แม่หมอสมัครเล่นภาคพิเศษ – ฟองสนาน จามรจันทร์

ฟองสนาน จามรจันทร์

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2566-ปีแห่งการออกจากทุกข์ใหญ่ของเมืองและเศรษฐกิจและประชาชนและรัฐบาลและฝ่ายค้านและเซเลบ-จางจากโรคระบาดใหญ่เข้าสู่การเริ่มปีที่สองของการตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจโลก-ต่อสู้เพื่อโชคใหญ่ท่ามกลางความประมาท-เก็งกำไร-หละหลวม-หลอกลวง และสงครามเศรษฐกิจ

รูปดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และดาวจรดวงสำคัญ-ทักษาจรปี 2566

มฤตยูจร(0)เดินอยู่ในพฤษภ(รอบที่สอง) เริ่ม8มี.ค.-สิ้นปี (มีเดินผิดปกติ)
พระเสาร์จร(7)ย้ายจากมังกรเข้ากุมภ์เริ่ม 1 มี.ค.-สิ้นปี (มีเดินผิดปกติ)
พฤหัสบดีจร(5)ย้ายจากมีนเข้าเมษเริ่ม 19 เม.ย.-สิ้นปี
พระราหูจร(8)ย้ายจากเมษเข้ามีนเริ่ม 18 ต.ค.-สิ้นปี
ทักษาเดิมเมืองภูมิอาทิตย์
วันที่ 21 เม.ย. 66 เมืองอายุเต็ม 241ปี-เริ่มอายุย่าง 242 ปี
ระหว่าง 21 เม.ย.66-21 เม.ย. 67 ทักษาจรเมืองตกภูมิราหู 8-พระจันทร์ 2 เป็นศรีจร-พฤหัสบดี(5)เป็นกาลกิณีจร

สรุปเกณฑ์สำคัญทางโหรที่จะเกิดในกรุงรัตนโกสินทร์ปี2566

  • โควิด-19 จางไป-เข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของการตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจโลกเพื่อปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจ การทำมาหาได้ ระบบภาษี ระบบบำเหน็จบำนาญ -ตลาดหุ้นเพื่อสร้างฐานสูงใหม่ทางเศรษฐกิจ-ก้าวกระโดด
  • ปี 2566ทั้งปีเข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของลางการเกิดเมืองหลวงแห่งที่สอง หรือโครงการคล้ายกันที่เป็นเมกกะโปรเจ็กต์ของประเทศ รอบนี้เริ่ม 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป-ภายในระยะเวลาสองปีครึ่งจะมีการตั้งหน่วยงานหรือสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศขนาดใหญ่โตมโหฬาร
  • ปี 2566 ทั้งปี เข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของการปฎิวัติใหญ่ทหาร-ตำรวจ-หรือกองกำลังของชาติเพื่อความทัน-ล้ำสมัยเพื่อรองรับการปฏิวัติทางเศรษฐกิจ
  • ตั้งแต่ต้นปี-1 มีนาคม 2566 ใครเป็นรัฐบาลภาระก็หนักต่อเนื่อง ส่วนฝ่ายค้านก็ยังจะเหมือนคนป่วย ทำอะไรก็ไม่ขึ้น
  • ตั้งแต่ต้นปี-1 มีนาคม 2566 ทุกข์ทางเศรษฐกิจยังอ้อยอิ่งพยายามฝ่าความทุกข์ใหญ่ร้อยแปดที่มาในแบบหนักๆทำได้เพียงพยายามโงหัว
  • ตั้งแต่ต้นปี-1 มีนาคม 2566 ประชาชนคนเดินดินอยู่ในบรรยากาศอ้อยอิ่งอยู่กับยังทุกข์ใหญ่ร้อยแปดด้วยเรื่องหนี้สิน การเจ็บไข้ได้ป่วย เจอเหตุการณ์ใหญ่ให้อกสั่นขวัญแขวนหรือเศร้าระทมเช่นโควิด-19 (พระเสาร์จร 7 เดินในราศีมังกรเล็งใส่พระจันทร์ดวงเดิม ๒)
  • ตั้งแต่ต้นปี-1 มีนาคม 2566 วงการดารา คนเด่นดัง ศิลปิน เซเลบทั้งหลายยังอยู่ในบรรยากาศของดวงตกทุกข์ใหญ่จากการพลัดพรากสูญเสีย
  • ตั้งแต่ต้นปี-1 มีนาคม 2566 ฟืน-ไฟ-แก๊ส-ควัน-ระเบิดยังอ้อยอิ่งรอเกิดรวมทั้งราคาพลังงานยังกดดัน
  • ตั้งแต่ต้นปี-18 ตุลาคม 2566การหลอกลวงต้มตุ๋นขนาดใหญ่ และดราม่า อวิชา กิจกรรมเรื่องเทาๆ ต่างๆ ยังโผล่เต็มเมือง หลังจากนั้นออกอาการส้องสุมแอบทำถึงสิ้นปี
  • วาระออกจากทุกข์ใหญ่ของเมืองเริ่ม1มีนาคม 2566 ที่เป็นมาตั้งแต่การมาของโควิด19 เมืองเริ่มค่อยๆ สร่างจากทุกข์ใหญ่ร้อยแปดรอบด้านที่กดดันมาเกือบสามปี เริ่มพลิกเป็นหนังคนละม้วน เป็นเมืองได้โปรโมชั่นจากพระเสาร์หัวหน้าดาวร้ายให้คุณงามความดีกับเมืองชนิดสามสิบปีมีให้ครั้งเดียว เสียอะไรสู้แล้วจะได้กลับมา
  • หลังจากเมืองออกจากทุกข์แล้ว 1 มีนาคม 2566เป็นต้นไป เศรษฐกิจจากที่พยายามโงหัว พลิกกลับเป็นค่อยๆฟื้นด้วยโครงสร้างพื้นฐานของชาติที่ทำเอาไว้ก่อนหน้า และจะทำเพิ่มเอีกอย่างต่อเนื่อง และทำได้ มากกว่าไม่ได้
  • ตั้งแต่วันเกิดเมือง 21 เมษายน 2566-สิ้นปีค่าเงิน-ทองคำ-ตลาดหุ้น-ธุรกิจไฟฟ้าผันผวนจัด ส่วนชนิดธุรกิจมีทั้งกลุ่มดีและกลุ่มผันผวน
  • ตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน-สิ้นปี 2566 ระวังการหละหลวมคุมกฎระเบียบทางเศรษฐกิจหรือปล่อยให้เสรีมากหรือเน้นกระตุ้นมากไป-กระตุกไม่พอหรือมองมุมบวกเกิดไป-หรือใช้นโยบายเพื่อชนะใจประชาชนไม่มีขอบเขตจนต่อไปยากที่จะควบคุม-คัดท้ายจนเหตุใหญ่รอเกิดอยู่ในอนาคต
  • ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเลือกตั้งครั้งใหม่ที่เห็นอยู่ในระยะอันใกล้ถ้าเลือกตั้งหลัง 8 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป จะไม่มีล็อกถล่ม-เริ่ม 1 มีนาคม 2566 สิ้นปีใครเป็นรัฐบาลก็จะโชคดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนฝ่ายค้านที่เคยเหมือนคนป่วย ก็จะค่อยๆ โงหัวขึ้น และเมืองได้ฝ่ายค้านที่ดีเข้มแข็งขึ้น
  • ตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน-สิ้นปี 2566 คนมียศศักดิ์-ตำแหน่งใหญ่หรือผู้นำหรือคนสำคัญขององค์กรต่างๆเข้าเคราะห์ทางกฎหมายหรือระเบียบหากจะมีการใช้อำนาจ-กฎหมาย-ระเบียบที่เกินขอบเขตหากไม่ระวังจะสร้างความขัดแย้งในสังคมหรือย้อนกลับมาเล่นงานผู้ใช้อำนาจอย่างสาหัส
  • ตั้งแต่1มีนาคม 2566- สิ้นปีประชาชนคนเดินดินเริ่มออกจากทุกข์ร้อยแปดด้วยเรื่องหนี้สิน การเจ็บไข้ได้ป่วย เริ่มเป็นสิริมงคลที่พึ่งของเมือง
  • 1 มีนาคม 2566 -สิ้นปี-ดารา คนเด่นดัง ศิลปิน เซเลปทั้งหลายออกจากบรรยากาศของทุกข์การพลัดพรากสูญเสีย
  • 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป เริ่มเข้าสู่ปีที่สองของวาระเจ็ดปีของอุบัติเหตุ-บาดเจ็บ-ล้มตาย-เสียหายเป็นหมู่-กลุ่มก้อน ไม่กระจายเหมือนคราวโควิด19 โดยมีเหตุการณ์สังหารหมู่หนองบัวลำภูเป็นตัวอย่างนำ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงไหนดวงเมืองจะตกมาก-น้อย โดยปี2566บางเหตุการณ์จะเกิดเพราะความย่อหย่อนในกฎเกณฑ์หรือความผิดพลาดของมนุษย์ผสมโรง
  • น้ำน้อยกว่ากว่าปี 2565 แต่พายุที่เข้าลูกจะใหญ่กว่า
  • แผ่นดินไหวปีนี้จะเพิ่มมาให้รู้สึกถึงตึกสูงในกรุงเทพฯ พอให้ตื่นเต้นเป็นระยะๆ
  • ตั้งแต่ 18 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป-สิ้นปี ระวังการซ่องสุม-แอบซ่อนเทาๆ-การเกิดของวิธีการ-ลัทธิใหม่ๆ
    ——รายละเอียดเกณฑ์สำคัญที่จะเกิดในเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2566 คาดจะเป็นอย่างนี้——-

