คลิกฟังบทความ..?
เปลว สีเงิน
นี่…ถ้าสังคมการบ้าน-การเมืองช่วงนี้ขาด “ชูวิทย์” ซะคน
มันคงจืดชืดเป็นน้ำล้างหัวล้านแหงๆ!
ชอบๆๆๆๆ
เอาอีก..เอาอีก อย่าหยุด ส่วนจะเอาใคร-แบบไหน เฮียชูเอาใคร ผมก็เอาคนนั้น
ลีลาคุณชูวิทย์ จัดอยู่ในประเภท “สตรีทอาร์ต” สร้างสีสันสังคมกลางแดด จัดจ้าน-จี๊ดจ๊าดดี
บ้านเมืองมันต้องมีคนจริงประเภท “ระห่ำลำหัก” อย่างนี้บ้าง ไม่อย่างนั้น คนประเภท “รวยไม่ทราบสาเหตุ” มันจะรื่นเริงและเรี่ยราดไปทุกระบบ
ความจริง ผู้สร้างสีสันสังคมไม่ใช่เพิ่งมีคุณชูวิทย์ในยุคนี้ มีมาทุกยุค สมัยจอมพลป. จอมพลสฤษดิ์ จอมพลถนอม เป็นนายกฯ ก็มี
แต่หนักไปทางไฮด์ปาร์คการเมือง ที่จะห้าวกลางแดดออกมากระซวกพวก “แมงดาสังคม” ด้วยหลักฐานจะจะแบบคุณชูวิทย์ ไม่มี
สมัยป๋าเปรม ก็มีอยู่คน เป็น “ร้อยตำรวจเอก” ชื่ออะไรก็ลืมไปแล้ว แฉแหลก-แหกอกระบบตำรวจ แบบคุณชูวิทย์นี่แหละ
หรือสมัยนายกฯ ชวน ต่อด้วยสมัยทักษิณก็ “พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ “เสธฯ แดง” ยังคงจำกันได้กระมัง
สมัยนั้น เสธฯ แดงเป็น “ตัวจี๊ด” ทางสังคมการบ้าน-การเมือง ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
แต่เหล่านั้น จะเฟื่องแบบฟ่ามๆ ทางการเมือง
ที่ “ห้าว-สาวไส้” พวกตะไลเมืองได้เรื่อง-ได้ราวอย่างคุณชูวิทย์ไม่มี!
แต่เมื่อเห็นลูกผู้ชายชื่อชูวิทย์ “บุกดะฉะเดี่ยว” ท้าไป ๑๐ ทิศ ชนิดไม่เลือกหน้าอินทร์-หน้าพรหมอย่างตอนนี้ ก็อดห่วงไม่ได้
ไม่ได้ห่วงว่าใครจะมาทำอะไรคุณชูวิทย์หรอก….
เห็นมัดกล้ามยังกะ “บรูซ ลี” ตอนที่ถอดเสื้อท้าดวลกะคุณสันธนะ เมื่อวานแล้ว ถ้าผมเป็นคุณสันธนะ
ขอ “สลบ-หลบตีน” ตั้งแต่ยกแรกแล้ว!
แต่ที่ห่วง ก็คือ……..
ห่วง “ความขลัง” คุณชูวิทย์ ที่ได้ใจแฟนไปเต็มๆ ตอนหอบหลักฐานมาลากไส้ขบวนการตู้ห่าวและแก๊งพนันออนไลน์ ที่มีนายตำรวจน้อย-ใหญ่ยั้วเยี้ยเป็นหนอนไชศพ
เนี่ย…
เห็นแฟนๆ บ่น ว่า “เฮียชู” เป็นพระเอกในดวงใจดีๆ อยู่แล้ว แต่พอ “แตกดอก-ออกเรื่อง” มากไปในเวลาเดียวกัน มันจึงเหมือนเติมน้ำลงไปใน “หัวกะทิ”!
“รบ ๑๐ ทิศ” พร้อมๆ กัน มันมีโอกาสพลาดได้
นี่…แฟนๆ คุณชูวิทย์เขาว่ามา ผมก็ว่าไป
ความจริงผมเดินชนไหล่กะคุณชูวิทย์ตรงหน้าโรงแรมเดวิดหลายครั้ง เพื่อไปขึ้น BTS ที่หน้าเอ็มโพเรียม ผมจำคุณชูวิทย์ได้ แต่คุณชูวิทย์ไม่รู้จักผม
ก็เท่านี้ ไม่มี “ลับลมคมใน” อะไร
รู้…ไม่มีใครห้ามระห่ำคุณชูวิทย์ได้ ยิ่งผม ยิ่งมิกล้าบังอาจ แต่ทั้งหมดนี้ …….
