วังวน “คนตกเก้าอี้” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ตอนนี้ ไม่แค่ไทยเรา……..
หากแต่ทุกหย่อมหญ้าในโลก “หนัก” กันทั้งนั้น
ทั้งภาวะการณ์ “โลกผันแปรทางธรรมชาติ” ที่เรียก Climate Change
ทั้งภาวะการณ์ เศรษฐกิจและสังคมโลก “เปลี่ยนถ่ายยุค”
ทั้งภาวะการณ์ “ขัดแย้งการเมืองโลก” สู่การบู๊ล้างผลาญที่เรียก “สงครามโลก”
และทั้งภาวะการณ์ “โรคระบาด” แผ่ซร้านไปทั้งโลก แต่ละเทศไม่ว่าเล็ก-ใหญ่ ล้วนย่อยยับอัปรา เป็น “โรคล้างโลก” แท้จริง ไร้ผู้ต่อต้านถึง ณ วินาทีนี้

แต่ละบ้านเมือง ก็ส่วนเขา…….
แต่ในส่วนของบ้านเมืองไทยเราล่ะ?

ถึงวันนี้แล้ว พวกเราทุกคน มีความรู้สึก, นึก, คิด อะไรดีๆ ขึ้นมาได้บ้างล่ะครับ?
เราเหนื่อย เราหนัก เราท้อ เราอดทน เรากัดฟันสู้ ที่หมดแรงสู้ ก็ล้มพับดับสูญไปส่วนหนึ่ง

แต่ส่วนใหญ่ ยังหยัดอยู่ สู้โลกาและปัญหาสังคมที่โถมทับเข้ามาชนิดไม่รู้ว่า ฝนจะซา ฟ้าจะสาง เมื่อไหร่?
ในภาวะ ประเทศนี้ เปรียบเสมือนเรือลำหนึ่ง บรรทุก ๖๕ ล้านคนไทยลอยในมหาสมุทร ตลอด ๖-๗ ปี ไม่เคยว่างเว้นต่อการฟันฝ่า

มรสุมเศรษฐกิจ, มรสุมการเมืองภายใน-ภายนอก, มรสุมยุแหย่แยกประเทศ, มรสุมทางความยากจนของผู้คนระดับล่าง, มรสุมทางโรคระบาด และฯลฯ

ในขณะที่ กัปตันประคับ-ประคอง นำเรือฝ่ามรสมแต่ละลูกมาได้ตลอด แต่ก็มีคนในเรือ “ฝ่ายหนึ่ง” นั่งกิน-นอนกินเสบียงในเรือสบาย
บอกว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย”

ไม่มีหน้าที่ช่วยจ้ำพาย ไม่มีหน้าที่ช่วยกันนำเรือฟันฝ่า แต่มีหน้าที่เจาะท้องเรือ, เอาตีนราน้ำ, ยุแยงปลุกปั่นคนในเรือให้ฆ่ากัปตัน ชิงเรือ-ชิงอำนาจครอบครองเรือ

“ล่มชาติ-ล้มสถาบัน”……
เปลี่ยนราชอาณาจักรไทย ไปเป็นสาธารณรัฐ ล้มกษัตริย์ สถาปนาประธานาธิบดี เป็นประมุุขแทน นั่นคือ ภารกิจและหน้าที่ของพวกเขา “ฝ่ายประชาธิปไตย”!

ผมก็ได้นั่งมองความเป็นไป และคิดต่อว่า….
สมมติ เปลี่ยนตัวกัปตันเรือท่ามกลางมรสุมคลุ่มคลั่งที่ยังมิคลายขณะนี้ จากนายกฯ ประยุทธ์ ไปเป็นคนอื่น จะเป็นใครก็แล้วแต่
อะไระจะเกิดขึ้น?

อะไรในที่นี้ หมายถึง เมื่อเปลี่ยนตัวกัปตันแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นทันใด มรสุมจะหมดไป ทุกคนในเรือจะสุขสบาย หายยาก-หายจน

ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งเศรษฐกิจ สังคม โรคระบาด กัปตันใหม่ จะแก้ไขได้ ดีขึ้นทันตากว่ากัปตันประยุทธ์ที่นำทิศ-นำทางรอดมา ๖-๗ ปี อย่างนั้นใช่ไหม?

