นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กที่ไอดี จาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวถึงความเสียหาย 8 ประการที่ไม่สามารถแก้ได้ถ้าคนชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ โดยมีข้อความ ดังนี้
8 ปัญหาความเสียหายของประเทศที่ไม่มีทางแก้ได้หากนายกฯยังเป็นประยุทธ์ จันทร์โอชา
ความเสียหายที่พลเอกประยุทธ์ก่อขึ้นเป็นความเสียหายที่เกิดจากความล้มเหลวผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์เอง แต่ในการอภิปรายก็ชัดเจนว่าไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่พลเอกประยุทธ์จะกลับลำแก้ไขความผิดพลาดของตนเองใน 8 ข้อนี้เลย
1.การต่างประเทศ ที่ประเทศไทยร่วมมือกับใครไม่ได้เลยหลังการรัฐประหาร ในเวทีต่างประเทศเวลานี้จากความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ ประเทศใหญ่ มองมาทางภูมิภาคนี้เขาสนใจอยู่ 2 เรื่อง
เรื่องที่ 1 คือในภูมิภาคนี้จะสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศแค่ไหน? แต่ปรากฏว่าไทยทำผิดพลาดตรงที่เราไม่แสดงความยอมรับกฎหมายระหว่างประเทศ ในการที่ไปงดออกเสียงในเรื่องรัสเซีย-ยูเครนในครั้งหลัง
เรื่องต่อมาคือการรัฐประหารในเมียนมาร์ ที่อาเซียนมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ โดยเฉพาะมติให้คืนประชาธิปไตยโดยเร็ว และก็ต้องการให้มีการสนับสนุนทางมนุษยธรรมแก่ประชาชนชาวเมียนมาร์ แต่ปรากฏประเทศไทยที่เป็นประเทศที่ควรทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุดและทำมากที่สุด กลับไม่ทำอะไรเลย หรือทำตรงกันข้าม
เพราะฉะนั้นประเทศไทยในการต่างประเทศเป็นตัวตลก และไม่มีที่ยืนในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่มีโอกาสที่จะร่วมมือกับใครได้เลย
2. รัฐบาลไทยไม่สามารถทำการตกลงทางการค้าเสรีหรือเรียกว่า FTA กับประเทศใหญ่ๆได้ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะกับสหภาพยุโรปหรืออังกฤษ กับอีกบางประเทศ นั่นเป็นเพราะว่าวิธีคิดของพลเอกประยุทธ์และภาพพจน์ในสายตาต่างประเทศมันตกต่ำ ทำให้เราเสียโอกาสในการส่งออกไปมหาศาล
3.การดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้าประเทศ จากการที่ไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานล่าช้า ซึ่งเห็นชัดคือโครงการรถไฟความเร็วสูง การพัฒนาโลจิสติกส์ก็พัฒนาช้า พัฒนาคนให้มีทักษะเพื่อรู้จักใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ช้า นี่เป็นสาเหตุที่ไม่มีใครอยากมาลงทุน
รวมไปถึงการไม่แก้กฎกติกาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน แต่หลักนิติธรรมกลับเข้ามาแทรกแซง ทั้งอัยการ ตำรวจ วางระบบสว.เป็นผู้รับรองตุลาการระดับสูงเพราะฉะนั้นต่างประเทศเขามองเข้ามาหลักนิติธรรมไม่รู้อยู่ที่ไหน ไม่นับว่าการบังคับใช้กฎหมายกันอย่างไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมต่อประชาชนเต็มไปหมด
ทั้งนี้ ยังมีการทำลายระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ยกโครงการขนาดใหญ่ให้บริษัทนายทุนใหญ่ ยกให้ต่างประเทศและองค์กรต่างประเทศ รัฐบาลไทยยกให้ไปเปล่าๆแถมยกเว้นระเบียบจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดทุกฉบับ เขามองมาเขาจะคิดอย่างไร?
4. ความล้มเหลวในการรองรับการลงทุนในประเทศและการท่องเที่ยวในเรื่องแรงงานข้ามชาติ เป็นระบบที่ต้องการขูดรีดเอาประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติและธุรกิจที่ใช้แรงงานข้ามชาติ คิดค่าหัวใต้โต๊ะ 30,000 บาท แต่กิจการต่าง ๆ ในไทยขาดแคลนแรงงานข้ามชาติอยู่มากถึง 600,000 คน พวกเขาก็ไปต่อไม่ได้ ระบต้องการทำให้ยากเพื่อหาประโยชน์
5 นโยบายการคลังที่ก่อหนี้สูง แต่ใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพไม่มีประสิทธิผล อันนี้โยงไปกับเรื่องทางกองทัพและเรื่องทางความมั่นคงด้วยรายจ่ายประจำพุ่งสูง งบลงทุนน้อย เน้นโครงการประเภทเอาเงินกู้มาเพิ่มการบริโภคใช้จ่ายซึ่งปัจจุบันกำลังโยงเข้ากับการหาเสียงของพรรคการเมืองและเป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้
6.ทุจริตคอรัปชั่นสูงทั้งระบบ โดยต้นตอมาจากการเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งคณะกรรมการ ปปช.เห็นได้จากประธาน ปปช.คือคนสนิทของคนในคสช. รวมทั้งองค์กรทางด้านการตรวจสอบทั้งหลาย เดี๋ยวนี้รับรองโดยวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของพลเอกประยุทธ์ทั้งนั้น
7. การใช้ความมั่นคงเป็นหลักวางระบบบริหารประเทศ โดยกองทัพครอบงำการบริหารราชการแผ่นดินทั้งระบบ อันนี้จะเห็นจากตอนบริหารโควิด-19 ที่ไม่สนใจเรื่องเศรษฐกิจ หรือบริหารแบบขาดวิสัยทัศน์ เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่าและการจัดงบประมาณแผ่นดินที่เน้นความมั่นคง
8. การทำให้ประเทศเสียหายขาดรายได้จากการประมงหลายแสนล้านต่อปี เพราะการเจรจาของพลเอกประยุทธ์ทำไปในขณะเป็นหัวหน้าคสช. ซึ่งรัฐบาลคสช.ต้องการลดการเสียดทานในการที่สหภาพยุโรปไม่ยอมรับรัฐบาลเผด็จการ
เพราะฉะนั้นจึงไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวประมงทั่วประเทศ 22 จังหวัด อะไรก็ยอมหมดเพื่อให้รัฐบาล คสช. อยู่ได้ พอมาเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งก็รับรองข้อตกลงเหล่านั้น ไม่คิดจะแก้ไขเลยและเป็นไปไม่ได้เลยที่ในอนาคตพลเอกประยุทธ์จะแก้เรื่องนี้ เพราะมันเท่ากับกลืนน้ำลายตัวเอง
จะเห็นไดัว่า 8 ข้อนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่มาจากพลเอกประยุทธ์และพลเอกประยุทธ์จะไม่มีทางแก้ปัญหาเหล่านี้ หากพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งอีก ประเทศก็จะยิ่งเสียหายต่อไป