สันต์ สะตอแมน
หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ..
เวลานี้ ได้ตีเกราะเคาะข่าว เชิญชวนผู้ที่นิยมชมชอบหนังไทยทั้งอดีต-ปัจจุบัน ร่วมเสนอชื่อหนังไทยในดวงใจ เพื่อคัดเลือกขึ้นทะเบียน “มรดกภาพยนตร์ของชาติ” ครั้งที่ 13 ประจำปี 2566 แล้ว
โดยเงื่อนไข..เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับคนไทยหรือถ่ายทำโดยคนไทย ไม่จำกัดประเภทภาพยนตร์ และไม่ซ้ำกับภาพยนตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติมาก่อน
โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพร่วมพิจารณา-คัดเลือก ตามหลักเกณฑ์.. หนึ่ง คุณค่าทางประวัติศาสตร์และความทรงจำ สอง คุณค่าทางศิลปะภาพยนตร์
สาม มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สี่ บูรณภาพ ห้า ความเสี่ยงต่อการสูญเสียหรือยากแก่การหาทดแทน และหก อิทธิพลต่อคนและสังคม
สำหรับผู้ร่วมเสนอรายชื่อ หอภาพยนตร์จะมีของที่ระลึก เพื่อขอบคุณที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทย โดยหมดเขตเสนอชื่อวันที่ 30 เมษายน 2566
ครับ..ก็นำมาบอกกล่าวเล่าแจ้ง และถ้าไม่ติดเงื่อนไขอะไร ผมขอเสนอชื่อหนังเรื่อง “วัยอลวน” ของผู้กำกับคุณเปี๊ยก โปสเตอร์ เสียตรงนี้ล่ะกัน!
ส่วน “วัยอลวน5” ของผู้สร้าง-ผู้กำกับ คุณไพโรจน์ สังวริบุตร ที่กำลังออดอ้อน-วิงวอนให้คนไปช่วยดูในโรงหนัง ไม่งั้นตัวเองล้มละลายแน่นั้น เอาไว้ให้ผมได้ไปดูหนังกับตาเสียก่อน..
จะเสนอ หรือไม่เสนอชื่อ ค่อยว่ากันอีกที!
แต่..ที่เห็นควรต้องว่า และต้องตำหนิเสียเลยตอนนี้ ก็ท่านผู้ว่าฯชัชชาติ สิทธิพันธ์ จะด้วยเหตุที่มีคนเคยโพสต์..
“สวนป่าเบญจกิติ นี้เป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ และกรมธนารักษ์เป็นผู้จัดทำ-จัดสร้างทั้งสิ้น “กทม.” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างแต่ประการใด ก็บอกให้รู้ไว้ เผื่อใครจะมาเคลม
เมื่อสร้างเสร็จ กรมธนารักษ์ก็จะมอบให้ “กรุงเทพมหานคร” หรือ กทม.เป็นผู้ดูแล บำรุงรักษาและบริหารจัดการต่อไปเท่านั้น” หรืออย่างไร?
คุณชัชชาติถึงได้แกล้งทำเป็นเมินเฉย ปล่อยปละละเลยให้ “สวนป่าเบญจกิติ” ป่าในเมือง แห้งเฉา จนคนเขาทนดูไม่ได้ ต้องถ่ายรูปนำมาโพสต์ (ประจาน) พร้อมข้อความ..
“สวนป่าเบญจกิติ” เปลี๊ยนไป๋ “เกาะต้นไม้” ดูโทรมจนผิดตา”! ก่อนถูกแชร์ว่อนในโลกโซเชียล!
เนี่ย..ทำให้นึกย้อนไปถึงคำพูดของอดีตนายใหญ่คุณชัชชาติ..“ผมตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ
แต่เราต้องดูแลคนทั้งประเทศด้วย แต่เวลาจำกัด ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง”
และนายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ว่า.. “จะไม่สร้างศูนย์ประชุมที่จังหวัดภูเก็ต เพราะไม่มีอารมณ์ และต้องรอให้คนภูเก็ตเห็นความดีของพรรคเพื่อไทยจนเลือกให้เป็น ส.ส. ก่อน” ขึ้นมาในหัว
ถามจริง..คุณชัชชาติยังติดนิสัยแบบนี้มาจากพรรคไทยรักไทย-พรรคเพื่อไทยอยู่อีกเหรอ..เมื่อสวนป่าเบญจกิติ เป็นผลงานของกรมธนารักษ์..
ก็..ปล่อย-ช่างแม่งงงมันเหมือนคลองโอ่งอ่าง เรือคลองผดุงฯ กระนั้นรึ?
กรุงเทพฯน่ะ ใช่มีเฉพาะ 1.3 ล้านเสียงที่เลือกคุณชัชชาติเสียที่ไหน อย่าคิดว่าแข็งแกร่งในปฐพีแล้วจะทำ-ไม่ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจสิ?
ไป..รีบออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่-พนักงานไปดูสวนป่าเบญจกิติเสียแต่บัดนาว และเร่งลงมือฟื้นฟู-ฟูมฟักต้นหญ้า-ต้นไม้ให้กลับมามีชีวิตชีวา เขียวขจีเหมือนแต่ก่อนในเร็ววัน!
หรือให้ดี ตื่นเช้า-ไก่ขันก็ออกไปวิ่งไลฟ์สดอยู่ที่นั่นจนกว่าต้นไม้-ต้นหญ้าจะกลับมาสดชื่นเหมือนเดิม เพิ่มเติม.. ขณะวิ่งให้ท่องเสียงดังๆ ไปด้วยว่า..
“เมื่อสร้างเสร็จ กรมธนารักษ์ก็จะมอบให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้ดูแล บำรุงรักษาและบริหารจัดการต่อไป”..
สวนป่าฯ จะได้ ไม่เปลี๊ยนไป๋!