ผักกาดหอม
ก็ไม่ทราบว่าถูกเลี้ยงดูกันมาอย่างไร
ซ้ายจะไปขวา หน้าจะไปหลัง
ชี้ทางให้ขึ้นสวรรค์ ด้วยทิฐิเดินลงนรกซะงั้น
กิจกรรม One Man And The River ของโตโน่ – ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ถูกกัดถูกจิกตั้งแต่ยังไม่เริ่ม กระทั่งว่ายน้ำเสร็จแล้วยังถูกลากไปตบในโซเชียล
ตอนนี้ก็ยังไม่จบ
ชั่วช้าราวกับ โตโน่ เป็นฆาตกรต่อเนื่อง
มันคือผลพวงความขัดแย้งทางการเมืองที่ต่อเนื่องยาวนาน และความที่อยากเอาชนะการแบ่งข้าง แบ่งพวกมันลงลึกไปแทบอนุเนื้อของประเทศไทย
ขัดแย้งกันทุกเรื่อง หากมีองค์ประกอบของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเพียงน้อยนิดก็ตาม จนราวกับว่าประชาชนสองฝ่ายในประเทศนี้ยืนอยู่บนเส้นขนาน ที่ไม่มีทางจะบรรจบกันได้
เพราะแม้ทำเรื่องดีๆ ก็ถูกแปลกความกลายเป็นเรื่องเลวทรามได้โดยง่ายดาย
โตโน่ เป็นกรณีตัวอย่างที่สะท้อนถึงความเกลียดชัง
ไม่ใช่เกลียดชังธรรมดา
ตระเตรียมความเกลียดชังไปใช้ในทุกจะแทบสถานการณ์
ยกตัวอย่างกรณี อดีตศิลปินแห่งชาติ สุชาติ สวัสดิ์ศรี ปกติผู้สูงอายุจะแสดงความเห็นอย่างใจเย็น รอบคอบ มีความเป็นเหตุเป็นผล แต่ไม่ใช่กับ สุชาติ สวัสดิ์ศรี
ทั้งก่อนและหลัง โตโน่ จะว่ายข้ามโขง รับเงินบริจาค เพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ตั้งเป้าไว้ที่ ๑๖ ล้านบาท สุชาติ สวัสดิ์ศรี สวมวิญญาณนักเลงคีย์บอร์ดจะลาก โตโน่ ออกทะเล
“…หลังรัฐประหาร ๕๗ เคยมีผู้ลี้ภัยการเมืองหลายคนถูกฆ่าแล้วเอาศพมาทิ้งใน “แม่นํ้าโขง” ที่ดาราเป่านกหวีดคนหนึ่งกำลังจะว่ายข้าม
ย้อนเวลากลับ
ก่อนจะว่ายข้ามแม่นํ้าโขง
อย่าลืมเอ่ยคำ “ขอโทษ” ต่อผู้ลี้ภัยหลังการทำรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ที่ถูกอุ้มฆ่าทิ้งลงแม่นํ้าโขง และอย่าลืม “สำนึกพลาด” เพื่อว่ายข้ามใจตนเองให้สำเร็จ
เวลาผ่านมา ๘ ปีแล้ว
อย่าทำเนียน ทำเบลอ ทำเมิน เหมือนบรรดา “กวีภิวัฒน์” ทั้งหลาย ที่หัวขบวนเข้าไปเป็น “นั่งร้าน” ( นั่งกินเงินภาษีเดือนละเกือบ ๒ แสนบาท ) ให้เผด็จการ คสช.และ รัฐบาล “๓ ป” โดยอ้างว่าเพื่อ “ทำงานศิลปะวัฒนธรรม”
ถ้าไปว่ายนํ้าข้ามแม่นํ้าเจ้าพระยา
ก็คงจะไม่มีใครเอามาย้อนความหลังเรื่องฆาตกรรมโยนศพทิ้งแม่นํ้าโขง เมื่อปี ๒๕๖๑…”
สมองซีกซ้ายบกพร่องอย่างรุนแรง
ไม่น่าเชื่อว่านักเขียนมือทอง จะจับโยงเรื่องราวได้อย่างไร้รสนิยมแบบนี้
ระบบความคิดพังครับ!
