เปลว สีเงิน
“การเมืองเรื่องพรรค” นี่ ดูเหมือนผมไม่ได้แตะมานาน!
วันนี้ เอาซะหน่อยเป็นไง
ปลากระป๋อง ก็ต้องปุ้มปุ้ยหรือไม่ก็ “สามแม่ครัว” ชัวร์ที่สุด
ส่วนรัฐบาล เขาว่า ก็ต้อง ๓ ป.ถึงจะชัวร์ปึ๊ก!
แต่ตอนนี้ เข้าปีที่ ๖ ที่ ๗ แล้ว ยังจะชัวร์ปึ๊กด้วยคุณภาพคงเดิมหรือไม่ ผมไม่รู้สายสนกลในเขาหรอก
รู้แต่ว่า การเมืองไทยนั้น ต่อให้เทวดามาเป็นนายกฯ แต่ถ้าอยู่นาน ถึง ๖ ปี ๗ ปีขึ้นไป ก็หนี “ธรรมชาติการเมือง” ไปได้ยาก
คือ “เบื่อของเก่า-อยากลองของใหม่”
มันจะเป็นโรคระบาดในระบอบประชาธิปไตยระบบเลือกตั้งเกิดขึ้นทันที
ฉะนั้น จึงเห็นกฎหมายแทบทุกประเทศ จะกำหนดให้นายกฯหรือประธานาธิบดีในระบบเลือกตั้ง อยู่ได้ไม่เกิน ๒ สมัย คือ ๘ ปี แล้วต้องเว้นวรรค!
สำหรับ “นางอังเกลา แมร์เคิล” นายกฯ เยอรมนี ที่อยู่ยาวเป็นหนวดฤาษี ต่อเนื่องถึง ๑๖ ปีนั้น ยกให้เธอคน
แต่ที่รากงอกได้นั้น ก็รู้ไว้เหอะ ………
เธอต้องแลกกับการ “รากเลือดเพื่อชาติ” ไม่รู้กี่รอบ!
ย้อนมาดูรัฐบาล ๓ ป.พูดกันตามรัฐธรรมนูญ จะครบปีที่ ๓ ในเดือนพฤษภา-มิถุนา ๖๕
แต่ฝ่ายค้านตีขลุมว่า จะครบ ๘ ปี เป็นนายกฯ ต่อไม่ได้เแล้ว
ก็นับแบบ “ฝนไล่ช้าง” ซู่ๆ ไปงั้น
การเอา ๔ ปี สมัยคสช.ซึ่ง “นอกรัฐธรรมนูญ” มาทึกทักนับอายุนายกฯ “นอกสมรส” รวมกับอายุนายกฯ “ในสมรส” เลือกตั้ง
แล้วโมเมสรุป กลางปี ๖๕ ประยุทธ์จะ Expired นั้น
มันไม่ส่ออาการ “กลัวประยุทธ์” ในสนามเลือกตั้ง ชนิดขี้เยี่ยวแตกราดขาตัวเองไปหน่อยหรือ?
เอากันตรงๆ ตามรัฐธรรมนูญ พลเอกประยุทธ์ยังมีสิทธิ์เป็นนายกฯ ได้อีกสมัย คือเลือกตั้งได้อีกรอบ จึงจะครบ ๘ ปี
แต่ก็นั่นแหละ พอเข้าใจได้….
คนอยากน่ะ พอมันหน้ามืดขึ้นมา ทำได้ทุกอย่าง ไม่เขิน-ไม่อาย ใครทั้งนั้น
บวกกับธรรมชาติสังคมมนุษย์ ไม่ชอบอะไรที่จำเจ ต่อให้คนนั้นดีขนาดไหน ถ้านาน เกิน ๘ ปีขึ้นไป ต่อให้เป็นผัว-เมียด้วยเอ้า
อาการ “เบื่อๆ-อยากๆ” ยากหนีพ้น!