เกณฑ์ที่ 1

โควิด-19 จางไปเข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของการตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจของโลกเพื่อปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจ- การทำมาหาได้-ระบบภาษี-ระบบบำเหน็จบำนาญของเมือง บางจังหวะสงครามเศรษฐกิจที่ทำกันจะเลยเถิดเป็นรบกันด้วยกำลังและอาวุธจริง เกณฑ์นี้เริ่มลางมาตั้งแต่กรกฎาคม 2565(มฤตยูจรเดินอยู่ในราศีพฤษภ)

คาดผลสรุปเมื่อกรกฎาคม 2572 (เมื่อมฤตยูจรย้ายราศีแล้ว) คนไทยยืนอยู่ข้างกำแพงพระนครจะถามตัวเองว่า ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศมาถึงจุดนี้ได้อย่างๆไร?

ซึ่งถ้าทำได้ดี-กล้าปฏิวัติ-เปลี่ยนแปลงเรื่องการทำมาหาได้-ให้ล้ำสมัยไทยจะประสบความสำเร็จเร็จอย่างล้ำเลิศ

สถานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นผิดหูผิดตา ฐานทางเศรษฐกิจทั้งหลายเช่นตลาดหุ้นเปลี่ยนไป และไทยมีโอกาสหลุดจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูง แบบก้าวกระโดด พื้นฐานทางเศรษฐกิจเปลี่ยน ตลาดหุ้นปรับฐาน

แต่หากทำได้ไม่ดีเราจะล้มลุกคลุกคลานทางเศรษฐกิจ ถูกแซงหน้า กลายเป็นล้าหลังเกิดการขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบผูกขาดหรือกินรวบ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเพียงแค่มฤตยูแหย่หน้าเข้ามาในดินแดนเศรษฐกิจของประเทศไม่กี่เดือนคือรัฐบาลต้องแก้กฎกระทรวงปลดล็อกผลิตเหล้าที่กฎเกณฑ์เอื้อรายใหญ่ ไม่เช่นนั้นจะเสียความนิยมทางการเมืองให้พรรคก้าวไกล-ก่อนหน้านั้นเจ๊เกียวขยับตัวก่อนใคร หรืออาคเนย์ประกันภัยที่เจอเข้ากับบทดสอบนำร่องอย่างน่าตื่นตา-ใจ

ความหวังในการปฏิวัติและตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจคือ ดาวต้นตอของการปฏิวัติทางโหร(คือมฤตยูจร0)โดยพื้นฐานดวงชะตาเมืองนั้นเป็นตัวแทนโชคลาภและความสำเร็จของเมือง(เกษตรภพที่สิบเอ็ด) และขณะที่ดวงชะตาเมืองถือกำเนิดนั้นดาวตัวนี้ตั้งอยู่ในมุมที่ให้ความเข้มแข็งกับลัคนาเมือง(ราศีมิถุน-โยคหน้าลัคนา) จึงเชื่อได้ว่าในที่สุดผลจะออกมาดีมากกว่าร้าย

เพียงแต่ดาวตัวนี้เป็นบาปเคราะห์ก่อนจะให้คุณงามความดีต้องให้โทษหรือทำให้ทุกข์ๆยากๆก่อน ซึ่งต้องดูกันเป็นช่วงๆ ไปในรอบเจ็ดปีนี้

เกณฑ์ที่2

เข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของลางการเกิดเมืองหลวงแห่งที่สอง หรือเมืองขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนมากให้เป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศต่อไป ที่เริ่มมีเค้าลางมาตั้งแต่ประมาณกรกฎาคม 2565(มฤตยูจรทับพระอังคาร๓ดาวประจำชีพของเมือง)
ด้วยเกณฑ์นี้คาดว่าประมาณกรกฎาคม 2572 (เมื่อมฤตยูจรย้ายราศีไปแล้ว) คงจะได้เห็นหรือเห็นความคืบหน้าของเมืองหลวงแห่งที่สอง หรือพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่นโครงการเชื่อมโยงทะเลอันดามันกับอ่าวไทยหรือแลนด์บริจด์ หรือไม่อาจจะออกในรูปแบบคลองไทย ที่จะเป็นโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ของประเทศ

โดยรอบนี้จะเริ่มเห็นแววตั้งแต่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป-ภายในระยะเวลาสองปีครึ่งจะมีการตั้งหน่วยงานหรือสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศขนาดใหญ่โตมโหฬาร(พระเสาร์จร7เดินในราศีกุมภ์-ภพสิบเอ็ดของเมือง)

เกณฑ์ที่ 3

เข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของการปฎิวัติใหญ่ทหาร-ตำรวจ-หรือกองกำลังของชาติเพื่อความทัน-ล้ำสมัย โดยเกณฑ์นี้เริ่มมาตั้งแต่กรกฎาคม 2565(มฤตยูจร0จรทับพระอังคารดวงเดิม๓ตัวแทนทหาร-ตำรวจ-กองกำลังติดอาวุธของชาติ)

