สันติ อิ่มใจจิตต์
ชื่อร้าน ท่าเรือภัตตาคาร
เจ้าของ คุณสิริอร แสงสุขเอี่ยม คุณนิรันดร์ แสงสุขเอี่ยม คุณกิตติวุฒิ แสงสุขเอี่ยม
สถานที่ จังหวัดสมุทรสาคร จากถนนพระราม 2 เลี้ยวเข้าตัวจังหวัดสมุทรสาคร วิ่งตามทางตรงไปอย่างเดียวจนสุดทางจะพบร้านอยู่ด้านซ้ายมือ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.โทรศัพท์ 06-5096-4690
ปีนี้เทศกาลตรุษจีนมาเร็วกว่าทุกปีครับ วันที่ 30 มกราคมนี้ตรงกับวันจ่ายวันที่ 31 มกราคม ตรงกับวันไหว้และวันที่ 1 กุมภาพันธ์ คือวันตรุษจีน
สำหรับนักชิมที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนเมื่อได้ทำพิธีในเทศกาลตรุษจีนได้รับเงินแต๊ะเอียเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเที่ยวเตร่เฉลิมฉลองกัน จะชวนกันไปกินอาหารอร่อยๆ หรือไปเที่ยวก็แล้วแต่อัธยาศัย แต่ถ้าจะไปกินอาหารอร่อยในบรรยากาศดีๆ สมกับวันตรุษจีนแล้ว ผมขอแนะนำให้ไปที่ ท่าเรือภัตตาคาร จังหวัดสมุทรสาคร รับประกันว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
ท่าเรือภัตตาคารเปิดบริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2507 นานเกือบ 58 ปี แล้ว ที่นี่ผมเคยเขียนแนะนำให้ไปชิมนานมากจนจำไม่ได้ว่ามีอาหารอะไรที่อร่อยบ้าง พอดีได้ทราบข่าวจาก คุณสมพงษ์ จิระพรพงศ์ อดีตเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรสาคร และเคยเป็นเจ้าของเรือประมงว่า
ปัจจุบันท่าเรือภัตตาคารได้ใช้เวลามากกว่า 2 ปี ลงทุนอย่างมากมายมหาศาลปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่หมด โดยคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ต้องการจะพัฒนาให้ท่าเรือภัตตาคารเป็นที่เชิดหน้าชูตาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัด มีอาหารทะเลสดๆ ให้ลูกค้าซื้อกลับบ้านโดยไม่มีกลิ่นคาวรบกวน หรือให้เชฟนำไปทำอาหารกินที่ชั้นบนของร้าน
ท่าเรือภัตตาคารมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นจะมองเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามา บริเวณหน้าร้านจะมีแม่น้ำท่าจีนบรรจบกับคลองมหาชัย ไหลลงสู่ปากอ่าว มองเห็น ท่าฉลอม ต้นกำเนิดของเพลงท่าฉลอมที่โด่งดัง
บรรยากาศของร้านโดยเฉพาะช่วงเย็นๆ แสงแดดกระทบกับแม่น้ำจะมองเห็นท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงิน จากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสีทอง สีแสด สวยงามมาก นอกจากนั้นยังมีเรือประมงลำใหญ่ๆ ที่แล่นผ่านบริเวณหน้าร้านออกไปหาปลาที่ท้องทะเลอีกด้วย เรียกได้อย่างเต็มที่ว่า อาหารราคาหลักร้อย แต่บรรยากาศหลักหลายล้านเชียว