ฉะนั้น ผมดูแล้ว ที่นายกฯ บอก รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม ถึงปี ๖๖ ถ้าการเมืองไม่มีอุบัติเหตุ นั้น เชื่อท่านเถอะ
เพราะถ้าบ้านเมืองสงบ……
มันก็ไม่จำเป็นต้องมีท่านในตำแหน่งนายกฯ ก็ได้ จริงมั้ย?
เผลอๆ ครบเทอมแล้ว ท่านบ๊ายบายไปเลย ก็เป็นได้
ฉะนั้น ไม่ต้องไปไล่ท่าน ไม่ต้องจ้างคนไปไล่ถาม ว่ามื่อไหร่จะออก?
ถ้าอยากให้สนามเลือกตั้งไม่มีก้างขวางคือที่ชื่อประยุทธ์ละก็ ผมแนะให้
ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น นั่งเกาหิดในร่มผ้าเฉยๆ เถอะ!
อย่าเที่ยวหลอกเด็กให้ลงถนน แล้วการเมืองสถุลกระทอกสมทบในสภา ปั่นทวีต เขียนข้อความหยาบช้าต่อสถาบันอย่างทุกวันนี้
ให้การบ้าน-การเมือง “คืนสงบ” ชาวบ้าน-ชาวช่องเขาได้ทำมาหากินกัน
ปี ๖๖ การเป็นเจ้าภาพประชุม APEX ที่ผู้นำระดับโลกมารวมอยู่ที่เมืองไทยผ่านพ้นไปแล้ว
ภารกิจพึงทำ “เพื่อชาติ” สำหรับนายกฯประยุทธ์ บรรลุตามเจตนารมณ์ท่านแล้ว
นายกฯ ประยุทธ์ ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักคำว่าพอ
เท่าๆ กับนายกฯ ประยุทธ์ ไม่ใช่คนยอมแพ้กับการท้าทาย!
ท่านไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักการเมือง
หากแต่การเมือง ทำให้ท่านต้องเข้ามาเพื่อพิทักษ์บ้าน-รักษาเมือง
ผมสังเกตลมหายใจท่าน หายใจเข้าก็..เลิกหนอ หายใจออกก็…ไม่เอาแล้วหนอ
แต่เพราะยังถูกท้าทายในภารกิจนั้น ชนิดมีบ้านเมืองและสถาบันเป็นเดิมพัน ท่านจึงต้องหายใจเข้า…กูต้องอยู่หนอ
และหายใจ…กูยังเลิกไม่ได้หนอ!
เพราะพวกมึง ยังไม่เลิก “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง นั่นแหละหนอ!
๘ ปี ขึ้นไปน่ะ…….
อย่าว่าแต่ธรรมชาติชาวบ้านจะเบื่อเลย ตัวประยุทธ์เอง แม้เราเองก็เถอะ การอยู่ในสภาพนั้นจำเจ ก็เบื่อเหมือนกัน
“หน้าที่” ด้วยรับผิดชอบทางจิตสำนึก
กับ “หน้าที่” ด้วยละโมภทางจิตสำนึก
นี่ตะหาก คือคำตอบของการอยู่ “แม้วันเดียว” ก็มากเกินไปแล้ว และ “๘ ปี ๑๖ ปี” ก็น้อยเกินไปแล้ว!
ย้อนกลับไปพูดถึงภาพพี่น้อง ๓ ป. “ป้อม-ประยุทธ์-ป๊อก” ยืนกอดพุง-ถือแขน กันวันก่อน
ก็เข้าใจ ปล่อยภาพออกมา เจตนาสื่อให้รู้ว่า ๓ ป.ยังแน่นปึ๊ก และในความแน่นปึ๊กของ ๓ ป.ต้องการให้มั่นใจว่า รัฐบาลยังแน่นปึ๊ก-ไปต่อ ไม่มีการยุบสภา
“พรรคพลังประชารัฐ” ล่ะ แน่นปึ๊กด้วยหรือไม่?
ก็ตอบยากนะ เรื่องพรรค สำหรับ ๓ ป.มันเป็น ๓ หนุ่ม ๓ มุมอยู่นะ คือมีป.ป้อม คนเดียวสังกัดพรรค ป.ประยุทธ์ นายกฯรับเชิญ ไปยุ่งในพรรคไม่ได้
ส่วน ป.ป๊อก ถือเป็นคน “นอกวงแขน” พรรคด้วยซ้ำ!