โดยการปฏิวัติใหญ่ใดๆ ในกองกำลังเหล่านี้เพื่อออกจากความเทอะทะ-เฟอะฟะ-แจกตำแหน่งสูงเต็มเมืองไปสู่ความทันหรือล้ำสมัย เพื่อรองรับภารกิจปฏิวัติใหญ่ด้านเศรษฐกิจของชาติ

ถ้าหากฝืนไม่ทำหรือทำเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มมีโอกาสมากที่ประเด็นกองกำลังของชาติจะนำไปสู่ความขัดแย้งเพราะความตกสมัย-ล้าหลังของกองกำลัง-กำลังพล คอยฉุดรั้งการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ แล้วจะถูกบีบบังคับให้ต้องปฏิวัติอย่างเจ็บปวด

เกณฑ์ที่4

ตั้งแต่ต้นปี-1 มีนาคม 2566 ใครเป็นรัฐบาลภาระก็หนักต่อเนื่อง ส่วนฝ่ายค้านก็ยังจะเหมือนคนป่วย ทำอะไรก็ไม่ขึ้น
เกณฑ์นี้เป็นมาตั้งแต่มีนาคม 2563 ที่ฝ่ายรัฐบาลรับภาระหนักพาประเทศชาติผ่านวิกฤตการณ์โรคระบาดขนาดใหญ่คือโควิด 19 ให้ประชาชนได้รอด พอโรคระบาดจะซาๆ ศัตรูใหญ่เกิดรบกันไทยก็เดือดร้อนซ้ำคือเกิดสังครามรัสเซีย ยูเครน ค่าไฟ-พลังงานกระฉูด

ทุกข์นี้เป็นไปตามโฉลก…..ให้เกรงไฟ ศัตรูใหญ่จะทำณรงค์ ในระดับที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีถึงขนาดเอ่ยปากว่า “ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ก็แฮงคก์” แต่ไม่ว่าจะเจอหนักขนาดไหนฝ่ายรัฐบาลก็รอด(เกณฑ์พระเสาร์จร7-เดินในภพที่สิบ-มาตรฐานเกษตราธิบดี)

ขณะที่รัฐบาลภาระหนักมากหมาย และในแวดวงรัฐบาลก็มีปัญหาตำแหน่งรัฐมนตรีว่างหลายตำแหน่งแต่ฝ่ายค้าน-ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็คล้ายๆ คนป่วยทำอะไรก็ไม่ขึ้น พยายามขนาดไหนก็คว่ำรัฐบาลก็คว่ำไม่ลง กลับป้อแป้ในที่สุดทุกรอบ (พระเสาร์จร7ในราศีกรกฎเล็งพระจันทร์ดวงเดิม๒ที่ราศีกรกฎตัวแทนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล)

เกณฑ์ที่ 5

ตั้งแต่ต้นปี-1 มีนาคม 2566 เศรษฐกิจยังพยายามฝ่าความทุกข์ร้อยแปดที่มาในแบบหนักๆ เพื่อโงหัวต่อเนื่อง เพื่อนๆของเมืองหรือนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา

เกณฑ์นี้เริ่มเห็นมาตั้งแต่เมษายน 2565 ที่นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา สัญญาณการทำมาหากินเริ่มเข้าสู่สภาวะใกล้คียงกับช่วงก่อนเกิดวิฤตการณ์โควิด19

อีกทั้งไทยสามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าอย่างซาอุดีอาระเบีย เศรษฐีน้ำมัน ที่เคยหมางกันทางการทูตให้กลับมาปกติได้อย่างน่าแปลกใจ อันจะเป็นหนึ่งในตัวเร่งให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อีก

เกณฑ์ที่ 6

ตั้งแต่ต้นปี-1มีนาคม 2566 ประชาชนคนเดินดินอยู่ในบรรยากาศอ้อยอิ่งอยู่กับยังทุกข์ใหญ่ร้อยแปดด้วยเรื่องหนี้สิน การเจ็บไข้ได้ป่วย เจอเหตุการณ์ใหญ่ให้อกสั่นขวัญแขวนหรือเศร้าระทมเช่นโควิด-19(พระเสาร์จร7เดินในราศีมังกรเล็งใส่พระจันทร์ดวงเดิม๒)

โดยย้อนกลับไปทุกข์หนักของประชาชนรอบนี้เริ่มมาตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2563 ด้วยการมาถึงของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ที่นอกจากกระทบสุขภาพ อนามัย สูญเสียล้มตาย ทำมาหากินฝืดเคืองภาครัฐต้องหาทางช่วยเหลือผ่านสารพัดโครงการเพื่อประคองให้อยู่รอดได้ แล้วยังเจอกับเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โคราช และหนองบัวลำภูให้เศร้าสลดกันทั้งประเทศ

ปรากฎการณ์นี้ถือว่าประชาชนของเมืองดวงตกมากในรอบสามสิบปีและบรรยาการขของปีใหม่ 2566 ความทุกข์นี้ยังจะอยู่ข้ามปี-ประมาณ1มีนาคม 2566

เกณฑ์ที่ 7

ตั้งแต่ต้นปี-1มีนาคม 2566 วงการดารา คนเด่นดัง ศิลปิน เซเลบทั้งหลายยังอยู่ในบรรยากาศของดวงตกทุกข์ใหญ่จากการพลัดพรากสูญเสีย(พระเสาร์จร7ในราศีมังกร ถึงพระศุกร์ดวงเดิม๖ที่ราศีมีน)

โดยกลุ่มเซเลบทั้งหลายดวงตกมาตั้งแต่ประมาณการมาถึงของโควิด19 ที่ต่างจากไปเป็นใบไม่ร่วงแบบผิดปกติ เริ่มตั้งแต่น้าค่อม ไล่เรียงมาเรื่อยๆ คล้ายๆ เปลี่ยนยุค เปลี่ยนคน ศิลปินแห่งชาติหรือศิลปินใหญ่ก็พากันจากไปและบรรยากาสนี้จะยังอ้อยอิ่งอยู่ในเมืองถึง 1 มีนาคม 2566

เกณฑ์ที่8

ตั้งแต่ต้นปี-1 มีนาคม 2566 ฟืน-ไฟ-แก๊ส-ควัน-ระเบิดยังอ้อยอิ่งรอเกิดรวมทั้งราคาพลังงานยังกดดัน เช่นกันเกณฑ์ไฟ-แก๊ส-ควัน-ระเบิดขนาดใหญ่ในเมืองเกิดมาเป็นระยะๆ อย่างผิดสังเกตุมาตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2563 เช่นท่อแก๊สปตท.ระเบิดที่บางบ่อ สมุทรปราการ หรือไฟไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล ซอยกิ่งแก้ว21 ล่าสุดที่สัตหีบสถานบันเทิงเมาท์เทน บีที่ตายไปเฉียดสามสิบศพแล้ว

บรรยากาศนี้ยังจะรอเกิดได้จนกว่าจะพ้น 1 มีนาคม 2566 ไปแล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละเมืองจะเจอภัยแบบใหม่มาแทน ที่อาจจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เกณฑ์ที่ 9

ตั้งแต่ต้นปี-18 ตุลาคม 2566 การหลอกลวงต้มตุ๋นขนาดใหญ่ และดราม่า อวิชชาต่างๆ ยังโผล่ให้เห็นเต็มเมือง พร้อมทั้งการขึ้นสูงกระแสสูงของกัญชาและพืชกระท่อม ยาเสพติด ล่าสุดก็มีการแก้กฎกระทรวงปลดล็อกผลิตเหล้า-รวมทั้งการกลับมาของหวยบนดิน(พระราหูจร8ทับลัคนาและพระอาทิตย์เดิมดวงเมือง)