มาถึงร้านแล้วไม่ผิดหวังเลยครับก่อนที่จะเดินเข้าร้าน ที่ผนังของร้านจะพบภาพวาดขนาดใหญ่เป็นภาพของปลาเก๋า และบริเวณทางเดินเป็นปลาวาฬปั้นที่โผล่หัวและหาง เด็กๆ จะชอบมาก
เดินเข้าภายในร้านด้านขวามือจะเป็นตู้ปลาขนาดใหญ่มีปลา กุ้ง แมงดา กั้งทะเล ฯลฯ ว่ายอยู่ในตู้ให้เลือกไปปรุงอาหาร ด้านซ้ายมือจะเป็นเคาเตอร์ขนาดใหญ่มีอาหารทะเลสดๆ ที่แล่เป็นชิ้นๆ ใส่ถุงไว้สำหรับนำไปปรุงอาหารได้ทันทีได้เห็นเพียงเท่านี้ก็ประทับใจมากแล้วครับ
สอบถามจึงได้ความว่าทีมงานคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาบริหารนั้นไม่ธรรมดา เพราะเป็นเจ้าของ ศิริคุณ ซีฟูดส์ ที่จำหน่ายอาหารทะเลสดๆ ทุกชนิด ที่ต้องสดจริงๆ บริษัทมีเครือข่ายมากมายทั่วประเทศ และยังมีโรงงานปลาอยู่ที่จังหวัดกระบี่ มีสาขาในห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่วางขายวัตถุดิบจากทะเลก็มาจากศิริคุณ ซีฟูดส์ ทั้งนั้น
ผมเคยเห็นรถห้องเย็นส่งอาหารทะเลของบริษัท แล้วอดยิ้มไม่ได้ เพราะข้างรถมีภาพหัวปลา แล้วเขียนไว้ว่า ใครไม่เก๋า เราเก๋า
เจ้าของบริษัทคือ คุณสิริอร แสงสุขเอี่ยม เป็นชาวอำเภอมหาชัย สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆ เริ่มตั้งแต่ทำงานที่สะพานปลา มีหน้าที่ซ่อมแซมก้นของหลัวที่ขาด ต่อมาก็เลี้ยงกุ้ง ซื้อปลาสดๆ ส่งขายตามห้างสรรพสินค้า เจริญก้าวหน้าเรื่อยมาจนเป็นเจ้าของบริษัท
โดยมีบุตรชาย 2 คน คือ คุณนิรันดร์ แสงสุขเอี่ยม และคุณกิตติวุฒิ แสงสุขเอี่ยม คอยดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด และบุตรชายทั้ง 2 คน ของคุณสิริอร นี่แหละครับ คือผู้ที่มาปรับปรุงท่าเรือภัตตาคารจนเป็นแลน ด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสมุทรสาคร
สำหรับด้านอาหารนั้น แทบจะไม่ต้องบรรยายให้ทราบว่าอร่อยอย่างไร เพราะเมื่อแต่ละเมนูมีวัตถุดิบที่สดมากแล้ว ก็เพียงแค่เอามาย่าง ต้ม ผัด เผา หรือนึ่ง ก็อร่อยแล้ว ยังไม่ได้นับถึงฝีมือของเชฟที่มีประสบการณ์อย่างยาวนาน
ซึ่งที่ท่าเรือภัตตาคารนี้เป็นสไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่รสชาติอาหารเป็นแบบของคนแต้จิ๋วรุ่นเก่าของสมุทรสาคร
เมนูเด็ดๆ ก็เช่น กั้งตั๊กแตนคั่วพริกเกลือ ปลาเก๋าดำผัดฉ่า กุ้งผัดสะตอ แกงส้มชะอมปลากะพง หอยลายผัดโหระพา ฯลฯ
หาที่นั่งได้เรียบร้อยแล้ว ขอแนะนำให้สอบถามพนักงานว่ามี หอยพิม ไหม ถ้ามีให้รีบสั่ง หอยพิมแดดเดียว มาชิมทันที เพราะสมัยนี้หอยพิม ซึ่งมีรสชาติอร่อยทั้งหวาน ทั้งมัน เคี้ยวสนุก เหมาะที่จะเป็นกับแกล้มอย่างยิ่ง หากินไม่ได้ง่ายๆ แต่ถ้าไม่ชอบหอยพิมแดดเดียว จะให้ทำ หอยพิมแกงคั่ว หรือ หอยพิมผัดฉ่า ก็จะอร่อยไปอีกแบบครับ