หรือเอาแค่……
ใช้การเมืองสมคบล่มชาติ-ล้มสถาบันทำให้ “สะใจ-กูได้อำนาจก่อน” แค่นั้น บรรลุแล้ว
เรื่องอนาคตประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน เป็นเรื่องของ “พวกโง่ไม่รู้จักเข็ด” ต้องเช็ดน้ำตาฟังนิทานสัมภเวสี เรื่อง “คนตาบอดไม่กลัวเสือ” กันเอาเอง จนกว่า ตาจะสว่าง!?

นายกฯ ประยุทธ์ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ไม่ใช่ผู้ดลบันดาลก็จริง
แต่ในความเป็นจริง……..

สมมติ นายกฯ ประยุทธ์ ละมือจากพวงมาลัยเรือกลางมรสุมขณะนี้ รัฐบาลยังอยู่
แต่เรือ “ไร้หางเสือ” ทันที

คือ ไม่มีคนคุมทิศทางเรือ คนสั่งการในเรือ เรือจะเท้งเต้ง หันรี-หันขวาง สุดแต่ทิศทางมรสุมกระหน่ำ จะกระชากลากพาไปทางไหน

ภาวะนั้น ใช่ว่า “ใครก็ได้” ให้มาทำหน้าที่กัปตัน คุมหางเสือนำทิศทางเรือได้ ตามขั้นตอนกฎหมายและกระบวนการระบบรัฐสภา มันต้องใช้เวลา

ซึ่งใครก็กำหนดไม่ได้ว่า กี่วัน-กี่เดือน กว่าแต่ละพรรคจะฆ่าแกงกันลงตัว ถึงขั้นตอนได้เลือกนายกฯ คนใหม่ แทนพลเอกประยุทธ์ และก็ยังบอกไม่ได้ด้วยว่า รัฐสภาจะเลือกใคร?

ถามว่า……
ผู้คน ๖๕ ล้าน ในเรือประเทศที่เคว้งคว้างระหว่างนั้น ยังจะมีชีวิตอยู่รอดได้หรือ
ไม่จมคว่ำไปกับเรือที่ถูกมรสุมซัดกระแทกแตกพินาศไปหมดสิ้นก่อนแล้วหรือ?

ด้วยความเป็นจริงที่ต้องเป็นเช่นนี้
นักการเมืองทั้งหลาย เพื่อเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน สูเจ้า…ผู้มีลมหายใจเปลืองเปล่าไปวันๆ

ในภาวะวิกฤติรอบด้านเช่นนี้ ขอจงอดทน-อดกลั้นต่อความริษยา-อาฆาต อดทน-อดกลั้นต่อความอยาก-ความกระสันในอำนาจชิงเมืองไว้ก่อนเถิด

มือไม่พาย ไม่เป็นไร ฝ่ายประชาธิปไตยผู้ประเสริฐทั้งหลายเอ๋ย
“ของจงอย่าเอาหางราน้ำเลย”!

พฤติการณ์พวกท่าน สร้างความอัปยศอดสูให้รัฐสภาอย่างไม่น่าให้อภัยเหลือล้น
อัน “สัปปายสถาน” นั้น ประหนึ่ง “พานทอง”

แต่เหล่าท่าน ๓ ปีมานี้ ทำให้พานทองนั้น เป็นที่กกไข่ของสัตว์พันธุ์เหี้ย พันธ์ตะกวด ช่างน่าอดสู!

ล้มนายกฯ เมื่ออยากล้ม ก็เดินตามกลไกประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาไป ไม่มีใครว่า แต่อย่าเที่ยวฟาดหางเปะปะ น่ารำคาญ

คุยนัก-คุยหนา ตอนนี้ บรรจุกระสุนเต็มรังเพลิง รอแค่ลันไก โป้ง…นายกฯ ประยุทธ์ ก็หงายท้องตกเก้าอี้ ๒๒ พฤษภา.
สภาเปิดปุ๊บ ยื่นไม่ไว้วางใจปั๊บ นั่นน่ะ
นั่นตามรัฐธรรมนูญ ก็ว่าไป….

