ผักกาดหอม
อีกแล้วครับทั่น…
คณะหลอมรวมประชาชน ชื่อฟังดูเป็นก้อนๆ กลมๆ นำโดย “จตุพร-นกเขา” แจ้งมาแล้ว วันเสาร์ที่ ๓ กันยายนนี้ แดดร่มลมตก นัดชุมนุมสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน
ใครใคร่ชุมนุมเชิญครับ
เห็นว่าจะมีนักศึกษา ประชาชน จำนวนมากเข้าร่วม
ส่วนวันอาทิตย์ที่ ๔ กันยายน ย้ายวิกไปแยกราชประสงค์ ไปขอห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ใช้พื้นที่ลานกว้างหน้าห้างในการทำกิจกรรม
จตุพรบอกว่า หลังจากนั้นก็จะเข้าไปตามรั้วมหาวิทยาลัยและต่างจังหวัด เพื่อรอสถานการณ์ที่สุกงอม เพราะการต่อสู้พิสูจน์ว่าจุดชี้ขาดไม่ได้อยู่ที่คนเต็มท้องถนน แต่จุดชี้ขาดคือความชอบธรรม
“ฉะนั้นเราจะไม่รีบ ถ้าประชาชนเข้าใจตกผลึกในวันที่สถานการณ์สุกงอมซึ่งใกล้เต็มที”
เห็นด้วยครับ ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ให้ประชาชนตกผลึกทางความคิดเสียก่อน
แต่ประเด็นใหญ่วันนี้คือ แกนนำม็อบตกผลึกทางความคิดแล้วหรือยัง?
“จตุพร-นกเขา” คิดอะไรอยู่ และจะพาประเทศไทยไปสู่จุดไหน
๒ คนนี้คือจุดบรรจบระหว่างเหลือง-แดง
แต่ไม่ได้บรรจบในแง่ของมวลชน
เป็นการบรรจบของแกนนำไม่กี่คน ทำให้เกิดภาพ “หลอมรวม” เป็นก้อนเล็กๆ มีมวลชนเดินตามหลังไม่มากนัก
ว่ากันตรงๆ เพราะความแคลงใจนั้นยังคงอยู่
ความคิดความเห็นของ “จตุพร-นกเขา” ในวันนี้คือ ๓ ป.มีกลยุทธ์ลับ ลวง พราง นำไปสู่การไม่มีการเลือกตั้ง
และนำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้ง
ฉะนั้นต้องหยุดทรราช ๓ ป. เช่นเดียวกับ ๓ ทรราชยุค ๑๔ ตุลา.
ครับ…ดูจะเป็นการจินตนาการที่ล้ำเกินไป
หรือไม่ก็ถอยหลังไปไกลพอควร
ลำพังรัฐประหารแบบธรรมดาๆ ปัญหาที่ตามมาก็เยอะอยู่แล้ว
เช่น ต่างชาติไม่ยอมรับ
คนในชาติแตกแยกกันเละเทะ ไม่ยอมรับกันเอง
หาก ๓ ป. ลับ ลวง พราง “รัฐประหารตนเอง” จะเกิดอะไรขึ้น
ต้องถอยหลังไปปี ๒๕๑๔ เลยครับ เพราะนั่นคือ การรัฐประหารตนเอง ครั้งสุดท้าย
สาเหตุในครั้งนั้น ไม่มีอะไรมาก รัฐประหารด้วยข้ออ้างสภารุมทึ้งงบประมาณ
จากการที่สมาชิกพรรคสหประชาไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งในปี พ.ศ.๒๕๑๒ นำโดย นายญวง เอี่ยมศิลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี ได้เรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนต่างๆ ตามที่จอมพลถนอมได้เคยสัญญาไว้ในช่วงเลือกตั้ง
เมื่อไม่ได้รับการตอบแทนดังที่สัญญาไว้ ส.ส.เหล่านี้ได้ต่างพากันเรียกร้องต่างๆ นานา
บ้างก็ขู่ว่าจะลาออก
จอมพลถนอม ในขณะนั้นมีตำแหน่งพ่วงท้ายเป็นหางว่าว เป็นทั้ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าพรรคสหประชาไทย และนายกรัฐมนตรี
แถมยังได้ฉายา “นายกฯ คนซื่อ” บอกว่าไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้
ข้าพเจ้าจึงขอยึดอำนาจตัวเอง ใช้ชื่อสุดเท่ คณะปฏิวัติ
ถามว่าเหตุการณ์แบบนี้จะซ้ำรอยอีกหรือไม่
ตอบยากครับ
แต่ก็มีคนอยากให้ซ้ำรอย เพราะจะง่ายต่อการโค่นอำนาจ ๓ ป.
