“สุดารัตน์” ควง ”ศิธา” นำทีมไทยสร้างไทย ลุยสายไหม จัดโครงการ “ไทยสร้างไทยสู้ภัยน้ำท่วม” ฝากผู้ว่าฯ กทม. สร้างความร่วมมือจากทุกฝ่าย แนะใช้คลองบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ และสร้างโอกาสให้คนกรุงเทพฯ
18 กันยายน 2565-พรรคไทยสร้างไทย โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค ดร.สมชาย เวสารัชตระกูล สายไหมบ้านเรา – ดร.สมชาย เวสารัชตระกูล รองเลขาธิการพรรค และว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตสายไหม และดร.รัตติกาล แก้วเกิดมี ส.ก.เขตสายไหม
จัดโครงการ “#ไทยสร้างไทยสู้ภัยน้ำท่วม” มอบข้าวสาร อาหารแห้ง ให้กับพี่น้องประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ที่ชุมชนเพิ่มสินถมยา ซอย เพิ่มสิน 1 และหมู่บ้านเอื้ออาทรบางเขน (คลองถนน) บ้านเอื้ออาทรคลองถนนบางเขน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
พรรคไทยสร้างไทย จัดโครงการ “ไทยสร้างไทยสู้ภัยน้ำท่วม” เพื่อช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ ไม่เฉพาะแค่กรุงเทพฯ แต่รวมถึงภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ซึ่งได้มอบหมายให้ทีมไทยสร้างไทยในแต่ละพื้นที่ เพื่อดำเนินการเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
โดยในวันนี้ เป็นการมาเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตสายไหม ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย ให้ความสำคัญกับทุกข์สุกของพี่น้องประชาชน จึงมีหลักนโยบายดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่ เพื่อให้คนไทย “แข็งแรงก่อนป่วย รวยก่อนแก่” ด้วยนโยบาย
- “30 บาทสุขภาพดีถ้วนหน้า” เพื่อสร้างสุขภาพดี และเพิ่มคุณภาพการรักษาพยาบาล
- นโยบายปฏิรูปการศึกษา “เรียนฟรีมีคุณภาพจนถึงปริญญาตรี”
- นโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3000 บาท”
ซึ่งทั้ง 3 นโยบายไม่ใช่โครงการประชารัฐประชานิยม ที่มามุ่งแจกเงิน แต่เป็นนโยบายที่สร้างความยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชน
น.ต.ศิธา กล่าวว่าได้รับร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนชาวสายไหมว่าตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 เป็นต้นมา น้ำท่วมครั้งนี้ได้รับผลกระทบหนักสุด โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนชุมชนริมคลอง ที่ไม่คาดคิดว่าน้ำจะท่วมเข้ามาในบ้าน จึงไม่ได้เตรียมการขนย้ายข้าวของ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพฯ มีจำนวนคลองเยอะมาก มีคลองยาวกว่า 2,600 กิโลเมตร ซึ่งหากสามารถใช้คลองระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นโอกาสที่ดีของคนกรุงเทพฯในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยพื้นที่เขตสายไหมมีคลองกว่า 30 คลอง ซึ่งในยุคคสช.ได้มีการการขยายคลองจาก 19 เมตร เป็น 38 เมตร แต่กลับเป็นน้ำเน่าที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ และยังส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านมากขึ้น
น.ต.ศิธา ยังได้ฝากถึงผู้ว่าฯกทม.ถึงการบริหารจัดการน้ำว่าในฐานะที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนที่มีคะแนนนิยมสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตนเชื่อว่าจะสามารถสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งการมีส่วนร่วมจากพี่น้องประชาชนในการไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง การคัดแยกขยะ และการจราจรที่ทำให้มีระเบียบมากขึ้น และความร่วมมือจากข้าราชการที่ยังเป็นที่ถกเถียงในสังคม รวมถึงผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.แต่ละท่าน ที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของผู้ว่าฯกทม.
ซึ่งตน ได้เคยเสนอให้มีการทดสอบระบบ เพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่เนื่องด้วยการสั่งการ หรือ ไม่ได้สั่งการ หรือ กทม.อาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับตรงจุดนี้ เพราะเกรงว่าตลิ่งอาจจะพัง ซึ่งตน เห็นว่าควรจะต้องซ่อมแซมให้ตลิ่งไม่พัง เมื่อมีการพร่องน้ำ เพื่อที่จะทำให้คลองเป็นประโยชน์ และโอกาสของคนกรุงเทพฯในการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งต้องยอมรับว่ามวลน้ำในครั้งนี้มีปริมาณมาก ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย กทม.เป็นหน่วยงานเดียว