แต่ก่อนจะโม้ซ้ำซากให้เหม็นขี้ฟัน แหกตาดูตัวเลขนี่้ก่อน
เมื่อ ศุกร์ ที่๒๕ กุมภา.รัฐสภาโหวต “ร่างพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง” ๖ ฉบับ คือทั้งของฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน
ก็ดูซี เสียงส่วนใหญ่เอาของใคร และของใครถูกเขี่ยทิ้ง?

-ร่างคณะรัฐมนตรี เห็นด้วย ๕๙๘ ไม่เห็นด้วย ๑๑ งดออกเสียง เท่ากับเสียงเห็นด้วยกับรัฐบาล “เกินกึ่งหนึ่ง” ของจำนวนสมาชิกรัฐสภา รับไปสู่ขั้นตอนแปรญัตติ ในวาระ ๒

-ร่างพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาฯประชาชาติ เห็นด้วย ๒๐๗ ไม่เห็นด้วย ๓๗๕ งดออกเสียง ๓๗ เท่ากับเสียงเห็นด้วย “ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง” ก็ตกไป

-ร่างชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าเพื่อไทย เห็นด้วย ๒๒๑ ไม่เห็นด้วย ๓๗๑ งดออกเสียง ๓๐ ไม่ลงคะแนน ๑ นี่เหมือนกัน โหวตรับ “ไม่ถึงครึ่ง”

ก็ต้องเก็บร่างที่มีเนื้อหา แก้มาตรา ๒๘-๒๙ ที่ห้ามคนนอกเข้ามาคอบงำพรรค เป็นให้เข้ามาบัญชาการ สั่งการในพรรคได้นั้น ไปเป็นกระดาษเช็ดตูดในพรรคต่อไป

ก็พิลึกดี เขาเลิกทาสมาตั้งนาน แต่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กลับโหยหาการเป็นทาส เขียนกฎหมายขอติด “ปลอกคออีเอม”!?

-ร่างนายวิเชียร ชวลิต พลังประชารัฐ เห็นด้วย ๕๗๘ ไม่เห็นด้วย ๑๙ งดออกเสียง ๒๖ รัฐสภารับร่างพรรครัฐบาลไปสู่วาระ ๒

-ร่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าก้าวไกล เห็นด้วย ๒๐๔ ไม่เห็นด้วย ๓๘๑ งดออกเสียง ๓๔ ไม่ลงคะแนน ๑ ถูกเขี่ยตกใต้ถุนไป

-ร่างนายอนันต์ ผลอำนวย พลังประชารัฐ เห็นด้วย ๔๐๘ ไม่เห็นด้วย ๑๘๔ งดออกเสียง ๒๘ ไม่ลงคะแนน ๑ เห็นด้วยเกินกึ่งหนึ่ง รับไปพิจารณา วาระ ๒ เช่นกัน

ก็เห็นชัด………
ที่ว่าเสียงฝ่ายรัฐบาลง่อนแง่น ไม่เป็นเอกภาพ โหวตเมื่อไหร่ นายกฯ ไปเมื่อนั้น
เอาเข้าจริง เสียงรัฐบาลผนึก “เกินครึ่ง” ทั้งนั้น

ตรงกันข้าม ฝ่ายค้าน ที่เหี้ยนกระหือรือ ตวัดหางป้าบๆ คะแนนคว่ำประยุทธ์จะไหลมา
เอาเข้าจริง “หงายท้อง” ร้องเอ๋ง!

นี่แสดงว่าพรรคร่วมรัฐบาล คุยกันเรื่องยุทธศาสตร์การเมืองว่าด้วยการเลือกตั้ง สรุปลงตัวแล้ว
ที่จะเอานายกฯ ตกเก้าอี้ ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปลายพฤษภา.ดูท่าแล้ว ก็ “ฝ่ายประชาธิปไตย” นั่นแหละ

“หัวห้อย-หางชี้” ตกเก้าอี้ซะเอง!


Written By
More from plew
นี่ไง “นายกฯประชาธิปไตย”
นี่ไง “นายกฯประชาธิปไตย” คงทราบกันแล้ว! เรื่องงบสั่งซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ ๒-๓ นายกฯในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม “สั่งถอย”
Read More
0 replies on “วังวน “คนตกเก้าอี้” – เปลว สีเงิน”