นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศครับ วันนี้ผม นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ก็จะออกมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ในรายการ สามารถ 5 นาที ผ่านเฟซบุ๊ก สามารถ เจนชัยจิตรวนิชครับ
วันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมเป็นกังวลและต้องออกมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผมเองได้คุยกับเพื่อนส.ส.หลายท่านใน เรื่องของฝุ่นPM2.5 ที่วันนี้มีการประกาศเกินค่ามาตรฐาน 67 พื้นที่นะครับทั่วกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่เสี่ยงในการที่จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพ PM2.5 นั้นต้องนำเรียนก่อนครับเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งปอด แล้วประเทศไทยนั้นมีคนตายปีละประมาณ 70,000 กว่าคนจากฝุ่นPM2.5
ตัวผมเองนะครับเมื่อช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมาก็มีการไอ แล้วก็ไปพบหมอที่โรงพยาบาล หมอก็ถามว่าได้ออกไปที่โล่งแจ้งรึเปล่า ช่วงนี้ฝุ่นเยอะผมก็ตกใจครับว่า ประเทศไทยคนไทยเราอยู่กันแบบนี้หรอ ผมเป็นห่วงพ่อแม่พี่น้องประชาชนครับ ผมเองมีรถยนต์ไปไหนมาก็ค่อนข้างที่จะสะดวกกว่าคนอื่น แต่พ่อแม่พี่น้องประชาชน คนที่อื่นเขาลำบากต้องยังชีพโดยการขึ้นรถเมล์ เดินทางโดยรถเมล์สาธารณะ ซึ่งเป็นรถเมล์ร้อนนั้นเนี่ย เค้าต้องมาเจอฝุ่นอยู่ทุกวันครับ
และคนที่ทำงานอยู่กลางแจ้ง คนที่ต้องใช้กิจกรรมกลางแจ้งในการหารายได้เนี่ยเขาก็ต้องเสี่ยงอันตราย ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนครับ ผมเห็นนะครับประเทศไทยนั้นฝุ่นPM2.5 นั้นจะมาในช่วงต้นกุมภา แต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าปีที่แล้วกับปีนี้มันจะแตกต่างกันอย่างไรในมาตรการป้องกัน
สิ่งสำคัญที่สุดผมอยากจะบอกไปผู้ว่า กทม นั้นเนี่ยท่านเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีหรืออย่างไร ผมไม่เชื่อผมยังไม่เห็นผลงานในสิ่งที่ท่านทำเป็นชิ้นเป็นอัน อะไรที่มันเกิดปัญหามันก็ยังซ้ำซากอยู่เหมือนเดิม ท่านไม่มีมาตราการในการที่จะป้องกันฝุ่นให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนกรุงเทพเลย
อีกคนนึงอธิบดี ปภ. ท่านมีอำนาจล้นฟ้านะครับในต่างประเทศกรม ปภ. เป็นกรมที่ใหญ่มากในการที่จะไขปัญหาภัยพิบัติในกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนในทุกใิติ แต่สิ่งสำคัญที่สุดผมก็เห็นปีที่แล้วกับปีนี้มันก็เหมือนเดิม มันไม่มีการลดอะไรเลย PM2.5 นั้นเนี่ย มันฆ่าชีวิตไทยเนี่ยเป็นอันดับ 2 ในผู้ชายนะครับมะเร็งปอด อันดับ 1 คือมะเร็งตับ ส่วนในผู้หญิงเนี่ยถือว่าเป็นอันดับ 1
นั่นก็คือสิ่งที่มันเดือดร้อนกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน และฝุ่นPM2.5 ในประเทศไทยนั้นเป็นอันดับ3 ในอาเซี่ยนรองจากเวียดนามและอินโดนีเซีย ผมถามหน่อยครับว่าท่านมีมาตราการในการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นนี้อย่างไร
ในต่างประเทศนั้นเขามีศูนย์ในการที่จะตั้งหอคอยทำเครื่องดูดอากาศแล้วดึงเข้ามาแล้วปล่อยลงให้เจอน้ำก็ตกลงพื้น หรือมีปล่อยละอองฝอยเป็นจุดวัดค่าPM2.5 ถ้ามันเกินก็ปล่อยออกมา นั่นก็คือสิ่งที่ผมถามว่าทุกวันนี้มันมีการดักอากาศรึเปล่า การตรวจสอบคุณภาพอากาศ และมีมาตราการป้องกันอย่างไรไหม นี่ก็คือสิ่งที่ผมไม่เห็นท่านผู้ว่า กทม และอธิบดี ปภ.ทำอะไรเลย
ผมคิดว่าคงมี ส.ส. อีกหลายท่านออกมาพูดเรื่องนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ผมเป็นห่วงก็คือกลัวพ่อแม่พี่น้องประชาชนจะออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับท่านผู้ว่า กทม และอธิบดีข้อหาพยายามฆ่า สิ่งที่ท่านกำลังปล่อยปะละเลยนั้น ถืแเป็นการพยายามฆ่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนทางอ้อม อย่างที่ผมพูดครับฝุ่นPM2.5 นั้นมันทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด มันเป็นผลต่อสุขภาพ ต่อชีวิตของเขา แล้วประเทศไทยก็มีคนตายแล้ว70,000 กว่าคนต่อปี
สิ่งสำคัญที่สุดเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ไม่ใช่ว่าให้ชาวบ้านบอกว่าเจอฝุ่นให้ work for home เจอฝุ่นอย่าออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เจอฝุ่นอย่าออกไปข้างนอกผมว่าไม่ใช่ประชาชนเสียภาษีให้รัฐ ประชาชนสละอำนาจให้รัฐปกครอง
ฉะนั้นเราต้องมีมาตราการในการป้องกันให้เขา ถ้าทำไม่ได้ผมคิดว่าผู้ว่า กทม ลาออกไปเถอะครับ อธิบดี ปภ. ลาออกไปเถอะครับ ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้แก้ไขปัญหานี้ เพื่อความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องประชาชน จะต้องไม่มีใครมาเดือดร้อนจากเรื่องนี้อีก จะต้องไม่มีใครมาตายจากเรื่องนี้อีก
ถ้าทำไม่ได้ท่านผู้ว่าลาออก ท่านอธิบดีลาออกนะครับ ผมคิดว่าปีที่แล้วกับปีนี้ผมไม่เห็นมีมาตรการอะไรที่มันจะแตกต่าง นอกจากที่บอกว่าให้ประชาชนเฝ้าระวังเลยครับ ผมก็ขอฝากท่านนายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ขอบคุณครับ