ทหารก็ไม่ต่างจากนักเคลื่อนไหวทางการเมืองครับ
หัวหน้าม็อบ นักเคลื่อนไหว ปรับตัวตลอดเวลา เพื่อให้สามารถดึงมวลชนไว้กับตัว
บางคนทำสำเร็จ หลายคนล้มเหลว
ทหารเช่นกันครับ เขาเรียนรู้ที่จะล้ำข้ามมาในเขตของนักการเมือง
ทหารทำในสิ่งที่น่ากลัว
นั่นคือ ทำรัฐประหาร แล้วให้คนยอมรับ
สูตรที่ใช้ไม่มีอะไรซับซ้อน อ้างเหตุนักการเมืองคอร์รัปชัน
คอร์รัปชันคือเรื่องใหญ่ แต่นักการเมืองไม่เคยคิดแก้ไขอย่างจริงจัง เพราะปัญหาคอร์รัปชันหลักๆ แล้วเกิดขึ้นจากนักการเมืองนั่นเอง
ไม่มีใครยอมทุบหม้อข้าว
ฉะนั้นหลายๆ รัฐบาลที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ล้วนมีปัญหาการคอร์รัปชันแทบทั้งสิ้น
คอร์รัปชันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการเมืองไทย
และแทบทุกครั้งที่มีการทำรัฐประหารก็มักอ้างเรื่องคอร์รัปชันเสมอ
แล้วมีเหตุผลอะไรบ้างให้รัฐบาลประยุทธ์ รัฐประหารตนเอง
ถึงวินาทีนี้ยังมองไม่ออกครับ
จะอ้างคอร์รัปชันก็ไม่ได้ เพราะเท่ากับประจานตัวเองว่าโกง
ขณะนี้รัฐบาลไม่ได้มีปัญหากับสภา
ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อยู่ระหว่างรอประกาศใช้
ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ ผ่านสภาผู้แทนฯ ไปแล้ว
ไม่มีอะไรเหมือนปี ๒๕๑๔
ภัยคุกคามต่อชาติและราชบัลลังก์
นักศึกษาเดินขบวน
ประชาชนเป็นหนึ่งเดียวในการต่อต้านเผด็จการที่เคยเกิดขึ้นในปี ๒๕๑๔ ล้วนมีสภาพต่างจากปัจจุบันแทบจะสิ้นเชิง
เพราะประชาชนถูกนักการเมืองแบ่งเป็น ๒ ขั้วมานานแล้ว เพราะนักการเมืองสอนให้ประชาชนรู้ถึงหายนะของการคอร์รัปชัน
วันนี้ไม่มีภัยคอมมิวนิสต์มาอ้างเพื่อทำรัฐประหารตนเอง
เพราะภัยที่คล้ายกันนี้ รัฐบาลประยุทธ์ เอาอยู่หมัด
ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งอย่างช้าสุดกลางปีหน้า ไม่มีใครไปบังอาจยืดเวลาได้อีกแล้ว
ฉะนั้นสิ่งที่ “จตุพร-นกเขา” บอกว่า “กลัว” นั้น อาจไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง
เพราะหัวหน้ามวลชนก็ ลับ ลวง พราง เป็นเช่นกัน
ไม่เอา ๓ ป. ด่าเพื่อไทย คือสิ่งที่ได้ยินบ่อยๆ จากปาก “จตุพร”
แต่ก็เป็นไปได้ว่าทำเพื่อประชาชน เพราะใครๆ ก็มักอ้างกันแบบนั้น