เปลว สีเงิน
มันก็ต้อง “อิน เทรนด์” กันหน่อย
“สภาล่ม” แล้ว …….
ครม.ก็ต้อง (เกือบ) ล่มบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้ากัน!
เมื่อวาน (๘ กพ.๖๕) นักข่าวฮือฮากันแต่เช้า ว่าคนหาย..คนหาย คือรัฐมนตรีภูมิใจไทย ๗ คน หายไปไหน ไม่เห็นมาประชุมครม.ที่ทำเนียบ?
ถามไป-ถามมา ได้ความว่า
เขายื่นใบลาประชุมกัน “ยกพรรค”!
หมอหนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค นำประท้วงด้วยเหตุอันใดหรือ?
ก็ไม่ได้ประท้วง แค่แสดงจุดยืนแบบสันติและอารยะตามที่โฆษกพรรค “ศุภชัย ใจสมุทร” บัญญัติคำอ้าง
คือ เรื่องรถไฟฟ้า “สายสีเขียว” พรรคภูมิใจไทย มีจุดยืน ว่า
“ไม่เห็นด้วย กรณีกระทรวงมหาดไทย เสนอวาระเพื่อพิจารณา ขอความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ของกรุงเทพมหานคร (กทม.)
เพื่อขยายสัญญาสัมปทานให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC บริษัทในเครือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ออกไปอีก ๓๐ ปี
จากเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี ๒๕๗๒ ออกไปเป็นปี ๒๖๐๒ แลกกับการเก็บค่าโดยสาร ๖๕ บาท ตลอดสาย ให้ ครม.พิจารณาอนุมัติ ในวันนี้”
อ๋อ….
ผลประโยชน์ไม่ลงตัวกันนี่เอง เรื่องนี้ มันเป็นมหากาพย์ “ข้ามภพ-ข้ามชาติ” ต่อเนื่องมาหลายรัฐบาลแล้ว
ถึงยุคคสช.ทำท่าจะจบ ก็ไม่จบ
จนข้ามมาถึงยุคปัจจุบัน และนี่ก็ยืดเยื้อเข้าปีที่ ๓ ของรัฐบาลพรรคผสมแล้ว
มหาดไทย เจ้าสังกัด กทม.โอเค.แต่คมนาคม เจ้าสังกัด รฟม.โนเค.
วันนี้ มหาดไทยนำเรื่อง “เข้าครม.” อีกครั้ง
แต่ภูมิใจไทย เจ้ากระทรวงคมนาคม ตบเท้า “ออกจากครม.”!
รัฐบาลเดียวกัน แต่ทำงานเป็น “รางขนาน”
วิ่งไปด้วยกัน “เหมือนถึง” แต่เป็นการถึงแบบ “ร้อยปี-ร้อยชาติ” ก็ไม่รู้วันไหนจะได้บรรจบกัน
เรื่องแบบนี้ นักการเมืองเขาไม่เดือดร้อน
เพราะเขามีรถเก๋งคันละนับล้านนั่ง และไม่ใช่คนจ่ายตังค์ค่าก่อสร้างนับแสนล้าน ที่สูญเปล่าไปวันๆเพราะการเมือง
ชาวบ้าน เราๆ ท่านๆ นี่ต่างหากที่เดือดร้อน ต้องนั่ง ต้องจ่าย จ่ายทั้งค่าโดยสาร จ่ายทั้งค่าโครงการและการก่อสร้าง
แต่กลับต้องซวยกับปัญหาที่ไม่ได้ก่อ
แล้วมีใครบ้างล่ะ รวยจากการแก้ปัญหา…ใครตอบได้ ช่วยตอบที!?
อย่าบ่นกันเชียวนะ ก็นี่แหละ การบริหารของ “รัฐบาลระบบประชาธิปไตยเลือกตั้ง” ที่โหยหากันมิใช่หรือ?