เกณฑ์นี้เริ่มมาตั้งแต่ประมาณเมษายน 2565 ที่เกิดเรื่องใหญ่ตั้งแต่แก๊งค์คอลเซ็นต์เตอร์อาละวาดรบกวนคนในเมือง ใครดวงตกก็เป็นเหยื่อ และแม้คนในเมืองจะเริ่มคุ้นๆ กับปรากฎการณ์นี้แต่ก็มีคนหลงกลสูญเงินระดับร้อยล้าน

รวมทั้งประเด็นฟอเร็กซ์ 3 ดี ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครหลงเชื่อเกี่ยวเอาคนวงการบันเทิงเข้าไปหลายคน
หรือกรณีการบุกจับปาร์ตี้นักท่องเที่ยวชาวจีนย่านยานนาวาพบสิ่งผิดกฎหมายเพียบ ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินวุ่นวาย

สำคัญคือการขึ้นสู่กระแสสูงปลูกกัญชา พืชกระท่อมกันเต็มเมือง เพราะปลดล็อกกัญชา-พืชกระท่อมออกจากยาเสพติดเพื่อใช้ด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ แม้จะไม่มุ่งหมายเพื่อนันทนาการแต่อาการคุมกันไม่อยู่ก็เริ่มมีให้เห็นเป็นที่วิตกกังวลโดยทั่วไปว่าจะเลยเถิดไปไกล

ล่าสุด เรื่องเหล้าที่รัฐบาลแก้กฎกระทรวงจากเดิมที่ตึงมากเหมือนกีดกันรายย่อมกว่าออกจากตลาดก็ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีกฎระเบียบอะไรออกมากีดกันรายอื่นอีกหรือไม่

ส่วนหวยบนดินนั้นคาดว่าจะเปิดซื้อขายได้ก่อน 18 ตุลาคม 2566
แต่หลังจาก 18 ตุลาคม 2566-ถึงสิ้นปีกิจกรรมเทาๆ ทั้งหลายคงระวังตัว เหนียมๆ และมุดลงส้องสุมใต้ดินไม่ค่อยประเจิดประเจ้อ ขึ้นอยู่กันฝีมือเจ้าหน้าที่จะหาทางเปิดออกมาได้หรือไม่

เกณฑ์ที่ 10

เริ่ม 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป กำหนดการเมืองเริ่มออกจากทุกข์ทุกข์ใหญ่ที่เป็นมาตั้งแต่มีนาคม 2563 (พระเสาร์จร7เดินอยู่ในราศีมังกรภพที่สิบ ถึงพระศุกร์ดวงเดิม๖ที่ราศีมีน และเล็งใสพระจันทร์๒ที่ราศีกรกฎ)

แล้วเกิดปรากฎการณ์ใหม่เริ่ม 1 มีนาคม 2566-สิ้นปี -14 กุมภาพันธ์ 2569 ยาวนานประมาณสองปีครึ่ง เมืองพลิกเป็นหนังคนละม้วน คือได้โปรโมชั่นจากพระเสาร์หัวหน้าดาวร้ายให้คุณงามความดีกับเมืองชนิดสามสิบปีมีให้ครั้งเดียว คือโชคลาภเมืองจะกลับมา กลับไปสู่อะไรแล้วจะชนะตามโฉลก….ลาภคืนคง รณรงค์เรามีชัย…(พระเสาร์จรเดินในราศีกุมภ์-ภพสิบเอ็ด-ลาภะ)

จากเกณฑ์นี้จะมีบางประเด็น บางเหตุการณ์ที่จะเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก

ปรากฎการณ์นี้ในอดีตเคยเกิดมาแล้วในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงพยายามเอาเมืองตราดกลับมาจากฝรั่งเศส โดยทรงจำยอมแขนขาดเอามณฑฑลบูรพา คือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณเข้าแลก แล้ววันที่ 13 พฤศจิกายน 2450 ได้เสด็จประพาสตราด ในโอกาสที่กลับคืนสู่พระราชอาณาจักรอีกครั้งด้วย

อย่างไรก็ตาม การได้สิ่งที่เสียไปกลับคืน-หรือสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่อยากได้มานั้นรอบนี้คาดว่าจะไม่ต้องสู้หนักเหมือนสมัยพระพุทธเจ้าหลวงที่ทางโหรบอกว่าทรงจำแขนขาดเพื่อรักษาชีวิต และการได้จะนิ่มกว่า

อีกทั้งเมืองยังมีโอกาสได้แชมป์ใหญ่ๆ ที่เคยเสียไปกลับมา เช่น แชมป์ชกมวย แชมป์นางงาม แชมป์ส่งออกสินค้าบางรายการ

เกณฑ์ที่11

หลังจากเมืองออกจากทุกข์แล้ว 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป เศรษฐกิจจากที่พยายามโงหัว พลิกกลับเป็นค่อยๆ ฟื้นด้วยโครงสร้างพื้นฐานของชาติที่ทำเอาไว้ก่อนหน้า และจะทำเพิ่มเอีกอย่างต่อเนื่อง และทำได้ มากกว่าไม่ได้

ในระยะเจ็ดปีของการปฏิวัติใหญ่เศรษฐกิจของชาติ และตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจโลกนั้น ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป เป็นระยะสองปีครึ่งที่เมืองจะได้พัฒนาโครงสร้าง-พื้นฐานเศรษฐกิจ และจะทำได้ อะไรที่เสียไปทางเศรษฐกิจมีโอกาสได้ผลประโยชน์กลับมาตามโฉลก…ลาภคืนคง รณณงค์เรามีชัย…(พระเสาร์จรเดินในราศีกุมภ์ภพที่11)

เกณฑ์นี้ที่เคยโดดเด่นในอดีตคือการตั้งรถไฟสยาม

โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจนี้ให้จับตาเพื่อนของเมืองจากประเทศโลกมุสลิมจะมีบทบาทมากในเรื่องเศรษฐกิจของเมืองในสองปีครึ่งนี้(พระเสาร์จร7ตัวแทนชาติ-คนที่นับถือศาสนาอิสลามเดินในราศีกุมภ์ภพที่11ลาภะของเมือง)

เกณฑ์ที่ 12

ตั้งแต่วันเกิดเมือง 21 เมษายน 2566-สิ้นปีค่าเงิน-ทองคำ-ตลาดหุ้น-ธุรกิจไฟฟ้า-เก็งกำไร-ตลาดหุ้น ผันผวนจัดทั้งดีแล้วร้าย หรือร้ายแล้วดี ส่วนชนิดธุรกิจมีทั้งกลุ่มดีและกลุ่มผันผวน

ค่าเงิน-ทองคำ-ตลาดหุ้นผันผวนจัด-การเสี่ยง-การเก็งกำไรทั้งหุ้นและอื่นๆ ทำกันสนั่นหวันไหวชนิดไม่กลัวตาย ถ้าไม่ระวังตัวเข้าข่ายวิบัติได้ (พระอาทิตย์๑ดวงเดิมดาวจิตใจคนในเมือง ถูกพฤหัสบดีกาลกิณีจรทับ-ต้องฆาฎปัสสะวะชีโว)
ระยะที่ตลาดหุ้นจะเร้าใจเป็นรถไฟเหาะตีลังกาคือระหว่าง 15 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2566 และประมาณ 17 ธันวาคม 2566 ข้ามปีถึงประมาณกลางมกราคม2567

