ผักกาดหอม
ขู่เก่งจริงๆ
เป็นผมถูก “จตุพร พรหมพันธุ์” ขู่เช้าเย็นหลังอาหารแบบนี้ หัวใจวายตายไปแล้วครับ
แต่สำหรับ “เศรษฐา ทวีสิน” ไม่รู้ว่าจะขวัญผวา หรือยิ้มสู้รอเวลาเอาคืน
มาอีกรอบ สองวันก่อน “จตุพร” ไลฟ์สด ตั้งหัวข้อน่าตื่นเต้น “มันคือกับดัก” พูดถึง อนาคตทางการเมืองของ “เศรษฐา”
เล่าถึงบทบาทของ “เศรษฐา” ช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ว่าถือเป็นคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล มี ๒ ตำแหน่ง ที่มาจาก “สายสัมพันธ์”
๑.ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือ “นายกฯ น้อย” คนในพรรคเพื่อไทยต่างตกใจว่ามาจากไหน แต่ยอมปล่อยไปเพื่อให้รัฐบาลได้เดินหน้า
๒.ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมัยนายวิทยา บุรณศิริ เอาคนที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ “เศรษฐา” ไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี
ต่อมาวันหนึ่งเอานายวิทยา ออกแล้วแต่งตั้งคนของ “เศรษฐา” ขึ้นเป็นรัฐมนตรีแทน กระทั่งเกิดปัญหากรณีการแต่งตั้งปลัดกระทรวงสาธารณสุข
นั่นคือความเกี่ยวพันระหว่าง “เศรษฐา” กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข คนที่ “จตุพร” พูดถึงคือ “ประดิษฐ สินธวณรงค์”
“ประดิษฐ” มีความเกี่ยวพันกับ “เศรษฐา” อยู่ไม่น้อยทีเดียว
ข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา บริษัท เจแอนด์ดับบลิว ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ของ “ประดิษฐ” ร่วมหุ้นทำธุรกิจทางด้านการลงทุนกับกลุ่ม “เศรษฐา” ก่อนที่ “ประดิษฐ” จะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นั่นคือความเชื่อมโยงระหว่าง “เศรษฐา” กับ รัฐบาลยิ่งลักษณ์
แต่ที่ “จตุพร” หยอดเพิ่มมานี่ซิครับ น่าสนใจกว่า
“…ความเป็นนักธุรกิจของคุณเศรษฐา ถ้าเป็นไปได้ควรอธิบายก่อน ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองนั้น ได้เคยขายบ้านให้นอมินี ที่คนต่างชาติเป็นเจ้าของหรือไม่ เพราะหลังจากนี้ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะโผล่ขึ้นตามลำดับ…”
ต่างชาติซื้อบ้านในไทยได้หรือไม่
ผมเอาข้อมูลจาก เว็บไซต์แสนสิริ มาอธิบายเรื่องนี้ครับ
ข้อกำหนดชาวต่างชาติ ซื้อบ้านในไทย
เพื่อเป็นการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ที่ซบเซาจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย จึงเกิดข้อกำหนดให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้าน ซื้อที่ดินได้ ตามข้อกำหนด ทั้งนี้เพื่อดึงดูดนักลงทุน หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาลงทุน
แม้ว่าการถือครองอสังหาฯ ในไทย ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไข ข้อกำหนด เหมือนดังเช่นการซื้อคอนโดของชาวต่างชาติ สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายกำหนดได้ไม่เกิน ๔๙% ของเนื้อที่คอนโดทั้งหมดในโครงการนั้น ดังเช่น โครงการคอนโดย่านลาดพร้าว เดอะ ไลน์ ไวบ์ มียูนิตทั้งหมด ๙๔๐ ห้อง ก็จะสามารถขายให้ชาวต่างชาติได้เพียงแค่ ๔๖๐ ห้องเท่านั้น
โดยรายละเอียดข้อกำหนดชาวต่างชาติซื้อบ้านในไทยมีดังนี้
ชาวต่างชาติสามารถครอบครองที่ดินได้ไม่เกิน ๑ ไร่
