รัฐบาลขอความร่วมมือผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายห้ามส่งออกหมู ให้ผู้เลี้ยงหมูตั้งแต่ 500 ตัวและผู้ครอบครองหมูชำแหละตั้งแต่ 5,000 ก.ก. แจ้งปริมาณการครอบครองต่อพาณิชย์จังหวัดโดยเคร่งครัด ร่วมเร่งแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

7 มกราคม 2565 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  ตามที่รัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูแพงตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้มีมาตรการ 3 ระยะ ได้แก่ มาตรการเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหานั้น

ล่าสุด กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาราคาหมูแพงได้มีผลบังคับแล้ว ประกอบด้วยการห้ามส่งออกหมู และการกำหนดให้ผู้เลี้ยงต้องแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บและจัดทำบัญชีสินค้าและเนื้อหมู ต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งรัฐบาลขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูแพงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับทุกปัญหาที่กระทบปากท้องประชาชน จึงได้เร่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเพื่อให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมมีแนวทางแก้ไขที่ครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ป้องกันกรณีเกิดปัญซ้ำ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ จำนวน 2 ฉบับ  ฉบับที่1 เรื่องห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร มีสาระสำคัญห้ามมิให้บุคคลใดส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณี โดยมีผลบังคับ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในที่นี้คือตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2565 ต่อเนื่องไปเป็นเวลา 3 เดือน

ฉบับที่ 2 เรื่อง การแจ้งปริมาณ ราคา สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร เนื้อสุกร  มีสาระสำคัญเป็นการบังคับให้ ให้ผู้เลี้ยง ผู้จำหน่าย ผู้ส่งออกซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป ไม่ว่าจะครอบครองในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์หรือครอบครองแทนผู้อื่นต้องแจ้งปริมาณการเลี้ยง การซื้อ การจำหน่าย การส่งออก ปริมาณคงเหลือราคาจำหน่าย สถานที่เก็บ และสถานที่เลี้ยง

รวมถึงให้ผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วนซึ่งประกอบด้วยเนื้อไหล่ เนื้อสะโพก เนื้อสันคอ เนื้อสันนอก เนื้อสันใน และเนื้อหมูสามชั้น ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ไม่ว่าจะครอบครองในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์หรือครอบครองแทนผู้อื่น แจ้งปริมาณการซื้อ การจำหน่าย การใช้ การส่งออก การรับฝาก ปริมาณคงเหลือราคาจำหน่าย และสถานที่เก็บ

ทั้งนี้ ให้แจ้งภายในวันที่ 10 ม.ค. 2565 และให้แจ้งครั้งต่อไปเป็นประจำทุกสัปดาห์ในวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป โดยหากเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในกรุงเทพฯ และจ.นนทบุรี ให้แจ้ง ณ สำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ส่วนที่อยู่ในจังหวัดอื่นให้แจ้ง ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด

ส่วนช่องทางการแจ้ง สามารถแจ้งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ทางโทรสาร ทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) หรือทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ แต่ผู้ที่ประสงค์จะแจ้งทางอิเล็กทรอนิกส์จะต้องลงนามในบันทึกแสดงความตกลงในการแจ้งทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด

พร้อมกันนี้ ผู้เลี้ยง ผู้จำหน่าย ผู้ส่งออก ผู้ครอบครองต้องจัดทำจัดทาบัญชีคุมสินค้า แสดงปริมาณการเลี้ยง ปริมาณการซื้อ ราคาซื้อ ราคา ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเวลา

สำหรับประกาศฉบับที่ 2 นี้มีผลนับถัดจากวันประกาศ ในที่นี้คือตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2565 ต่อเนื่องไปเป็นเวลา 1 ปี


Written By
More from pp
ขอเชิญสมัครรับงบสนับสนุน BDS ของสสว.หรือ SMEs Proactive ของ DITP เปิดตลาดสินค้าไทยสู่โอมานกับงาน Thai Trade Exhibition Oman 2025 ปีที่6
ขอเชิญสมัครรับงบสนับสนุน BDS ของสสว.หรือ SMEs Proactive ของ DITP เปิดตลาดสินค้าไทยสู่โอมานกับงาน Thai Trade Exhibition Oman...
Read More
0 replies on “รัฐบาลขอความร่วมมือผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายห้ามส่งออกหมู ให้ผู้เลี้ยงหมูตั้งแต่ 500 ตัวและผู้ครอบครองหมูชำแหละตั้งแต่ 5,000 ก.ก. แจ้งปริมาณการครอบครองต่อพาณิชย์จังหวัดโดยเคร่งครัด ร่วมเร่งแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน”