ผักกาดหอม
คงรู้แล้วซินะ
ก่อนเลือกตั้งกับหลังเลือกตั้ง ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ย้อนเวลากลับไปก่อนวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ที่ผ่านมากันหน่อยครับ
การหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เกิดปรากฏการณ์ “ชัชชาติฟีเวอร์” สาเหตุเพราะ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” หาเสียงด้วยมิติใหม่
ไลฟ์สดทุกที่ที่ไป คนตามดูเป็นหมื่นเป็นแสน
ถึงกับมีการยกย่องว่า “ชัชชาติ” คนเดียว ประชาสัมพันธ์เก่งกว่ารัฐบาลทั้งคณะ เก่งกว่าพรรคการเมืองทุกพรรค
“ชัชชาติ” แค่ไลฟ์สดไม่ต้องลงทุนอะไรเลย คนแห่มาดูเป็นแสน
ขณะที่รัฐบาลใช้เงินนับล้านประชาสัมพันธ์งาน คนดูหลักสิบ
เวลานั้นแกนนำพรรคพลังประชารัฐถึงกับยอมรับว่า ประชาสัมพันธ์ สู้ “ชัชชาติ” ไม่ได้
โซเชียลพากันชื่นชม ยกสมัยมหาห้าขัน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี ๒๕๒๘ ด้วยการใช้ ฝาเข่ง มาทำป้ายหาเสียง มาเปรียบเทียบ
สร้างภาพพจน์แบกะดิน
“ชัชชาติ” ไลฟ์สดประสบความสำเร็จ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
ทีมสื่อสารของ “ชัชชาติ” ประกาศความสำเร็จเป็นเพราะ กลยุทธ์สร้างความเชื่อใจ พูดน้อย ทำมาก
และประชาชนรู้ วันนี้ผู้ว่าฯ ทำอะไร!
ก็จากการไลฟ์สดนั่นแหละครับ
ในการหาเสียง “ชัชชาติ” มีนโยบายแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างน้อย ๑๔ ข้อ กระจายอยู่ในหมวดโครงสร้างดี และสิ่งแวดล้อมดี อาทิ
ลดจุดเสี่ยง จุดเฝ้าระวังน้ำท่วมทันที
แก้ปัญหาพื้นที่ต่ำ ๕๐ เขต
ขุดลอกและทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ๓,๐๐๐ กม.
กวดขันจับ/ปรับ การทิ้งขยะลงแหล่งน้ำอย่างจริงจัง
ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน
มุ่งเป้าติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียต้นทาง
เพิ่มการขุดลอกคลองรองรับฝนทันฤดู
เพิ่มแก้มลิงธรรมชาติ พื้นที่รับน้ำให้กรุงเทพฯ
ปรับปรุงซ่อมแซมแก้ฟันหลอคันกั้นน้ำริมแม่น้ำ และคลองสายหลัก
ทบทวนแผนการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน
เซ็นเซอร์สูบน้ำ ไม่ต้องรอขอกุญแจ
ทบทวนแผนการก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์ ความคุ้มค่าการลงทุน และประสิทธิภาพการแก้ปัญหาน้ำท่วม
ทบทวนแผนก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียรวม และเชื่อมต่อท่อรวบรวมน้ำเสียที่มีอยู่เดิม
แจ้งเตือนฝนตกล่วงหน้าแม่นยำ
แล้วตอนนี้เป็นไงครับ?
ผ่านมา ๔ เดือน กับการลงสนามจริง ประชาชนรู้ “ชัชชาติ” ทำอะไร จริงหรือไม่?