ผมเพียง “เล่าสู่กันฟัง” แบบกระหนุง-กระหนิงกะแฟนๆ ของผม ห้ามคุณชูวิทย์ได้ยินก็แล้วกัน!
มาคุยเรื่องนี้ดีกว่า
เมื่อวาน เห็น “ไทยโพสต์” พาดศีรษะข่าวว่า “เศรษฐาเก่งตรงไหน?”
สืบเนื่องจากนักข่าวถามนายกฯ ประยุทธ์ ว่า
“พรรคเพื่อไทยเปิดตัว “นายเศรษฐา ทวีสิน” เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แล้วพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีตัวชูอย่างนั้นบ้างหรือไม่?”
แล้วนายกฯ ก็ถามกลับว่า
“แล้วเขาเด่นตรงไหนล่ะ ที่เสนอชื่อเขามา เขาเก่งตรงไหน เขาทำอะไรมา เขาทำธุรกิจ และประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ”
นี่คือ ที่มา-ที่ไปของหัวข่าวและหัวเรื่องที่วิพากษ์กันช่วงนี้
นายกฯ ไม่รู้จักคุณเศรษฐาได้ไง เขาทั้งดัง-ทั้งโด่ง
ดังตั้งแต่ปี ๕๓ ตอนนปช.ทักษิณยึดจากราชประสงค์ยันสวนลุมพินีชุมนุม จนเกิดจลาจล “เผาบ้าน-เผาเมือง”
ตอนนั้น ชื่อคุณเศรษฐาได้รับการกล่าวขานทั้งจาก “วงนอก-วงใน” ถึงความเอื้ออาทร นปช.เต็มร้อย
ตอนยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ที่มีเรื่อง-มีราวยิ่งลักษณ์ “หนีประชุมสภา” ในการวิพากษ์-วิจารณ์ ก็มีชื่อคุณเศรษฐาตกเป็นขี้ปากสังคมอยู่ด้วย
และตอนนี้ ที่พรรคเพื่อไทยจากที่คุยว่าเป็น “สถาบันการเมือง” ก็คืนสภาพจริง เพื่อไทย คือ “พรรคของครอบครัว” โดยมีคุณอุ๊งอิ๊ง เป็นหน้าหน้าครอบครัว
คุณเศรษฐาก็มีชื่อในฐานะ “คู่เทียบ” ในตำแหน่งนายกฯ ของครอบครัวเพื่อไทยด้วย
ที่รู้จักกันในท้องตลาดอีกด้าน คือ คุณเศรษฐา หนุ่มร่างสูงใหญ่ ผึ่งผาย ใจสปอร์ต กทม.เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขายบ้าน ขายคอนโดฯ ขายที่ดิน ใหญ่โตระดับประเทศ
ผมว่าดีแล้ว เหมาะยิ่งแล้ว เป็นคุณกับรัฐบาลประยุทธ์มาก ที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้คุณเศรษฐาไปเป็นประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ
เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะที่ผ่านมา ๘ ปี โดยเฉพาะ ๔ ปีหลัง เห็นได้ชัดว่า คนเพื่อไทยนอกจากซื่อบื้อแล้วยังสวมกระบังตากินหญ้าแห้งอีกตะหาก
เอาแต่ประสานเสียงทั้งเช้า-สาย-บ่ายเย็น นอนก็ยังไม่วายละเมอว่า….คนโง่เป็นนายกฯ เศรษฐกิจล่มจม ประเทศไทยถอยหลัง คนอดตายกันหมดทั้งประเทศแล้ว
ก็งมงายด้วยริษยา ใครเขียนพลอตเรื่องมาให้ท่องก็ไม่รู้ ทั้งพรรคเจอไมค์ก็กระโจนท่องประจานเท่อ
ไม่ลืมหู-ลืมตาดูความจริงเลยว่า….
ประยุทธ์บริหาร เศรษฐกิจล่มจม ประเทศถอยหลัง คนอดตาย หรือว่า ประเทศฟูฟ่า เติบโตทุกด้าน ร้านอาหารแน่นยังกะให้กินฟรี
คุณเศรษฐา ซึ่งอยู่กับเศรษฐกิจจริง จะได้ไปตบกะโหลก แต่ละสส.แต่ละโฆษก ให้ลืมตาดูโลกเป็นจริงบ้าง…อายเค้า
เพราะตัวเลขเห็นๆ เอาเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “เอสซี แอสเสท” ของลูกเขยทักษิณ ยังแถลงข่าวว่า หลังละ ๕๐ ล้าน ๑๐๐ ล้าน พรึบ..เกลี้ยง!
อย่าง “แสนสิริ” คุณเศรษฐาแถลงเองวานซืน….
