อย่าล้นจนเกินศาล-เปลว สีเงิน

www.plewseengern.com

เปลว สีเงิน

เลขาฯ สภาผู้แทนราษฎรนี่ ฉับไวดีจัง
“ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งปุ๊บ ๘ กันยา.
ให้จัดส่ง “สำเนาบันทึกการประชุม” และ “รายงานการประชุม” คณะ กรธ.ครั้งที่ ๕๐๑ วันอังคารที่ ๑๑ ก.ย.๖๑
รุ่งขึ้น วันศุกร์ ๙ กันยา. “ส่งปั๊บ”!

แต่การประชุมกรธ.ในช่วงทำความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๖๐ อันเป็นช่วงเวลา “หลังจากที่ทำรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐” แล้วเสร็จ นั้น
มีเพียง “การทำบันทึกการประชุม” เท่านั้น
ไม่มี “รายงานการประชุม” ที่ใช้เจ้าหน้าที่ชวเลขบันทึกจดคำพูดทุกตัวอักษร

เหตุที่ไม่มี เพราะ….
“นายมีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานกรธ.บอกว่า “ไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ชวเลข”
เพราะ “ผ่านขั้นตอนการทำรัฐธรรมนูญ” แล้ว!

ฉะนั้น การพูดคุยในตอนนี้ ก็ไม่ต่างนั่งเมาธ์กันหลังกินอาหารเสร็จ ก็แคะฟัน ซดน้ำชา พูดคุยกันไป ก็ประมาณนั้น

ฉะนั้น ช่วงนี้ แฟนๆ ก็พักผ่อนนอนหลับกันซัก ๓-๔ วันก่อน ไว้รอพุธที่ ๑๔ กันยา.ค่อยมาฟังว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ท่านจะว่าอย่างไร

เอกสารพยานหลักฐานเท่าที่ส่งกันมา “เพียงพอ” ต่อการพิจารณาวินิจฉัย “๘ ปี นายกฯ” ได้แล้ว หรือยังต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก

เอาหละ…ทีนี้เรามาเมาธ์กัน
ท่านสังเกตมั้ย หลังจากที่คำชี้แจง “อาจารย์มีชัย” ในฐานะพยาน และคำชี้แจงนายกฯ “ผู้ถูกร้อง” รั่วออกมา
ทำให้พอเห็นเค้าลางทางตัวแม่บทกฎหมายว่า……

ลุงตู่จะได้ไปต่อ แม้ไม่ถึง ปี ๗๐ อย่างน้อยก็ได้อีก ๒ ปี คือ ถึงปี ๖๘

โทนการ “เผาลุงตู่-เปิดประตูให้โจร” ของขบวนการแดงส้ม เลิกพูดด้านข้อกฏหมายทันที
เลี่ยงไปโหมประเด็นคำสนทนาของกรธ.ที่เป็นเอกสารประกอบ ให้ชาวบ้าน-ชาวเมืองหลงเข้าใจว่าเป็น “สาระหลัก”

เพราะประเด็นสนทนาครั้งนั้น ……
เผอิญมีการพูดกันถึงเรื่อง ๘ ปีนายกฯ และเจ้าหน้าที่ก็บันทึกไว้

บันทึกการประชุมนั้น ไม่ต่าง “กิ่งแห้ง” จากลำต้นใหญ่ แต่เมื่อจนทางแถ มันก็ไม่มีอะไรดีกว่านี้ให้ขบวนการ “เผาตู่-เปิดประตูให้โจร”
ใช้โหน ไปโหมประโคม ว่า…..

นี่ไง..นี่ไง หลักฐาน “ชี้เป็น-ชี้ตาย” นายกฯ ประยุทธ์!
ผมจะบอกว่า เราล้วนผ่านการเป็นนักเรียนกันมาแล้วทั้งนั้น ตอนทำข้อสอบ ประเด็นแรก เราต้องรู้โจทย์ข้อนั้น ว่า “ประเด็นอยู่ตรงไหน”

ต้องจับประเด็นของโจทย์ให้ถูกและตีให้แตก ถ้าหลงโจทย์ จับประเด็นผิด ก็แก้โจทย์ผิด

เรื่องตีความกฎหมายประเด็น ๘ ปีนายกฯ นี่ก็เช่นนั้น
ผู้ร้อง-เพื่อไทย เขาตั้งโจทย์ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า

“ความเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลง เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลาเกินกว่า ๘ ปี ตามมาตรา ๑๗๐ วรรคสอง และมาตรา ๑๕๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ หรือไม่?”