มันเป็นความจริงที่บรรจบเห็นชัด ว่าประชาธิปไตยหรือเผด็จการ แค่มายา แล้วก็ทึกทักกันตรงมายา บ้าใบ้กันไปกับตรงนั้น
“เนื้อหา” คือการกระทำ หมายถึงการบริหารราชการงานเมืองตะหาก ที่ควรทึกทัก-ยึดถือ แต่ไม่เพ่งเล็งกันตรงนี้เอง
ก็เกิดคำถามว่า ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรค แสดงจุดยืนแบบสันติ “ไม่เข้าร่วมประชุมครม.” กับเรื่องที่พรรคตัวเองไม่เห็นด้วยบ้าง จนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
อะไรจะเกิดขึ้น?
ที่เกิดขึ้น คือ “รัฐบาลอยู่ได้” แต่ “ประชาชนอยู่ไม่ได้”!
แล้วที่ภูมิใจไทยสร้างรูปแบบใหม่เมื่อวาน จะส่งผลถึงรัฐบาลอย่างไร?
อันนี้ “ตอบยาก” เพราะไม่รู้แต่ละพรรคเขาตีความของการประชุมครม.ไปด้วยประชาธิปไตยแนวไหน?
ถ้าเป็นแนวเผด็จการ ไม่สนใคร จะทุบโต๊ะเลย แต่ถ้าเป็นเผด็จการคุณธรรม เขาจะฟังทุกความเห็น แล้วเก็บทุกความเห็นไปกรอง
กรองแล้วคัด คัดแล้วนำไปคั้น
คั้นแล้วนำ “หยดผลึก” ที่คั้นได้นั้น ไปเข้าน้ำกระสาย เพื่อใช้ยังประโยชน์ชาติ-ประชาชนให้สำเร็จ เพื่อสุขร่วม
ถ้าเป็นประชาธิปไตย แบบกูต้องได้ตามใจลูกเดียว มันก็ต้องนั่ง “ชักลูกปะคำ” บริกรรมยุบหนอ-พองหนอ สร้างตบะบารมีไปเรื่อยๆ
บางคนบอก “แบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันยาก”!
ถ้าคิดว่ายาก มันก็ยาก
แต่ถ้าคิดแบบ “รู้เขา-รู้เรา” และตีโจทย์คำพังเพย “รักยาวให้บั่น-รักสั้นให้ต่อ” แตก
มันก็ไม่ยาก!
ฟังที่นายกฯ ส่งภาษาอมยิ้มกลางวงประชุมครม.เมื่อวาน “วันนี้บรรยากาศดูเหงาๆ รัฐมนตรีหายไปเยอะ สงสัยรถไฟฟ้ามาหานะเธอ”
แบบนี้ แสดงว่า “รักยาวให้บั่น”!
ยิ่งพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เจ้าของเรื่องรถไฟฟ้าสีเขียวที่เสนอเข้าครม.บอกหลังการประชุมว่า “ทางกระทรวงคมนาคมต้องการข้อมูลชี้แจงเพิ่มเติม ครม.จึงมีมติให้ไปชี้แจงเพิ่มเติม แล้วนำเรื่องกลับเข้ามาครม.ใหม่ ก็เป็นไปตามที่กระทรวงคมนาคมยื่นหนังสือมา และมีข้อทักท้วง ๔ ข้อ
ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการถอนวาระการพิจารณาออกจากการประชุมครม.แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการไปนำข้อมูลมาเพิ่มเติมเท่านั้น”
๔ ข้อที่คมนาคมทักท้วง คือประเด็นไหน?
ก็ประเด็น เป็นปากเสียงแทนผู้โดยสาร กลัวจะเสียแพงเกินไป ก็ช่วยทักท้วง-ต่อรอง เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ผู้ใช้บริการ ประมาณนั้น
เออ…มันก็ดีนี่!
ฝายมหาดไทย ก็เพื่อชาวบ้าน ฝ่ายคมนาคมก็เพื่อชาวบ้าน แล้วจะขัดกันตรงไหน?
