๗ มิถุนายน ๒๕๖๕-นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาที่กำหนด กล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้การตอบรับสลากดิจิทัล ๘๐ บาทเป็นอย่างดี จนทำให้สลากฯ กว่า ๕ ล้านใบสามารถจำหน่ายหมดได้ภายใน ๔ วัน ส่วนกระแสเรียกร้องให้เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลให้เกิน ๕ ล้านใบนั้น เบื้องต้นการจำหน่ายสลากงวดวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ และวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ยังคงยอดเปิดขายในจำนวนเท่าเดิมก่อน จากนั้นจะนำผลการจัดจำหน่ายในแต่ละงวดมาวิเคราะห์หาจำนวนที่เหมาะสม
โดยพิจารณาจำนวนสลากฯ ที่จำหน่ายในแต่ละงวดว่าสามารถจำหน่ายออกไปได้หมดหรือไม่ เพื่อไม่ให้ตัวแทนจำหน่ายขาดทุน เพราะแม้กระแสตอบรับจะดี แต่เห็นว่างวดแรกยังไม่สามารถประเมินอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องปกติของพฤติกรรมผู้ซื้อที่มักจะตื่นเต้นกับสินค้าใหม่ นอกจากนี้ ยังจะพิจารณาการพัฒนาระบบด้วยการปรับเพิ่มฟีเจอร์กว่า ๑๐ รายการ อาทิ ระบบการลดราคาของตัวแทนให้กับลูกค้า ,การค้นหาตัวแทนเฉพาะกลุ่ม เช่น คนพิการ สมาคม รวมถึงฟีเจอร์เลขชุดที่จะค้นหาได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเพิ่มทางเลือกการผูกบัญชีกับธนาคารอื่นนอกเหนือจากธนาคารกรุงไทย
“อยากฝากเชิญชวนไปยังตัวแทนจำหน่ายที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการสลากดิจิทัลได้ติดตามข่าวสารจากกองสลากฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการเปิดรับลงทะเบียนเพิ่มเติม” นายชาญกฤชกล่าว
นายชาญกฤช ย้ำว่า โครงการจำหน่ายสลากดิจิทัลเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำนักงานสลากฯ นำมาแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาในระยะสั้น โดยที่ประชาชนยังสามารถซื้อสลากใบละ ๘๐ จากจุดจำหน่ายสลาก ๘๐ บาท ที่กระจายอยู่ ๓๖๒ จุดได้ด้วย และภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะเพิ่มจุดจำหน่าย ถึง ๑,๐๐๐ จุดทั่วประเทศไทย
รวมถึงโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อจองล่วงหน้า ที่จะเพิ่มจำนวนจาก ๑๓๐,๐๐๐ ราย เป็น ๒๐๐,๐๐๐ ราย ยืนยันว่าสลากใบยังคงมีอยู่ ไม่ได้หายไป แต่การเปิดขายสลากดิจิทัลราคา ๘๐ บาท เพื่อแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ทำให้ประชาชนสามารถซื้อสลากในราคา ๘๐ บาทได้จริง และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ซื้อสลาก
นายชาญกฤช ยังเปิดเผยถึงมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะกลางถึงระยะยาวด้วยว่า ภายในปีนี้จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาจำหน่ายในรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล ๖ หลัก ซึ่งจะคล้ายกันกับสลากปัจจุบัน และสลากตัวเลข ๓ หลัก ซึ่งจะคล้ายกันกับหวยใต้ดิน ๒ ตัว ๓ ตัว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเซ็นสัญญากับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
“การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ประเภทของสลากที่จำหน่ายมีความหลากหลาย ไม่ใช่การมอมเมาประชาชน แต่เป็นการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ปัญหาหวยเถื่อน ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายกำหนด โดยเฉพาะการจำกัดอายุของผู้ซื้อต้องไม่เกิน ๒๐ ปี เพื่อป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน การห้ามจำหน่ายในโรงเรียน” นายชาญกฤชกล่าว