ฉะนั้น ในความเห็นผม ๓ ป.รักกัน ไม่ใช่คำตอบพลังประชารัฐ “พรรคแกนรัฐบาล” รักกัน
ทั้งไม่ใช่คำตอบ ว่าแค่ ๓ ป.เหนียวหนึบ หมายถึง “รัฐบาลผสม” วันนี้ ผนึกแน่น ชนิด “เข้าเนื้อ”!
เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะรัฐบาลประยุทธ์ เป็นรัฐบาลอยู่ได้ถึงวันนี้ นอกจากพลังประชารัฐแล้ว
ยังมีภูมิใจไทย มีประชาธิปัตย์ มีชาติไทยพัฒนา มีพลังท้องถิ่นไท มีรวมพลังประชาชาติไทย มีชาติพัฒนา และอีก ร่วม ๑๐ พรรค
หมายความว่า แต่ละพรรคเป็นแขนงไผ่แต่ละแขนงมามัดรวมกันด้วยใจ เป็นไผ่ก่อใหญ่ ในชื่อ “รัฐบาลประยุทธ์”
และในรัฐบาล ๒๐ พรรคนี้ จนเข้าปีที่ ๓ ของความเป็น “รัฐบาลผสม” แล้ว
เห็นมีแต่ ๓ ป.เท่านั้น?!
แล้ว จ.จุรินทร์ ไปไหน อ.อนุทิน ไปไหน ว.วราวุฒิ ไปไหน อ.เอนก ไปไหน ช.ชัชวาลย์ ไปไหน ส.สุวัจน์ ไปไหน?
จากภาพพี่น้อง ๓ ป.กินข้าว-กินขนม กัน ๓ คน วานซืน
๓ พี่น้องชื่นมื่น ผมก็ชื่นใจ!
แต่ชาวบ้านจะทั้งชื่นใจและอุ่นใจกว่านี้ ถ้าได้เห็น ประชุมครม.แล้ว นายกฯ เชิญแต่ละรัฐมนตรีมานั่งกินข้าวกินปลา พูดคุยพร้อมหน้ากันบ้าง
สังคมไทยครับ การกินข้าวร่วมวง คือสามัคคีรวมญาติ ท่านนายกฯ ลองดูสิครับ…
แล้วท่านจะรู้ว่า แกงถ้วยเดียว แย่งกันกิน ๓๖ คน มันอร่อย มีรสชาติประทับจิต-ผูกใจ ยิ่งกว่า มีความหมายกว่ากินกันแค่ ๓ คน!
หรือเชิญแต่ละหัวหน้าพรรคเวียนกันไปตั้งแต่พรรคใหญ่จนถึงพรรคเล็ก อย่างคุณจุรินทร์ คุณอนุทิน คุณวราวุฒิ คุณชัชวาลย์ ขยายโต๊ะจาก ๓ คน เป็นครั้งละ ๕ คน ๑๐ คน
ได้ยินนายกฯ พูดวันก่อน ตอนนี้ผมเป็นนักการเมืองแล้ว เมื่อเป็นนักการเมือง…….
ก็ต้องลดธรรมเนียมทหาร เข้าโหมดธรรมเนียมการเมืองกับนักการเมืองด้วยกันบ้าง
แล้วท่านจะได้สัมผัสความรู้สึกใหม่ อย่าว่าแต่บัตรเลือกตั้ง ๒ ใบเลย ต่อให้บัตร ๑๐ ใบ ก็สบายมาก!
ครับ…
ก็หวังว่า ต่อไป คงได้เห็นภาพ “รัฐบาลบ้านเกิดเมืองนอน” รัฐมนตรี, หัวหน้าพรรค ล้อมวงกินข้าวกับนายกฯ บ้างนะ
คนไทยน่ะ คำทักทายแรกที่มัดใจชาวโลก คือ
“มากินข้าวกินปลากันก่อน” นี่แหละ…อย่าลืม!