ผมเข้าใจว่า เดี๋ยวเขาก็จูนความเข้าใจตรงกันได้ คุณเนวินเขาอาจ “ขอเวลานอก” แนะทีเด็ดเคล็ดลับให้คณะพรรคแล้ว เขาก็คงยกพรรคกลับเข้ามาประชุมครม.ในนัดต่อไปเหมือนเดิม
คุณเนวินผ่านเรื่องอยางนี้มาเยอะ เขารู้หรอกว่า สถานกาารณ์อยางนี้ ควรทำอย่างไร
ขณะเดียวกัน นายกฯ ก็เจ็บมาเยอะ ท่านก็ต้องรู้ เพื่อนร่วมห้องเช่าด้วยกัน หลังคามันรั่ว เวลานอน มันก็ต้องเบียดกันนอนหลบรูรั่วในที่แคบๆ เดียวกัน
เรียกว่า “มีสุขร่วมเสพ-มีภัยร่วมต้าน” ประมาณนั้น ถ้าจะอัสมิมานะ “ถือเขา-ถือเรา” ร่ำไปในทุกสถานการณ์ แบบนั้น ถือแค่ละเมอถีบกัน มันก็บรรลัยไปด้วยกันสถานเดียว
เว้นแต่ว่า ไม่มีฝ่ายไหนยอมลดรา-วาศอกให้กันละก็ แบบนั้น ๑๗-๑๘ กุมภา.นี้ เพื่อไทย-ฝ่ายค้าน ไม่ต้องเปิดอภิปรายทั่วไปหรอก
วันนี้-พรุ่งนี้ “ยุบสภา” ไปเลยดีกว่า จะยื้อเวลาตายให้แมลงวันมันไชแผล-วางไข่จัญไร ไปทำไม ชิมิ..ชิมิ?
เพราะภูมิใจไทย มีสส.๕๙ คน ก็หลายคน อาจเป็นสิบ ตัวอยู่ภูมิใจไทย แต่ใจและวัตรปฏิบัติ ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามนายกฯนานแล้ว ตามที่เห็น
ดังนั้น ถ้าภูมิใจไทยไม่ต้องการร่วมรัฐบาล อยากคว่ำวันนี้-พรุ่งนี้จริงๆ กฎหมายรัฐบาลเข้าสภาวันไหน ก็ “โหวตคว่ำ” วันนั้นได้ทันทีอยู่แล้ว
ด้วยเหตุเกิดแต่เนื้อในตนเช่นนี้ การ “ยุบสภา” มันก็เกิดได้ทุกนาที จริงมั้ย ผมจึงบอก ยุบไปเลยดีกว่า
แต่ประเมินแล้ว ทั้งคุณอนุทิน “หัวหน้าพรรค” ทั้งคุณเนวินที่เขกหัว “หัวหน้าพรรค” ได้ เจตนา “ยกพรรค” ลาประชุมครม. เมื่อวาน
ยังไปไม่ถึงขั้นต้องการให้บรรลัยไปด้วยกันเดี๋ยวนี้หรอก!
ฉะนั้น ในการอยู่ร่วมกัน ไม่เพียงครม.ผัว-เมียกันก็เถอะ หย่อนบาท-หย่อนสลึงกันบ้าง
ก็จะถือไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร ไปกันได้อีกนาน
แต่ถ้ายึดในแง่ “มึงแน่-กูแน่” มันก็ต้องแผ่สองสลึง คือพังไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ที่ได้ มีอย่างเดียว คือ….
ได้ “เลือกตั้งใหม่” เร็วขึ้น!
ก็มาถึงคำถามชิงโชคประจำวัน……
“รักยาวให้บั่น” นั่นหมายถึงให้ “บั่นอะไร”?
ใครตอบถูก ไปรับรางวัลที่ท่านนายกฯ ครับ ไม่ใช่ที่ผม