ประเด็นตามโจทย์ เขาถามถึง “ความสิ้นสุดลง” ในตำแหน่งนายกฯของพลเอกประยุทธ์
ตาม “รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคสอง” และ “มาตรา ๑๕๘ วรรคสี่” ของรัฐธรรมนูญ ปี ๖๐

นั่นคือ “ประเด็นของโจทย์” ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะตีความ ก็อยู่ที่ตัวบทกฎหมาย ๒ มาตรา นี้
อย่างอื่นๆ เป็นเพียง “ส่วนประกอบ” ในการตีความเท่านั้น จะใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้

ศาลไม่ได้เอา “เอกสารประกอบ” มาเป็น “ตัวกฎหมายหลัก” ในการพิจารณาวินิจฉัยหรอก

รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ ระบุถึงหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ มีความว่า…….
(๑)พิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมาย
ก็ระบุไว้ชัดว่า การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ต้องยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่จะไปยึดเอากิ่งก้านของตัวบท อย่างเช่น “บันทึกการประชุม” มาเป็นหลัก

ถ้าศาลท่านอภิปรายกันแล้ว มีความเห็นว่า ความในรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๗๐ และมาตรา ๑๕๘ เมื่อพิจารณาความเชื่อมโยงกันในแต่วรรคของแต่ละมาตราแล้ว

เรื่องกรอบของอายุ ๘ ปีนายกฯ ก็มีความชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว ท่านก็พร้อมพิจารณาวินิจฉัยเพื่อลงมติได้เลย

หรือยังไม่สิ้นข้อสงสัย……..
ท่านจะเอากิ่งก้าน คือบันทึกการประชุมมาประกอบในการใช้ดุลยพินิจ สู่การวินิจฉัยตีความถึงความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ นั่นก็แค่ส่วนประกอบในการวินิจฉัย

นี่เป็นทัศนะผม ส่วนใครจะเห็นต่างไป ก็เป็นสิทธ์ ไม่ว่ากัน เรื่องกฎหมายนั้น ก็เหมือนที่ “เจษฏาจารย์ ฟ. ฮีแลร์” ท่านแปลเป็นไทยไว้ ลึกล้ำเกินบรรยายว่า

“สองคน ยลตามช่อง คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม
คนหนึ่ง ตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย”

ฉะนั้น ก็ฟังบรรดา “กูรู-กูรู้” ในขบวนการ “ฆ่าตู่-เปิดประตูให้โจร” เขาวาดโวหารกันไป
เพราะเมื่อแถไปไม่ได้ในทางตัวแม่บทกฎหมายแล้ว

ก็กรุยทาง เบี่ยงประเด็นใหม่ เป็น “ทางน้ำไหล”
ให้บรรดาสวะและขี้หมู-ขี้หมา ไหลตามน้ำกันไป หวังทางสร้างกระแส “กดดันศาล”

และ “สร้างเงื่อนไข” สังคมส้มแดง ถ้าหวย ๘ ปีนายกฯ ออกมาไม่ตรงที่พวกกูแทงไว้ ก็จะตะแบงระดมพลลงถนน
ว่า “กองสลาก” ล็อกเลข”!