เมนูโบราณรุ่นอากงอาม่าที่หากินไม่ได้ง่ายๆ ต้องสั่งมาชิม คือ ปลาลิ้นมังกรต้มเต้าเจี้ยว เมนูนี้เป็นเมนูโด่งดังของท่าเรือภัตตาคาร จนคุณสิริอรได้รับเชิญไปสาธิตวิธีการทำในรายการครัวคุณต๋อย ปลาลิ้นมังกรก็คือ ปลาลิ้นหมานั่นแหละครับ แต่ต้องเลือกแต่ตัวเมียที่มีไข่และเนื้อนุ่มกว่ามาทำ
โดยน้ำซุปนั้นต้องทำจากนำก้างปลาเต๋าเต้ยและโครงไก่ไปต้มโดยไม่ใส่ผงชูรสจนน้ำเดือด หมั่นช้อนฟองออกใส่เนื้อปลาที่ทำความสะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ลงไป ใส่ขิงซอย กระเทียมบุบ รากผักชี พริกขี้หนู เต้าเจี้ยวบด น้ำปลา น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว ขิงแก่เป็นแผ่นๆ ยกออกมาเสิร์ฟร้อนๆ เวลากินจะหอมกลมกล่อม ชื่นใจ คิดถึงอากง อาม่า ขึ้นมาทันที เพราะเป็นรสชาติที่หากินไม่ได้ง่ายๆ
อาหารที่อร่อยไม่รู้ลืมต้องมาสั่งมาชิมให้ได้ คือ ปลาดุกทะเลผัดฉ่า ปลาดุกทะเลสมัยนี้ก็ชักจะหายากอีกเช่นกัน แต่ที่ท่าเรือภัตตาคารสามารถหาได้ เมื่อลูกค้าสั่ง พ่อครัวจะนำปลาดุกทะเลสดๆ มาแล่ทำความสะอาด แล้วตั้งกระทะใส่รากผักชี กระเทียม ผัดจนหอมใส่ปลาดุกและเครื่องปรุงต่างๆ มีทั้งกระชาย พริกไทยอ่อน พริกไทยเม็ด พริกกะเหรี่ยง พริกจินดา ผัดจนเนื้อปลาสุกยกออกมาเสิร์ฟ เวลาตักเนื้อปลาที่มีสมุนไพรต่างๆ แทรกอยู่ด้านใน กินใหม่ๆ ก็อร่อยกำลังดี แต่ยิ่งกินก็ยิ่งเผ็ดลึกไปเรื่อยๆ ต้องเรียกข้าวสวยร้อนๆ มาช่วยจึงจะเข้ากันได้
เมนูเด็ดของร้านที่ใครไปใครมาต้องสั่งมาชิม คือ ปลาเต๋าเต้ยหม้อไฟจักรพรรดิ์ เนื้อปลาเต๋าเต้ยนั้นนักชิมคงทราบกันอยู่แล้วว่ามีความมัน เด้ง หวานฉ่ำ เชฟจะแล่เนื้อของปลาเต๋าเต้ยเป็นชิ้นบางๆ เรียงสวยมาในจาน เสิร์ฟคู่กับน้ำซุปที่ผ่านการเคี่ยวเครื่องปรุงสมุนไพรมาจนได้ที่ ซดคล่องคอด้วยความเผ็ดร้อนของพริกไทย พร้อมยอดมะระหวานและขึ้นฉ่าย เวลากินก็จุ่มเนื้อของเต๋าเต้ยลงไปในหม้อไฟที่กำลังเดือดพล่าน ยกออกมาจิ้มกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของท่าเรือภัตตาคารโดยเฉพาะ จะได้รสชาติที่กลมกล่อม อร่อยมาก เคล็ดลับที่สุดคือ สุดท้ายที่เหลือแต่น้ำซุปที่อร่อยมากนั้น เอาเส้นบะหมี่ใส่ลงไปหรือข้าวสวยใส่ลงไปจะอร่อยและอิ่มท้องอีกด้วยครับ
อิ่มอร่อยกับรสชาติของอาหารและเพลิดเพลินกับบรรยากาศทิวทัศน์ของร้านแล้ว ขากลับขอแนะนำให้ซื้อ ส้มเขียวหวาน จากสวนที่ อ.ฝาง ของคุณสิริอร รสชาติหวานฉ่ำอร่อยหรืออาหารทะเลที่ทำใส่ถุงสำหรับให้นำไปปรุงเป็นอาหารด้วยตัวเองได้ครับ