ผู้ลี้ภัย ส่วนใหญ่ ทำผิดม.๑๑๒ กันแทบทั้งนั้น
ถูกอุ้มฆ่าทิ้งแม่น้ำโขง ก็ยังมีคำถามว่าฝีมือใครกันแน่
โตโน่ เป็นดาราเป่านหวีดจริง แต่ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับรัฐประหาร
เหมือน สุชาติ สวัสดิ์ศรี ชูสามนิ้ว ก็ใช่ว่าจะเป็นพวกล้มเจ้าเสมอไป
หรือใช่ก็ไม่รู้
หรือถ้าใครมาตราหน้าในตอนนี้ว่า เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ จะว่าไง
ฉะนั้นแก่ปูนนี้แล้ว อย่าไปประเมินคนอื่นแบบเหมาเข่ง
ลองมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่ โตโน่ ทำ วันนี้เงินบริจาคหลั่งไหลแล้วร่วม ๗๐ ล้านบาท เงินนี้จะช่วยประชาชนสองฝั่งโขงได้เยอะ
หรืออาจมีคนแก่จากเมืองกรุงไปเจ็บป่วยที่นครพนม ก็อาจมีอายุขัยต่อเพราะอุปกรณ์ทางการแทพย์ที่ได้มาจากเงินบริจาคของประชาชนที่ร่วมทำบุญกับ โตโน่
เห็นพูดกันเยอะในโซเชียลมีทั้งหมอ นักเคลื่อนไหว นักการเมือง แกนนำมวลชน ทำนองว่าไม่ควรมีการบริจาคมาตั้งแต่ยุคพี่ตูนแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลประชาชน
และไม่ได้ลดงานของแพทย์ลงเลย
มันก็จริงครับ รัฐบาลต้องดูแลประชาชน จัดสิ่งจำเป็นพื้นฐานให้ประชาชน อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่หากให้เทียบรัฐสวัสดิการแบบยุโรป คงต้องบอกกับประชาชนถึงที่มารายได้ของรัฐด้วย
งานของแพทย์จะมากขึ้นหรือลดลงคงต้องไปพูดกันอีกเวที เพราะมันคนละเรื่องกัน
ส่วนฝั่งลาวจะกลับกันอย่างสิ้นเชิง เงินบริจาคนี้จะช่วยลดงานบุคลากรทางการแพทย์ได้ระดับหนึ่ง
ครับ…มีการแชร์โพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุถึงประเด็นนี้
“…เมื่อวานดู TPBS ไปสัม ผอ.รพ แขวง คำม่วน ผอ.บอกว่าเงินได้มาจะเอาไป ซื้อเครื่องช่วยหายใจอัตโนมัติ เพื่อใช้ ในห้องผ่าตัด ทุกวันนี้คือใช้แบบแมนนวล คือ ต้องให้พยาบาลยืนบีบถุง ออกซิเจนอยู่…”
แพทย์ไทยอาจไม่อยู่ในสถานการณ์การทำงานที่ยากลำบากแบบนี้ แต่ทางลาวลำบากมาก
ถามว่าแล้วไปเสือกอะไรเขาด้วย
นี่คือการช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนสามารถจับต้องได้ ดีกว่าพวกสิทธิมนุษยชนแต่ปาก แต่นิสัยเจ้ายศเจ้าอย่าง ตบตีเมียก็มี
ด้วยทัศนคติสุดขั้ว การแสดงออกของผู้คนจึงมักไม่อ้างอิงหลักเหตุผล และข้อเท็จจริงมากนัก
เฟซบุ๊ก โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา – Nuttaa Mahattana โพสต์ไว้น่าสนใจครับ
“….อธิบายยังไงก็ไม่จบหรอก คนด่าก็จะด่าไปเรื่อยๆ
อธิบายเรื่องการจัดกิจกรรม ความปลอดภัยเสร็จ ก็ไปด่าเรื่องอุปกรณ์ต่อ
อธิบายเรื่องบริจาคจบ ก็ไปด่าเรื่องงบสาธารณสุข
พอสาธารณสุขบอกงบไม่ได้ขาด แต่เขามาเติมให้ก็ชื่นชม ก็ไปด่าว่าซื้อเครื่องไปก็ไม่ได้ช่วย หมอทำงานหนักเท่าเดิม
ตอบให้ตายก็ไม่จบ Haters will always hate ค่ะ
บรรยากาศแบบนี้ คุยอะไรกันก็ไม่รู้เรื่อง เพราะจุดประสงค์คนไม่ได้อยากจะเข้าใจกัน แค่อยากเอาชนะ สลับกันไปทั้งสองฝ่าย ขยายเรื่องแย่ๆ ใส่กัน เพราะเขามีเป้าประสงค์ทางการเมือง
คนที่มีเป้าประสงค์ทางสังคม พูดอะไรดีๆจะไม่มีใครได้ยินเสียง สื่อไม่ให้พื้นที่เท่าเพราะยอดมันไม่ได้ เขารอคุณพลาดเมื่อไหร่ จะขยายเสียงให้ เรตติ้งเยอะดี
ใครอยู่ในจุดนั้น ก็อย่าไปเสียกำลังใจ คนอีกมากที่เขาดูเขาเห็น แต่เขารู้ว่าพูดอะไรไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์
จึงพักก่อน…”
ก็จริงตามนั้นครับ
สิ่งที่จับต้องได้ในตอนนี้คือ เงินที่ประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศร่วมบริจาคกับโตโน่ร่วม ๗๐ ล้านบาท ซึ่งปรากฎในเว็บไซด์ https://taejai.com/th/ แบบเรียลไทม์
และจับต้องได้อีกสิ่งคือ ความหมกมุ่นอยู่กับความขัดแย้ง มองทุกเรื่องเป็นความขัดแย้ง ไม่มีมิติในการหาทางออก
สำหรับคนกลุ่มนี้อย่ารู้สึกผิด หากได้ต่อชีวิตจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้มาจากเงินบริจาคของประชาชน
เพราะเจตนาของคนอย่าง โตโน่ พี่ตูน หรือผู้ร่วมบริจาคทั้งหมด เขาต้องการช่วยทุกคน
แม้ความเชื่อทางการเมืองจะไม่ตรงกันก็ตาม