จะเห็นว่า ขบวนการ “ฆ่าตู่-เปิดประตูให้โจร” ไม่เคยยกความในกฎหมาย “ทุกวรรค” ของมาตรา ๑๕๘ มาพูดในทางเชื่อมโยงถึงกัน ตามหลักการใช้กฎหมายเลย

จะยกมาพูดเพียงวรรคเดียว ……….
ตรงความว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน ๘ ปีมิได้….” เท่านั้น เป็นหลักใหญ่

แต่ไม่ยกความในวรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม ที่เป็นตัวชี้บอกว่า “นายกฯ๘ ปี” ตามวรรคสี่ นั้น คือนายกฯ ที่ต้องมีคุณสมบัติตามนี้…ตามนี้ มาพูดด้วยเลย

คือในมาตรา ๑๕๘ ก่อนจะถึงวรรคสี่ ที่มีความว่า….
“นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง” นั้น

อีก ๒ วรรค ก่อนจะถึงวรรคสี่ ในมาตราเดียวกันนี้ เขาปูพื้นความเป็นนายกฯตามวรรคสี่ มาเป็นลำดับว่า

“วรรคสอง”
-นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙

“วรรคสาม”
-ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

แค่นี้ ไม่ต้องถึงนักกฎหมายหรอก แค่ชาวบ้านธรรมดานี่แหละ เพียงมีดุลยธรรมสำนึก อ่านก็เข้าใจชัดว่า
“นายกฯ๘ ปี” ตามตัวอักษรแต่ละวรรคของมาตรา ๑๕๘ หมายถึง ผู้ที่ต้องสภาผู้แทนราษฏรให้ความเห็นชอบ ตามมาตรา ๑๕๙

พลเอกประยุทธ์ ก็มาจากมาตรา ๑๕๙ และสภาผู้แทนเห็นชอบ โดยชนะโหวตในรัฐสภา
และในพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ต้องมีประธานสภาผู้แทนราษฏรลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอกประยุทธ์ ก็ได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยมีประธานสภาผู้แทนฯ คือ “นายชวน หลีกภัย” เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ก็ชัดๆ เห็นๆ ด้วยตัวบทกฎหมายอย่างนี้ แล้วจะย้อนไปนับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ปี ๕๗ มาตีขลุมว่า “๘ ปีแล้ว” เป็นต่อไม่ได้
มันใช่มั้ย…หือ?

ปี ๕๗ มีสภาผู้แทนราษฎรบวชให้พลเอกประยุทธ์มั้ย?
ก็ไม่มี ด้วยอำนาจองค์รัฐาธิปัตย์ “บวชเอง” ไม่มีสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ
ก็ไม่เข้าคุณสมบัติ มาตรา ๑๕๘ วรรคสอง

และในพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ปี ๕๗
ใช่ประธานสภาผู้แทนราษฏร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชมั้ย?
ก็ไม่ใช่อีก

นั่นก็คือ นายกฯ ปี ๕๗ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ก็ไม่ใช่นายกฯ ด้วยคุณสมบัติ ตามมาตรา ๑๕๘ วรรสาม อีกเช่นกัน

เนี่ย….
ในเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของไทย
ก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องเฉพาะคนเรียนจบกฎหมายเท่านั้น ถึงจะ “อ่านกฎหมายรู้-ดูกฎหมายเป็น”

ทุกคน ถ้าสนใจอ่าน ก็จะรู้ เพราะในโลกนี้ ทุกอย่าง จุดกำเนิด มาจากความไม่รู้ทั้งสิ้น
การลองผิด-ลองถูก สู่การศึกษา-ค้นคว้า สั่งสมจนเป็น “ประสบการณ์” นั่นตะหาก คือตัวรู้

ฉะนั้น “๘ ปีนายกฯ” นับจากไหน ไม่ยากต่อการเข้าใจมิใช่หรือ?

เปลว สีเงิน
๑๐ กันยายน ๒๕๖๕

 


Written By
More from plew
เงิน “ตัวกำหนดค่าสังคมใหม่”
เงินนี่… ชักน่ากลัวขึ้นทุกวัน! นับวันจะใช้ซื้อได้ทุกอย่าง จนมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรไปหยุดมันได้ ถึงจุดหนึ่ง โลกไม่แตก แต่มนุษย์จะตกต่ำ เมื่อสังคมให้ค่าเงินเหนือความเป็นมนุษย์ เงินจะซื้อได้ทุกอย่าง กระทั่งความรู้สึก “ผิด,ชอบ,ชั่ว,ดี” เมื่อมนุษย์ไม่มีสิ่งนี้แล้ว...
Read More
0 replies on “อย่าล้นจนเกินศาล-เปลว สีเงิน”