คำถามนี้ไม่ต้องตอบ เพราะ “ชัชชาติ” กับทีมงาน เพิ่งจะตอบไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
สิ่งที่ “ชัชชาติ” ตอบคือต้องมีการปรับปรุงเรื่องการสื่อสารให้มีความชัดเจนมากขึ้นกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ประเด็นนี้สะท้อนว่า คนประชาสัมพันธ์ตัวเองเก่ง ใช่ว่าจะสื่อสารกับคนอื่นเก่งเสมอไป
ถือเป็นเรื่องร้ายแรงพอควร ในยามวิกฤตประชาชนประสบภัยน้ำท่วมเป็นสัปดาห์ แต่ผู้ว่าฯ กทม.กลับมีปัญหาการสื่อสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แต่ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะพื้นฐานของปัญหานี้มาจาก ความเชื่อมั่นในตัว “ชัชชาติ” ว่าเป็นคนเก่ง แข็งแกร่งสุดในปฐพี
ทำให้เกิดจุดอ่อนคือ การประสาน
หรือแม้กระทั่งคำตอบจาก รองผู้ว่าฯ กทม. ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช คือการสัมมนาเชิงปฏิบัติการประเมินความเสี่ยง ถอดบทเรียน และจัดเตรียมข้อมูลเพื่อจัดทำคู่มือการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตของกรุงเทพมหานครขึ้น เพื่อจัดเตรียมกลไกการบริหารจัดการในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตของกรุงเทพมหานคร
ถามว่าดีหรือไม่ที่จัดสัมมนา ก็ต้องตอบว่าดีครับ การทำคู่มือการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตของกรุงเทพฯ เป็นสิ่งที่ต้องทำ
เพียงแต่ผิดเวลาไปหน่อย
เอาง่ายๆ ครับ การแจ้งเตือนฝนตกล่วงหน้าแม่นยำ วันนี้ยังทำไม่ได้
ตรงไหนวิกฤต ประชาชนต้องยกของขึ้นที่สูงด่วน ยังเตือนไม่ตรง
ถึงได้มีรถจมน้ำ น้ำท่วมข้าวของไม่ทันขน ยังเป็นเรื่้องปกติเห็นกันมาตลอด ทั้งๆ ที่เรื่องพวกนี้ ๔ เดือนควรจะเห็นผลแล้ว
แน่นอนครับการแก้ปัญหาน้ำท่วมเป็นเรื่องยาก ลำพัง กทม.ทำไม่ได้ หากรัฐบาลกลางไม่ช่วย แต่การเตือนเพื่อให้ประชาชนเสียหายน้อยที่สุดอยู่ในวิสัย ที่ทีมชัชชาติ ซึ่งศึกษางานมาล่วงหน้า ๒ ปี ก่อนการเลือกตั้งสามารถทำได้
พูดไปมันก็ปวดใจ!
“ชัชชาติ” บอกว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่กรุงเทพฯ น้ำท่วม เป็นกรุงเทพฯ บางส่วน เช่น ลาดกระบัง บางเขน ดอนเมือง แต่กรุงเทพฯ ๘๐ เปอร์เซ็นต์น้ำไม่ได้ท่วม”
อย่าเล่นคำเลยครับ เสียชื่อเปล่าๆ
น้ำท่วมกรุงเทพฯ ก็คือน้ำท่วมกรุงเทพฯ
จะเขตไหนถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ มันก็คือกรุงเทพฯ
เหมือนน้ำท่วม กรุงโซล เกาหลีใต้ ก็เป็นที่รับรู้กันว่ากรุงโซลน้ำท่วม ผู้คนทั่วไปไม่มีใครไปตีความว่า จมมิดทั้งกรุงโซล
หรือว่าเจอโหมดทำงานจริงๆ ถึงกับไปไม่เป็น
กระสอบทรายอุดท่อก็อีกเรื่อง
“ชัชชาติ” ไม่เข้าใจ ต้องไปถามคนโน้นคนนี้ ว่ากระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำเขตลาดกระบัง เป็นวิธีการบล็อกน้ำในถนนจริงหรือเปล่า
ได้คำตอบก็ยังไม่เชื่อ ต้องไปถามอีกคน
ถ้านี่คือ “ชัชชาติ” ตอนหาเสียงเลือกตั้ง ก็ช่างมัน!
แต่นี่คือ “ชัชชาติ” ผู้ว่าฯ กทม.ที่กำลังแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม.อยู่ ถือว่าสอบตกครับ
น้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ ตอนนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่บอกเอาอยู่ รู้หรือไม่ว่า เขตดอนเมือง เขตสายไหม กระสอบทรายลงไปอยู่ในท่อเต็มไปหมด เพราะต้องบล็อกไม่ให้น้ำเหนือมุดเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน
สมัยนั้น ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ต้องรบกับคนในพรรคเพื่อไทยเรื่องนี้เหมือนกัน
ก็ไม่ใช่ใครอื่น ปลอดประสพ สุรัสวดี
เถียงกันเรื่องให้เอากระสอบทรายออก ชี้นิ้วสั่งต้องเอาออกใน ๑๕ วัน
ก็อย่างที่ทราบครับขณะนั้น รัฐบาลกลางช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่
เอาอยู่ จนต้องถอยร่นจากดอนเมือง
ปีนั้น “ธเนศ วีระศิริ” เป็นเลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยืนยันว่า เทคนิคกระสอบทรายมาบล็อกน้ำเพื่อสูบออกนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้และ กทม.ดำเนินการถูกต้อง
ที่จริงมันเป็นวิทยาศาสตร์ครับ
นี่แค่วิธีการแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นๆ ที่ทำกันมานานแล้ว แต่ “ชัชชาติ” เกิดอาการไม่อยากจะเชื่อ
ฝนยังตกอีกเป็นเดือน กรุงเทพฯ ยังมีโอกาสท่วมอีกหลายเขต
รอฟังกันนะครับว่า “ชัชชาติ” จะช่วยอะไรได้บ้าง