ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงข่าวความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศ

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กระทรวงคมนาคม แถลงข่าวความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศ

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการ ทสภ. พร้อมด้วย นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ทอท. แถลงข่าวความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ทสภ.

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร กล่าวว่า สถิติเที่ยวบินและผู้โดยสารในภาพรวมของ ทสภ. นับตั้งแต่ประเทศไทยเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 15 กุมภาพันธ์ 2566 มีจำนวนเที่ยวบิน รวม 107,304 เที่ยวบิน และมีจำนวนผู้โดยสาร รวม 17,350,179 คน

ซึ่งภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 คลี่คลายลง และประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่ทำการบิน ณ ทสภ. ในภาพรวมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะภายหลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566

รวมทั้งอนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวจัดกรุ๊ปทัวร์นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ส่งผลให้ ทสภ. มีจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 8 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 เที่ยวบินที่ทำการบินเข้ามาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีน ฮ่องกง มาเก๊า) มีจำนวน 751 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 20 เที่ยวบิน และผู้โดยสารขาเข้าจากจีนมีจำนวน 161,502 คน เฉลี่ยวันละ 4,142 คน

ทั้งนี้ ทสภ. คาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินขาเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเกือบ 500,000 คน ภายในประมาณวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 และ 1,000,000 คน ภายในประมาณวันที่ 20 สิงหาคม 2566

ด้านความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เกิดความแออัดคับคั่งของผู้โดยสารโดยเฉพาะในช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วน (Peak Hour) นั้น ทสภ. มีความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขในหลายประเด็น อาทิ

กรณีการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว สถิติเที่ยวบินที่กระเป๋าล่าช้ามากกว่า 30 นาที จากเดิมเมื่อเดือนธันวาคม 2565 มีจำนวนประมาณ 50 เที่ยวบินต่อวัน เดือนมกราคม 2566 ประมาณ 30 เที่ยวบินต่อวัน

ปัจจุบันเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ลดลงเหลือประมาณ 15 – 20 เที่ยวบินต่อวัน คิดเป็นประมาณร้อยละ 7 ของเที่ยวบินทั้งหมด ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะกลาง บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น ณ ทสภ. ทั้ง 2 ราย (บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด) ได้เร่งดำเนินการเพิ่มจำนวนบุคลากรและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการเปิดประเทศ

สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวอยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 ซึ่ง ทอท. ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการรองรับปริมาณเที่ยวบิน และจำนวนผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยให้กับ ทสภ. ต่อไป

ทสภ. เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหารถแท็กซี่สาธารณะขาดแคลน ให้เป็นไปด้วยความคล่องตัวเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและใช้เวลาการรอคิวน้อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรถแท็กซี่เพิ่มขึ้นจากเดิม เป็น 3,909 คัน ทสภ. คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนรถแท็กซี่เพื่อรองรับการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นได้ถึงจำนวน 4,500 คัน ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT เพื่อดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ทสภ. และจองการใช้บริการรถ TAXI เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการรถแท็กซี่

นอกจากนี้ ทอท.อยู่ระหว่างเตรียมการแก้ไขปัญหาความแออัดคับคั่งบริเวณพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางภายในอาคารผู้โดยสาร ทสภ. โดยมีแผนการเพิ่มขีดความสามารถของจุดตรวจหนังสือเดินทาง ณ ทสภ. แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 ติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Auto channel เพื่อรองรับผู้โดยสารขาออกได้ทุกประเทศที่มีการใช้งาน E – Passport ทำให้ผู้โดยสารสามารถใช้บริการผ่าน Auto channel ได้ สะดวก รวดเร็ว ในขณะที่ผู้โดยสารขาเข้านอกจากผู้โดยสารคนไทย ประเทศไทยมีบันทึกข้อตกลงในการผ่านเข้าประเทศ สามารถใช้บริการ Auto channel ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติงบประมาณ

และคาดว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการจัดหาพัสดุประมาณเดือนมิถุนายน 2566 และเริ่มทยอยทำการติดตั้งเครื่อง Auto channel ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 จนครบภายในเดือนสิงหาคม 2567 ทำให้มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาออก จาก 6,200 คน/ชั่วโมง เป็น 8,800 คน/ชั่วโมง และสามารถรองรับผู้โดยสารขาเข้า จาก 11,000 คน/ชั่วโมง เป็น 13,300 คน/ชั่วโมง

ระยะที่ 2 ก่อสร้างพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณพื้นที่ว่างระหว่างอาคารผู้โดยสารกับอาคาร Concourse D เพื่อเป็นโถงรองรับผู้โดยสารขาเข้าและผู้โดยสาร Visa on Arrival (VOA) ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติงบประมาณ และจัดทำข้อกำหนดรายละเอียด (TOR) โดยจะสามารถเริ่มงานประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 และจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2568 โดยเมื่อการดำเนินงานแล้วเสร็จ จะเพิ่มขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารขาเข้าเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 คน/ชั่วโมง และการรองรับผู้โดสาร Visa on Arrival (VOA) เพิ่มขึ้นประมาณ 400 คน/ชั่วโมง

ทั้งนี้ ทอท. ได้ติดตามและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมรองรับสถานการณ์การเพิ่มจำนวนของผู้โดยสารที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบริการและการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว

Written By
More from pp
นายกฯ ยินดียูเนสโกรับรอง ‘คัมภีร์ใบลานเรื่องอุรังคธาตุ’ เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก ถือเป็นเอกสารโบราณสำคัญของชาติ เป็นแหล่งรวมความคิด และประสบการณ์สะท้อนความหลากหลาย
27 พฤษภาคม 2566  นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
Read More
0 replies on “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงข่าวความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศ”