส.ส.ไม่ได้

ด่า “ลุงตู่” กันขรมแน่นอน

แต่…ยุบแน่นอนครับ เพราะเพิ่งจะมี ส.ส.ลาออกซบ รวมไทยสร้างชาติ ก็หลายคน

ถ้าไม่ยุบ ก็ไม่ต่าง “ลุงตู่” ทุบหม้อข้าวตัวเองเหมือนกัน

ฉะนั้นตราบที่ยังไม่มีการยุบสภา ก็ยังคงมี ส.ส.ย้ายพรรคกันอยู่ต่อเนื่อง

การเปิดศึกฟาดฟันกันก็จะมีอยู่ต่อไป

วานนี้ (๗ มีนาคม) คุยกันเรื่อง ก้าวข้ามความขัดแย้ง บางคนไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ จากหลายๆ ปัจจัย เช่นจะให้ไปญาติดีกับสมุนคนโกงได้อย่างไร อีกฝ่ายก็โต้ว่าไม่ร่วมรัฐบาลกับเผด็จการสืบทอดอำนาจอย่างแน่นอน

นิยามการก้าวข้ามความขัดแย้งของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน

แต่ก็มีความเป็นไปได้ นั่นคือทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่ยุติความขัดแย้ง

เสียงส่วนน้อยก็ต้องรับฟัง แต่จะให้เสียงส่วนน้อยเป็นใหญ่มิได้

ที่จริงการก้าวข้ามความขัดแย้งได้เริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป ถูกบังคับโดยสถานการณ์ทางการเมือง มีการสลายขั้วกันระดับหนึ่งแล้ว

อย่างที่เราเห็น คนเสื้อแดงบางกลุ่ม เริ่มถอยห่างจาก “ทักษิณ”

หรือปรากฏการณ์หลอมรวมระหว่าง “จตุพร” กับ “ทนายนกเขา”

จากแกนนำคนละขั้ว ความเชื่อทางการเมืองคนละแบบ แทบจะฆ่ากันตาย วันนี้มาในนาม “คณะหลอมรวมประชาชน”

ทั้งคู่ “ก้าวข้าม”

หันมาทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกัน

บอกเลย…เข้าขากันมาก

หลังจากดูมานาน “นกเขา-จตุพร” พยายามก้าวข้ามความขัดแย้งในสไตล์ของตัวเอง

ไม่ใช่ให้ทุกคนรักกัน เพราะในความจริงมันเป็นไปไม่ได้

แต่ทำให้คนรักทักษิณ ตาสว่าง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งที่มีกับคนต่อต้านทักษิณ

จะสำเร็จหรือเปล่า ตอบไม่ได้

วันนี้ทั้งคู่ตั้งหน้าตั้งตาขุดระบอบทักษิณเป็นหลัก

ล่าสุด “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อดีตเพื่อนร่วมรบของ “จตุพร” โดนไปหลายดอก

เห็นเค้าโต้กันยอมรับว่า ดุเดือดจริงๆ

“ทนายนกเขา” วิจารณ์ “ณัฐวุฒิ” ว่า “…คนอย่างณัฐวุฒิ ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลความเชื่อกับประชาชน แต่คนอย่างณัฐวุฒิ เป็นคนหนึ่งที่ตอบเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน กรณีโครงการจำนำข้าวไม่ได้ มีฐานะเป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ที่บัดซบที่สุด…”

บัดซบ จริงหรือเปล่าอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน

แต่หากใครยังจำภาพการแถลงข่าวเมื่อครั้ง “ณัฐวุฒิ” เป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ นั่งคู่กับ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” รัฐมนตรีว่าการ ตอบเรื่องตัวเลขจำนำข้าวได้ก็น่าจะได้คำตอบที่เหมือนกัน

ไปไม่เป็น เอาแต่จิบน้ำ

ครับ…”ณัฐวุฒิ” ยอมที่ไหน โพสต์ข้อความตอบโต้ว่า

“…ได้ดูรายการทนายนกเขากับคุณจตุพร

นกเขาพูดถึงณัฐวุฒิว่า ‘บัดซบที่สุด’ – ‘ชาติกำเนิดเป็นทาส’ … ฯลฯ

พี่ตู่นั่งฟังอยู่ด้วย เล่าความเป็นผมให้มันฟังบ้างหรือเปล่า มันเคยผ่านความเป็นความตายกับพี่ อย่างที่เราเคยยืนอยู่ด้วยกันไหม

ถ้าพี่เห็นด้วยกับมัน เอาตีนพี่เหยียบผมเลย อย่าให้คนอีกฝ่ายมันทำ…”

ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ถ้าจะให้ “จตุพร” เล่าความเป็น “ณัฐวุฒิ” ๑๐ วัน ๑๐ คืนไม่น่าจะจบ

แต่ดูเหมือนว่า บุคคลในคิวของ “จตุพร” ยังไปไม่ถึงผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย

ซีรีส์นี้ยังอีกหลายตอน

เอาตีนเหยียบ คงจะมาในไม่ช้า

คราวก่อนจิบน้ำ คราวนี้อาจถึงขั้นหยอดน้ำข้าวต้ม

0 replies on “นี่แหละ ‘ก้าวข้าม’ – ผักกาดหอม”