“ผลประกอบการปี ๖๕ แข็งแกร่งมาก ยอดขายรวม ๕ หมื่นล้านบาท โตเกือบ ๕๐% มีรายได้รวมทั้งสิ้น ๓๔,๙๘๓ ล้านบาท
ด้านผลการดำเนินงานปี ๖๕ แสนสิริมีกำไรสุทธิสูงถึง ๔,๒๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๑๒% จากปี ๖๔ ที่มีกำไรสุทธิ ๒,๐๑๗ ล้านบาท
แสนสิริ นับเป็นบริษัทที่มีการเติบโตด้านกำไร “สูงที่สุด” ในอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้
นี่คือ “เศรษกิจจริง” จากบริหารของรัฐบาลประยุทธ์ที่ทำให้คุณเศรษฐา “ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ถูกความรวยทับจนหัวแม่ตีนบวม!
เมื่อคุณเศรษฐาเข้าไปเป็นที่ปรึกษา ก็ได้จะนำตัวเลขจริงทางเศรษฐกิจไปบอกให้ทุกคนในครอบครัวเพื่อไทยได้ตาสว่าง
จะได้เลิกประจานความโง่งั่งตัวเองด้วยหลับหู-หลับตาตะโกนว่า “เศรษฐกิจล่มจม-ประเทศล้าหลัง-คนจะอดตายกันหมดแล้ว” ซะที!
ประเทศชาติ “ไม่ใช่ธุรกิจ” ในด้านเล่นแร่-แปรธาตุ ซื้อมา-ขายไป ตามนัยที่นายกฯ ว่า
“ประเทศชาติ” เป็นเรื่อง “บริหาร-จัดการ” ในองค์รวม ถ้าผู้นำบริหาร มีวิสัยทัศน์สัตย์-สุจริต “ภาคธุรกิจ” ก็จะได้รับการปกป้องผลประโยชน์และการต่อรองให้
เรียกว่า “ภาครัฐ” ต้องผลักดันและอภิบาล “ภาคธุรกิจ” ให้ลื่นไหลไปทั้งองคาพยพ ไม่ใช่เอื้อบริษัทนั้น-กีดกันบริษัทนี้
นี่คือความหมาย “ธุรกิจของประเทศชาติ” ซึ่งไม่ใช่การทำให้ “ประเทศชาติคือธุรกิจ”
อยากรู้ การบริหารให้ “ประเทศชาติเป็นธุรกิจ” คือแบบไหน ดูได้ในยุค “ทักษิณบริหาร” เช่น….
“ให้ Exim Bank ปล่อยเงินกู้สหภาพพม่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อเอาไปซื้ออุปกรณ์กิจการโทรคมนาคมจากบริษัทในเครือชินคอร์ปอเรชั่นฯ”
แบบนี้ คือการทำให้ “ประเทศชาติเป็นธุรกิจ” ครอบครัว
แล้ว “ธุรกิจของประเทศชาติ” อย่างที่นายกฯ ประยุทธ์บริหารเป็นแบบไหน?
ก็แบบ “ฝนตกทั่วฟ้า” ได้หมดตามฐานานุรูป ตั้งแต่ยอดหญ้ายันยอดยาง เช่นการท่องเที่ยวตอนนี้
เป็นไงล่ะ ชาวบ้าน-ร้านค้า นับเงินกันจนแทบไม่มีเวลาเงยหน้า!
ระดับยอดยาง จะต้องไปดูอื่นไกลให้ยุ่งยากทำไม ดูยอดขายบ้านจัดสรรของแสนสิริกับเอสซี แอสเสท นี่ก็ตำตาอยู่แล้วว่า “ทั่วหน้า” หรือ “เฉพาะพวก-เฉพาะกลุ่ม”
สรุป…….
นายกฯ ท่านถามถูกแล้ว และครอบครัวเพื่อไทย ตั้งคุณเศรษฐาเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ก็ถูกแล้ว
ถูกของนายกฯ คือ ๘ ปี ถึงวันนี้ ไม่มีคนอดตาย มีแต่คนอิ่มจนอ้วก ประเทศติดอันดับโลกนับไม่ถ้วน เศรษฐกิจรวยกันตีนบวม
ถูกของครอบครัวเพื่อไทย คือ ได้คุณเศรษฐา ผู้ได้รับอานิสงส์ “ประยุทธ์บริหาร” จนธุรกิจรวยเป็นหมื่นๆ ล้านไปไขความจริงให้
ถ้าเศรษฐาได้เป็นนายกฯ จะได้บริหารถูก
ระหว่าง “ธุรกิจของประเทศชาติ”
กับ “ทำประเทศชาติให้เป็นธุรกิจ”!
เปลว สีเงิน
๓ มีนาคม ๒๕๖๖