ส่วนตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2566 สิ้นปีแนวโน้มภาคธุรกิจที่ดีของเมือง จะเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค-ภาคบริการ-ธุรกิจท่องเที่ยว-ค้าส่ง-โรงเรียนอนุบาล-ธุรกิจแม่บ้าน-ธุรกิจพยาบาล-เสริมความงาม-กีฬาวิ่ง-ปั่นจักรยาน-เงิน(ซิลเวอร์)-ธุรกิจน้ำๆเช่นท่าเรือยวดยานทางน้ำขนส่งทางน้ำ-โรงงานทำน้ำหวานเครื่องดื่ม-กลั่นเหล้า-ดำน้ำ-ประมง-ทหารเรือจะเป็นเหล่าที่เป็นสิริมงคลของเมือง(พระจันทร์2เป็นศรีจร)

แนวโน้มภาคธุรกิจดีแล้วร้าย-ร้ายแล้วดีผันผวนมาก ต้องประคับประคองอย่างระมัดระวัง เช่นธุรกิจโรงพยาบาล-แพทย์แผนโบราณ -โรงเรียน-มหาวิทยาลัย-ยา-ไม้ผล-อาหารสัตว์-สถาบันการเงิน-ธุรกิจเช่า-โค้ชชิ่ง-ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยางพารา-สินค้าพรีเมี่ยมทั้งหลาย-ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรวมทั้งธุรกิจการบิน-ธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าทั้งหลาย

เกณฑ์ที่13

ตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน-สิ้นปี 2566 ระวังการหละหลวมคุมกฎระเบียบทางเศรษฐกิจหรือปล่อยให้เสรีมากหรือเน้นกระตุ้นมากไป-กระตุกไม่พอหรือมองมุมบวกเกิดไป-หรือใช้นโยบายเพื่อชนะใจประชาชนไม่มีขอบเขตเข้าข่ายประชานิยมยากที่จะควบคุม-คัดท้ายจนเหตุใหญ่รอเกิดอยู่ในอนาคต

เกณฑ์นี้ต้องอาศัยมืออาชีพ-นักวิชาการกล้าเสี่ยงช่วยติดเบรค(พฤหัสบดีเป็นกาลกิณีจร5ทับลัคนาและอาทิตย์ดวงเดิมดาวเมือง๑และตัวแทนจิตใจคนในเมือง)

อาการที่เริ่มปรากฏออกมาบ้างแล้วเช่นเรื่องกองทุนกยศ.ที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายไปแล้วให้ปลอดดอกเบี้ย-ไม่มีค่าปรับ-ให้ย้อนหลังทุกรายที่แม้จะมีเสียงคัดค้านเอื้ออึง แต่ไม่รู้ว่าอนาคตกฎหมายนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

นอกจากในการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองล้วนมีเรื่องที่จะเอาใจประชาชน ซึ่งคาดว่าหากทำกันเกิดขอบเขตเข้าข่ายประชานิยมจัดไทยอาจจะเจอวิฤตเศรษฐกิจอีกรอบได้ ในระยะเวลาอีกไม่นาน

ความหวังคือนักวิชาการ-หน่วยงานตรวจสอบ-คุมกฎ-มาตรฐานที่เข้มแข็งในฐานะที่พวกท่านอยู่ในกลุ่มเทวดาพิทักษ์เศรษฐกิจของเมืองต้องกล้ากระตุกฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายต้องการกระตุ้นแรงๆ

เกณฑ์ที่ 14

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเลือกตั้งครั้งใหม่ที่เห็นอยู่ในระยะอันใกล้ถ้าเลือกตั้งหลัง 8 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป จะไม่มีล็อกถล่ม-เริ่ม 1 มีนาคม 2566 สิ้นปีใครเป็นรัฐบาลก็จะโชคดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนฝ่ายค้านที่เคยเหมือนคนป่วย ก็จะค่อยๆ โงหัวขึ้น และเมืองได้ฝ่ายค้านที่ดีเข้มแข็งขึ้น

ย้อนกลับไปตั้งแต่มีนาคม 2563 มาแล้วที่ฝ่ายรัฐบาลต้องแบกภาระหนักอึ้งจากการมาของโควิด19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนฯลฯ

แต่เป็นเพราะดาวตัวแทนรัฐบาลการบริการราชการแผ่นดินมาตรฐานเข้มแข็ง(พระเสาร์จร7เดินในราศีมังกร-มาตรฐานเกษตราธิบดี-มั่นคง) ประกอบกับดาวตัวแทนผู้นำเข้มแข็ง(พระอาทิตย์1เป็นศรีจร)จึงรอดมาได้ แม้จะทุกข์ๆ-ยากๆหนักหนาสาหัสมาตลอด(พระเสาร์เป็นกาลิณีจร)ก็ยังเถลือกไถล ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้

สุดท้ายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รอดปากเหยี่ยวปากกาจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระแปดปีของการการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ30กันยายน 2565 ได้อย่างไม่น่าเชื่อทั้งที่ต้องหยุดงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้วเดือนกว่าๆ

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีก็โล่งเข้าสู่ปรากฎการณ์นำมาสู่การจะได้ตัดสินใจใดๆทางการเมืองเองดังที่ผู้เขียนเคยทำนายไว้ก่อนล่วงหน้าที่รอบนี้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆนายกรัฐมนตรีจะได้ตัดสินใจเองไม่ใช่ถูกบีบให้ทำ
แล้วรอหาจังหวะเหมาะสมยุบสภา-เลือกตั้ง หรือจะอยู่ครบวาระสี่ปีของสภาผู้แทนราษฎรคือ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ก็ยังได้

โดยปี 2566 นี้อาการทางการเมืองคาดว่า

ก.ย้ำอีกครั้งนายกรัฐมนตรีจะได้ตัดสินใจทางการเมืองเองไม่ใช่ถูกบีบให้ทำ

ข.ไม่ว่าจะเลือกยุบสภาหรืออยู่ครบวาระก็จะเป็นปรากฎการณ์รัฐบาลจำใจต้องจาก (พระเสาร์จร7ถึงพระศุกร์ดวงเดิม๖)เช่นคราวคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะยุบสภาให้เลือกตั้ง หรือคุณอนันท์ ปันยารชุนยุบสภาคราวเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกแม้จะมีการอภิปรายในสภาขอให้อยู่ต่อก็ตาม

ค.ถ้าเลือกตั้งหลัง 8 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ผลจะออกมาไม่ล็อกถล่มเหมือนคราวเลือกตั้งที่แล้วที่ 22 มีนาคม 2562 ที่ผลคราวนั้นชวนตะลึงตาค้างขนาดผู้เขียนเองยังงง

ง.ระหว่าง 1 มีนาคม-วันเกิดดวงเมืองที่ 21 เมษายน 2566 เกิดปรากฎการณ์วุ่นวาย-ปั่นป่วนในกลุ่มพรรคจะร่วมเป็นรัฐบาลพิกลอยู่ หรือไม่อ่านอีกแนวทางคือการหามิตร-จับกลุ่มตั้งรัฐบาลสับสนวุ่นวายเอาเรื่อง(พระเสาร์เป็นกาลิกณีจร7ในภพที่สิบเอ็ดดวงเมือง) ส่งความผันผวนนี้ไปถึงคนที่จะเป็นผู้นำหรือนายกรัฐมนตรีด้วย(พระเสาร์กาลกิณีจร7เดินในราศีกุมภ์ถึงอาทิตย์ดวงเดิม๑ที่ราศีเมษ)