หากชาวต่างชาติมีการโอนบ้านพร้อมที่ดิน ผู้ขายจำเป็นต้องมีเอกสารหลักฐานการเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างนั้นด้วย
ชาวต่างชาติที่จะซื้อที่ดิน หรือบ้านในไทยได้ จำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด และยังต้องนำเงินมาลงทุนในไทยไม่ต่ำกว่า ๔๐ ล้านบาท
ลงทุนไม่น้อยกว่า ๕ ปี
พร้อมทั้งเป็นการลงทุนในธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายที่กำหนด ประกอบกับได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น
ชาวต่างชาติจำเป็นต้องซื้ออยู่ในเขต กทม. เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตอยู่อาศัยตามกฎหมายผังเมือง
ชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้ถือครองที่ดิน หรืออสังหาฯ อย่างบ้าน นั้นต้องใช้เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น หากมีการตรวจสอบว่าผิดเงื่อนไข จำเป็นต้องขายคืน
นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า “แสนสิริ” ของ “เศรษฐา” รู้ข้อกฎหมายดี
ฉะนั้นการที่ “จตุพร” หยิบเอาประเด็นนอมินีขึ้นมา หากเป็นเรื่องจริง เท่ากับแสนสิริทำผิดกฎหมาย
สิ่งที่ “จตุพร” พูดต่อคือ
“…เชื่อว่าคงมีการคิดกันมายาวนานพอสมควร ก่อนตัดสินใจรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ถือเป็นการเดินเข้าสู่กับดักทางการเมือง กรณีซอยลาซาล บางกอก บูเลอวาร์ด หลังจากนี้จะลามมาที่คุณเศรษฐา และตัวละครชื่อขงเบ้ง ก็จะปรากฏตัวนำไปสู่การพิสูจน์ว่าสะอาดหรือไม่สะอาด ขาวหรือเทา เทาหรือดำ ดังนั้นคุณเศรษฐา ต้องเตรียมตัวไว้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น…”
กรณี บางกอก บูเลอวาร์ด ซอยลาซาล คือการขายบ้านให้นอมินีตู้ห่าว “เอสซี แอสเสท” จะรู้หรือเปล่าว่าคนที่ซื้อไปคือนอมินียังเป็นประเด็นคลุมเครือ
แต่ที่ไม่คลุมเครือคือ คนไทยที่หลงไปซื้อบ้าน บางกอก บูเลอวาร์ด ซอยลาซาล บางรายขายบ้านทิ้งเพราะทนความวุ่นวายจากแก๊งตู้ห่าวไม่ไหว
สถานการณ์นี้ “เอสซี แอสเสท” รับรู้หรือเปล่า
เป็นคำถามครับ?
“จตุพร” พูดราวกับว่า กรณีซอยลาซาลจะลามถึง “เศรษฐา” เมื่อตัวละครชื่อขงเบ้งปรากฏตัว
“ขงเบ้ง” เป็นใคร?
ตามคำอธิบายของ “จตุพร” คือ เจ้ากรรมนายเวร เป็นตัวละครสำคัญ จะนำไปสู่หลากหลายเรื่องราวทั้งอสังหาริมทรัพย์และเกี่ยวกับเรื่องเทาๆ ทั้งหลายจะลุกลามไป
ฟังแล้วขนลุก
มันจะมีเรื่องอะไรให้ตกใจเล่นอีก
ทั้งหมดนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ที่ “จตุพร” พูดมาทั้งหมด หากไร้ข้อเท็จจริง “จตุพร” ก็จะกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะตัวเขื่อง
หากเป็นเรื่องจริง “เศรษฐา” จะเริ่มต้นอาชีพนักการเมืองด้วยเรื่องฉาวโฉ่
ใครที่รอลุ้น อีกไม่นานเกินรอ คงได้รู้ความจริง
บนความเคลื่อนไหวก่อนการเลือกตั้ง “ชูวิทย์” กับ “จตุพร” ดูเหมือนจะเดินในเส้นทางเดียวกัน
ขุดคุ้ยพรรคการเมือง โดยที่ตัวเองไม่สมัครรับเลือกตั้ง
“ชูวิทย์” เปิดศึกรอบด้าน แต่บางทีต่อยเป็นมวยวัด เพราะเริ่มสะเปะสะปะจับทิศทางลำบาก
ขณะที่ “จตุพร” เน้นทุบเพื่อไทยเป็นหลัก
“ชูวิทย์” เน้นหว่าน
“จตุพร” เน้นเด็ดหัว
ซีรีส์นี้มีภาคต่อแน่นอน
อีกไม่นานขงเบ้งจะปรากฏตัว
เพราะนี่คือกับดัก