จ.ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2566 เป็นต้นไป- ประมาณ 20 มิถุนายน 2566 ซีกรัฐบาลเก่ากลับไปสู้แล้วน่าจะได้ตามโฉลก…ลาภคืนคง รณรงค์เรามีชัย (พระเสาร์จร7ตัวแทนรัฐบาลเก่าเดินในราศีกุมภ์ภพที่สิบเอ็ด) หรืออีกนัยหนึ่งอ่านได้ว่าเมืองเสียรัฐบาลไปแล้ว ได้กลับมา

ฉ.กระบวนการการได้ตัวนายกรัฐมนตรีที่เป็นทางการคาดว่าจะเป็นช่วงประมาณ 15 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2566

ช.ครั้นวันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ถือว่ารัฐบาลออกจากทุกข์หนัก จึงไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็โชคดีภาระไม่หนักเท่าช่วงที่ผ่านมา(พระเสาร์จร7ตัวแทนรัฐบาลเข้าเดินในราศีกุมภ์ภพที่11ลาภะของเมือง)และเกณฑ์นี้จะเป็นไปสองปีครึ่งถึงประมาณ14กุมภาพันธ์ 2569

ฟากฝ่ายค้านที่เคยมีสภาวะสภาวะเหมือนคนป่วย ทำอะไรไม่ค่อยขึ้นที่เป็นมาตั้งแต่ประมาณมีนาคม2563 ก็จะพ้นเคราะห์ออกจากความป่วยไข้ไปด้วย(พระเสาร์จร7เข้าย้ายจากราศีมังกรเข้า ไปเดินในราศี กุมภ์ -ยุติการการเล็งใส่พระจันทร์ดวงเดิม๒ตัวแทนฝ่ายค้านที่ตั้งอยู่ราศีกกรกฎ)

และตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2566 เป็นต้นไปเป็นเวลา 1 ปี เมืองจะได้ฝ่ายค้านที่ดี เข้มแข็ง คอยตรวจสอบรัฐบาล(พระจันทร์เป็นศรีจรของเมือง)

เกณฑ์ที่15

ตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน-สิ้นปี 2566 คนมียศศักดิ์-ตำแหน่งใหญ่หรือผู้นำขององค์กรสำคัญต่างๆ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเข้าเคราะห์ทางกฎหมาย-ระเบียบ-ศีลธรรม-หรือผลกรรมของเคราะห์ที่ทำมาแล้วปรากฏระยะนี้-หรืออาจจะมีการใช้กฎหมายที่เกินเลยหรือใช้กฎหมู่แทนกฎหมาย

ตั้งแต่วันเกิดเมืองเป็นต้นไปถือว่าผู้นำในองค์กรต่างๆ ทุกระดับของประเทศที่ดวงตก ต้องฆาฎที่เรียกกันว่าปัสสวะชีโว จึงให้จับตามองว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายหรือระเบียบหรือเรื่องศีลธรรม จริยธรรมเรื่องใหญ่ๆกับผู้นำคนสำคัญในทุกวงการของประเทศ จนเกิดวิบัติกับพวกเขาเหล่านั้นด้วย เน้นไปที่วงการเศรษฐกิจ-กฎหมาย-ศาล-พระ-นักบวช-ผู้รู้-บุคลากรทางการแพทย์-ครูอาจารย์ทั้งหลาย

ดังนั้น ตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2566-21 เมษายน 2567 การใช้อำนาจ-กฎหมาย-ระเบียบที่เกินขอบเขตหากไม่ระวังจะสร้างความขัดแย้งในสังคมหรือย้อนกลับมาเล่นงานผู้ใช้อำนาจ หรือหากทำไปแล้วผลของเคราะห์จะปรากฎช่วงนี้

ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือกรณีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีย้ายคุณถวิล เปลี่ยนศรี ให้พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสมช.ผลก็ออกระยะที่ทักษาจรเมืองคล้ายกันนี้คือศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่7 พฤษภาคม 2557

ส่วนการใช้กฎเกินเลย-กฎหมู่แทนกฎหมายเช่นกรณีเช้าวันที่ 21 กันยายน 2548 ชาวบ้านตันหยงลิมอปิดกั้นถนนไม่ให้เข้าช่วยเหลือนาวิกโยธินสองคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันอ้างว่ายิงใส่ร้านน้ำชา และรุมทำร้ายจนทั้งสองคนตาย

หรือกรณีชายฉกรรจ์รุมทำร้ายกายสิทธิ์ ไชยสิทธิ์ ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวที่รื้อป้ายโจมตีคุณสนธิ ลิ้มทองกุลที่อุดรธานีเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2548

อีกทั้งคาดว่าตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21เมษายน 2566-วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2567 จะมีการใช้กฎหมายพิเศษเช่นกฎอัยการศึกเป็นระยะๆ

เกณฑ์ที่ 16

ตั้งแต่1มีนาคม 2566- สิ้นปีประชาชนคนเดินดินเริ่มออกจากทุกข์ร้อยแปดด้วยเรื่องหนี้สิน การเจ็บไข้ได้ป่วย เริ่มเป็นสิริมงคลที่พึ่งของเมือง

ย้อนกลังกลับไปตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2563 มาเป็นระยะเวลาประมาณสองปีครึ่งแล้วที่ประชาชนในเมืองรัตนโกสินทร์ดวงตกมากไปพร้อมกับเมือง(พระเสาร์จร7เทพเจ้าแห่งความระทมทุกข์เดินในราศีมังกรเล็งพระจันทร์ดวงเดิมของเมือง๒) รอบนี้ที่หนักที่สุดคือการมาถึงของโควิด19 ที่เมืองต้องล็อกดาวน์ ประชาชนติดเชื้อ ล้มตาย พลัดพรากสูญเสีย โศกเศร้า หวั่นหวาด ต้องปิดหน้าตากันทั้งเมือง การทำมาหากินลำบากฝืดเคือง มีหนี้มีสิน ในระดับที่หากมองย้อนกลับไปแล้วยังหนาวใจว่าประชาชนพากันผ่านมาได้อย่างไร

แม้ต้นปี 2566 ประชาชนจะยังมีทุกข์อ้อยอิ่งอยู่ในบรรยากาศของเมือง แต่ครั้นตั้งแต่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไปประชาชนได้ออกจากทุกข์รอบนี้แล้ว(พระเสาร์จร7ย้ายราศีจากมังกรเข้าไปเดินในราศีกุมภ์ยุติการเล็งใส่พระจันทร์ดวงเดิม๒)เพื่อจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินต่อไป

แต่ต่อจากนี้ไปหากจะมีทุกข์ก็จากสาเหตุอื่นไม่ไม่ใช่หนักขนาดแผ่นดินเฉาเหมือนสองปีครึ่งที่ผ่านมา
อีกทั้งตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2566-21 เมษายน 2567 ประชาชนคนเดินดินจะได้ทำสิ่งดีๆ เป็นสิริมงคลของเมืองอย่างโดดเด่น(พระจันทร์เป็นศรีจรของทักษาเมือง)

ปรากฎการณ์นี้มีให้เห็นมากมายในปูมโหรเมืองรัตนโกสินทร์ ในแบบฉบับเมืองไม่สิ้นประชาชนที่ดีและกล้าหาญทำเพื่อบ้านเมือง โดยที่โดดเด่นที่สุดที่ขอยกเป็นตัวอย่างเมื่อเมืองได้เกณฑ์นี้คือวีรกรรมของท้าวสุรนารี และนางสาวบุญเหลือ แห่งเมืองโคราช หรือชาวบ้านบางระจันเริ่มจับมือกันต้านข้าศึก ฯลฯ

เกณฑ์ที่17

ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2566 ดารา คนเด่นดัง ศิลปิน เซเลบทั้งหลายที่ดวงตกมานานสองปีครึ่งเริ่มออกจากบรรยากาศของทุกข์จากการพลัดพรากสูญเสีย โศกสลด เศร้าโศกเสียใจ

เช่นเดียวกับเมืองและประชาชนประมาณสองปีครึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่การมาถึงของโควิด-19 ดารา คนเด่นดัง ศิลปินน้อย-ใหญ่-ศิลปินแห่งชาติ นักร้อง นักแสดง ผู้กำกับ ตลก ผู้กำกับฯลฯพากันจากไปเป็นใบไม้ร่วงนับ-บันทึกปูมโหนมือเป็นระวิง ราวกับผลัดยุคด้วยเหตุและปัจจัยของแต่ละคน

ครั้นตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป บรรยากาศจะเปลี่ยนไป วงการสดใส พ้นจากแรงกดดันขากทุกข์และมีอนาคตสดใสขึ้น ถ้าจะมีการตายหรือจากไปก็จะเป็นไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคนแต่จะไม่ถี่เหมือนช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา

เกณฑ์ที่18

เริ่ม 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไปเข้าสู่ปีที่สองของวาระเจ็ดปีของอุบัติเหตุ-บาดเจ็บ-ล้มตาย-เสียหายเป็นหมู่-กลุมก้อน ไม่กระจายเหมือนคราวโควิด19 โดยมีเหตุการณ์สังหารหมู่หนองบัวลำภูเป็นตัวอย่างนำ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงไหนดวงเมืองจะตกมาก-น้อย โดยปี 2566บางเหตุการณ์จะเกิดเพราะความย่อหย่อนในกฎเกณฑ์หรือความผิดพลาดของมนุษย์ผสมโรง(มฤตยูจร0เดินในราศีพฤษภทับอังคารดวงเดิม+เกณฑ์ที่สองพระเสาร์จร7เดินในราศีกุมภ์ถึงราศีพิจิกภพมรณะดวงเมือง+ตั้งแต่วันเกิดเมือง21เมษายน 2565เป็นต้นไปพฤหัสบดีเป็นกาลกิณีจรให้โทษเมืองต้องฆาฎ-ปัสสะวะชีโว)

มีข้อมูลปูมโหรในอดีตเป็นตัวอย่างคือเกณฑ์นี้(มฤตยูจร0ทับอังคารดวงเดิม๓เป็นสื่อล่อ)จะดูร้ายในระยะเวลา7ปี ในอดีตที่มีเกณฑ์ร้ายอื่นผสมโรงดวงเมืองตกกว่านี้ เคยเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา -8 ธันวาคม 2484 กองทัพญี่ปุ่นบุกไทยขอเป็นทางผ่าน -ครั้นปลายปี 2587 เมืองโดนทิ้งระเบิดทั้งบางซื่อ-บางกอกน้อย-สะพานพุทธ-สะพานพระรามหก-ดอนเมือง-โรงไฟฟ้าวัดเลียบ-โรงไฟฟ้าสามเสน-กรมชลฯโรงงานกระดาษ

สำหรับปี 2566 นี้ ที่ตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นไป-สิ้นปีมีลางตายหมู่ทยอยเกิดเป็นระยะๆ ทั้งทางดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ในอดีตไฟเคยไหม้โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์เมื่อ16มีนาคม 2536 ตายเกือบสองร้อยคน-โป๊ะล่มที่ท่าน้ำพรานนกเมื่อ 14 มิถุนายน 2538 ตาย 29 คนฯลฯ

ส่วนเหตุการณ์การตาย-เสียหายที่จะเกิดความย่อหย่อนในกฎเกณฑ์หรือความผิดพลาดของมนุษย์เช่น
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2530 เดินอากาศไทยเที่ยวบิน 365 โบอิ้ง737 ตกขณะร่อนลงจอดสนามบินภูเก็ต ตาย83 คนเพราะความสับสนของเจ้าหน้าที่วิทยุการบินและนักบินดราก้อนแอร์ที่ลงจอดเวลาใกล้เคียงกันหรือ

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2531 เกิดเหตุการณ์จี้เครื่องบินคูเวตแอร์เวย์เที่ยวบิน 422 ทะเลอาหรับ โดยเครื่องบินดังกล่าวออกจากสนามบินดอนเมือง ปลายทางคือสนามบินคูเวต

เนื่องจากเกณฑ์นี้จะกินเวลาไปถึงกรกฎาคม 2572 จึงต้องจับตาดูกันเป็นปีๆ ไป

โดยตัวอย่างของปรากฎการณ์นี้ที่นำมาแล้ว-โผล่หน้ามาให้เห็นเป็นปรากฎการณ์แรกสำหรับรอบนี้ คือการสังหารหมู่ 38 ศพ ที่นากลาง หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565(มฤตยูจรoโผล่เข้าในราศีพฤษภ-เป็นสื่อล่อเพียง53ลิปดา)
และการวางระเบิดคาร์บอมแฟลตตำรวจสภ.นราธิวาสเมื่อ 22พฤศจิกายน2565 ตาย1 เจ็บเป็นหมู่เกือบ 40 คน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างเจ็บหมู่

เกณฑ์ที่19

น้ำน้อย-ท่วมน้อยกว่ากว่าปี 2565 แต่ขนาดพายุที่เข้าเมืองจะใหญ่กว่า
ตั้งแต่ต้นปี-ประมาณกลางเมษายน 2566 เมืองยังชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน

ครั้งเข้าสู่ฤดูฝนปี 2566 จะมีเหตุปัจจัยที่ฝนจะตกค่อนข้างน้อยกว่าปี 2565 อาจจะเข้าข่ายแล้งในบางพื้นที่-บางภาคด้วยซ้ำ ฉะนั้นทางการควรเตรียมรับมือสถานการณ์ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยอาศัยน้ำต้นทุนจากปี 2565 ที่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่างอยู่ในระดับสูงเป็นฐานประหยัด-ใช้งาน

ตลอดทั้งปีพายุหมุนเขตร้อนคาดว่าจะเข้าประมาณสี่ลูก โดยลูกใหญ่ที่สุดของปีคาดจะเข้าประมาณ 15 พฤศจิกายน 2566 ก่อนหรือหลัง 7วัน

ลูกขนาดย่อมลงมาคาดว่าจะเข้าประมาณ 27 ธันวาคม 2566 ก่อนหรือหลังเจ็ดวัน

เกณฑ์ที่ 20 แผ่นดินไหวปีนี้จะเพิ่มมาให้รู้สึกถึงตึกสูงในกรุงเทพฯ พอให้ตื่นเต้นสักครั้ง-สองครั้ง (พระเสาร์จร7ที่ราศีกุมภ์ทำมุมถึงพฤหัสบดีจร5ที่ราศีเมษที่ลัคนาเมืองสถิตอยู่)

โดยแม้แผ่นดินไหวจะเกิดได้เป็นปกติบ่อยๆไปตามแนวรอยเลื่อนต่างๆ ในประเทศ แต่ปรากฎการณ์ที่จะเกิดในปีนี้จะแปลกออกไปคือมีโอกาสสร้างแรงสั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯและปริมณฑลให้พอได้ตื่นเต้น และนักวิชาการได้แสดงบทบาท
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่แนววงแหวนแห่งไฟ ปรากฎการณ์นี้ถ้าจะเกิดจริงก็ยังพอสบายใจได้ด้วยหลักนี้

เกณฑ์ที่21

ตั้งแต่ 18 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป-สิ้นปี-ยาวนานไปถึงประมาณ5พฤษภาคม 2568 เป็นระยะเวลาสิบแปดเดือน ระวังการพัฒนาการนำไปสู่การซ่องสุม-แอบซ่อนเทาๆ-การเกิดของวิธีการ-ลัทธิใหม่ๆ-แปลกๆ (พระราหูจร8ย้ายเข้าไปเดินในราศีมีนภพวินาสน์ดวงเมือง ทำให้ชะตาแตก-ร้าว-พินทุบาทว์อีกประเภทหนึ่ง)

ตัวอย่างในอดีตเช่นการเกิดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือพคท.เคยจัดตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยหรือก่อตั้งองค์กรปลดปล่อยสหปัตตานีฯลฯ

เกณฑ์ชะตาบุคคลสำคัญคร่าวๆโ ดยใช้ข้อมูลที่ปรากฎทั่วไป-ส่วนใหญ่ไม่ทราบเวลาเกิดที่แน่นอนหวังความแม่นยำได้ไม่ถึงร้อยละห้าสิบ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา-วันคล้ายเกิดที่ 21 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ออกจากสภาวะชะตาอับๆ-อึมๆทำอะไรได้ครึ่งเสียครึ่งเหมือนเช่นระยะถูกสั่งให้พักงานตำแหน่งนายกฯ เหลือแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตำแหน่งเดียว แถม ถูกไล่เป็นระยะๆ เข้าสู่หนึ่งปีของแม้จะมีทุกข์ต้องแบก แต่ดาวประจำชีพเจิดจร้า เริงร่าสุดขีด เพียงแต่จะในฐานะอะไรเท่านั้น

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ -ท่านหมดเกณฑ์ที่จะได้เป็นนายกหญิงคนแรก ตามที่ผู้เขียนเคยให้สัมภาษณ์ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทองไว้คือถูกครึ่งหนึ่งที่เมืองจะได้นายกฯ หญิง แต่ผิดอีกครึ่งเรื่องตัวบุคคลเพราะหวยไปออกตัวย.แทนส.ชนิดล็อกถล่ม

ตั้งแต่ 1มีนาคม 2566 เป็นต้นไปท่านออกจากสภาวะดวงตกหนักที่เป็นมาตั้งแต่มีนาคม 2563 แล้วมีขุมทองจากงานหนักหน่วงรอให้ขุดอยู่เพียงแต่จะเป็นตำแหน่งใดเท่านั้น แต่ต้นปี-วันเกิดท่านที่ 1 พฤษภาคม 2566 ระวังการตัดสินใจพลาดเพราะตัวเอง

อนุทิน ชาญวีรกูล-ต้นมีนาคม 2566 ออกจากภาระหนักที่แบกมีสองปีครึ่ง แถมศัตรูใหญ่สู้กันทำให้พลอยเดือดร้อน เข้าสู่ปรากฎการณ์ใหม่-ใหญ่เป็นเวลาสองปีครึ่งคือกลับไปสู้แล้วได้ หรือลาภคืนคง รณรงค์เรามีชัย เพียงแต่จะผันผวนจัดเป็นลาภทุกข์ ทุกขลาภ ระวังพลัดพรากสูญเสีย และ ชี้เป้าช่วงเวลาที่เป็นสื่อล่อโชคใหญ่ในชีวิตคือระหว่าง 5 พฤษภาคม 2568-14กุมภาพันธ์ 2569

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ-ต้นปี-วันเกิด 11 สิงหาคม 2566 ยังถูกกดดันจากปรากฎการณ์ชะตาอับ ทำอะไรได้ครึ่งเสียครึ่งอยู่ ตำราให้สงบจิตใจ และควรระวังสุขภาพที่ต้นมีนาคม 2566 เป็นต้นไปสู้แล้วจะออกมาดีมากกว่าร้าย เน้นไปที่หลังวันเกิดได้เฟี๊ยวฟ๊าวยาวไปเป็นปี

แพรทองธาร ชินวัตร-ติดตามและย้อนรอยดวงชะตามาไม่นาน อีกทั้งไม่มีเวลาเกิดที่แน่นอนจึงจะคลาดเคลื่อนได้มาก แต่เมื่อดูคร่าวๆ แล้วเกณฑ์ชะตาจรปีใหม่ผันผวนและคานกันมากทั้งด้านบวก-ลบ

โดยด้านบวกคงไม่แตกต่างจากโพล คือตั้งแต่กลางเมษายน2566-วันคล้ายวันเกิดที่ 21สิงหาคม 2566 ความนิยมชื่นชมหนุนดวงชะตามากโข แต่ยังถูกกดดันจากปรากฎการณ์ได้ครึ่ง-เสียครึ่ง อย่างไรก็ตามระหว่างวันเกิดที่ 21 สิงหาคม 2566-21 สิงหาคม 2567 เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มที่มีเกณฑ์ถ้าเป็นเจ้าได้สถาปนา เป็นคนธรรมดาจะได้เป็นพระยาพานทอง จึงคาดว่าน่าจะมีตำแหน่งทางการเมือง เพียงแต่จะระดับใดเท่านั้น

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ – เป็นปีของการขยายฐาน และกลางเมษายน 2566 เป็นต้นไปมีโอกาสได้ตำแหน่งทางการเมือง เพียงแต่จะตำแหน่งใดเท่านั้น

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค-ดวงชะตาเด่นทางกฎหมาย-รัฐสภา มากกว่าทางบริหาร

พรรคประชาธิปัตย์ -อยู่วาระเจ็ดปีของการตามหาความฝัน ปฏิวัติใหญ่ทางชีวิตในพรรค-ความเชื่อ และจากมีนาคม 2566 เป็นต้นไป สองปีครึ่งเหนื่อยหนักแน่ แต่ถ้าเป็นคนก็คุ้ม

Written By
More from pp
อาเล็ก ธีรเดช เป็นศิลปินเต็มตัว ส่งเพลง ไม่ต้องขอโทษ เพลงที่สองจากโปรเจ็กต์ “ชวนน้องมาร้องเพลง”
โปรเจ็กต์สุดพิเศษแห่งปี “ชวนน้องมาร้องเพลง” ส่งเพลงลำดับที่สอง “ไม่ต้องขอโทษ” โดยมีนักแสดงหนุ่มหน้าตี๋ ยิ้มหวาน อย่าง อาเล็ก ธีรเดช มาถ่ายทอดบทเพลงให้แฟนๆได้ฟังกันอย่างเต็มๆ ครั้งนี้อาเล็กได้เป็นศิลปินเต็มตัว ทั้งร้องและแสดง MV ในเพลงนี้
Read More
0 replies on “แม่หมอสมัครเล่นภาคพิเศษ – ฟองสนาน จามรจันทร์”