“ผับ-บาร์” ใช่ว่าแหล่งชั่ว-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ไม่ได้คุยเรื่อง “โควิด” ซะนาน จนออกลูก-ออกหลานเป็นตระกูล Omicron ล่าสุด
ฉะนั้น วันนี้ คุยกันซะหน่อย!

แต่ขอถามก่อน จริงๆ แล้ว ชื่อเจ้าอ่านว่าอะไร เพราะเห็นบางคนเรียก โอไมครอน บ้าง โอมิครอน บ้าง ออมมิครอน บ้าง
ว่าจะตะแคงหูฟัง CNN, BBC ว่าเขาอ่านแบบไหน ก็ยังไม่ได้ฤกษ์ซักที ท่านใดรู้ ช่วยบอกผมด้วย จะขอบคุณมาก
เดี๋ยวนี้ มีศัพท์แสงทางวิทยาการ “เกิดใหม่” เป็นรายเดือน ทำเอาผมชักห่วง “ราชบัณฑิต” แต่ละท่าน เพราะแต่ละท่านสูงทั้งวัยวุฒิ ทั้งคุณวุฒิ

แต่ต้องมา “บัญญัติศัพท์” ชนิดไล่ตามเป็นรายเดือน มันเหนื่อยสมองคนวัยแก่ฉกรรจ์อยู่นะ
อย่างศัพท์ใหม่แกะกล่อง Metaverse เมื่อวาน ผมอ่านที่คุณ Warat Karuchit โพสต์ ก็ต้องบอกว่า ราชบัณฑิตคณะนี้ฉกาจฉกรรจ์ทันใช้ดีจริงๆ

คุณ Warat Karuchit โพสต์ไว้ว่า………
คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์นิเทศศาสตร์ร่วมสมัย ราชบัณฑิตยสภา ในการประชุมวันที่ 2 ธ.ค. 64
มีมติบัญญัติคำว่า Metaverse ว่า “จักรวาลนฤมิต” หรือเขียนทับศัพท์ว่า”เมตาเวิร์ส”
ก็เก๋ไก๋ “รุ่นใหม่อาย” เลยละกัน!

แต่เป็นเก๋ไก๋ที่ผมเข้าใจว่า คนคงนิยมใช้ทับศัพท์ “เมตาเวิร์ส” มากกว่าจะใช้ “จักรวาลนฤมิต”
มันตรงความหมายก็จริง แต่คนยุคนี้ เขาไม่ชอบอะไรที่มันยาวๆ ชอบที่มันสั้นๆ กดที-สองที เป็นที่รู้เรื่อง

ยิ่งพวกสื่อด้วยแล้ว
“จักรวาลนฤมิต” นี่ หมดสิทธิ์ใช้พาดหัวเลย เพราะมันล้นกรอบ!

ฉะนั้น “จักรวาลนฤมิต” อาจเห็นศัพท์เทียมในการใช้ เช่น โลกทิพย์..จักรวาลทิพย์…ตาทิพย์ อะไรทำนองนั้น
ก็คอยดูวิวัฒนาการทางศัพท์คู่ขนานที่จะตามมาละกัน เรื่องประเภทนี้ ต้องยกให้รุ่นใหม่เขา

เอ้า…ว่าจะคุยเรื่องโควิด ก็เป๋ตั้งแต่บรรทัดแรก เข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะ

กระทรวงสาธารณสุข ของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งไม่ทราบว่า กลับจากรับเชิญไปเป็น ๑ ใน ๒๕ ประเทศ ร่วมประชุม “สมัชชาอนามัยโลก” สมัยพิเศษ ที่เจนีวาหรือยัง?

เขาสรุปยอดฉีดวัคซีนของไทยให้โลกอาย ไว้ดังนี้

จากมิถุนา ๖๔ ถึง ๑ ธันวา.๖๔ ……….
แค่ ๕ เดือน ฉีดวัคซีนไปแล้ว ๙๓,๘๙๒,๙๕๑ โดส (อ่านว่า ๙๓ ล้านโดส)

เข็มที่ ๑ สะสม ๔๘,๕๗๙,๒๔๗ โดส
เข็มที่ ๒ สะสม ๔๑,๘๑๑,๙๔๙ โดส

เข็มที่ ๓ สะสม ๓,๔๘๔,๕๐๘ โดส
เข็มที่ ๔ สะสม ๑๗,๒๔๗ โดส

นายกฯ บอก ภายในสิ้นปีนี้ คือก่อนวันส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ คนไทยจะได้ฉีดวัคซีนครบ ๑๐๐ ล้านโดส!

นี่ก็…วันที่ ๓ ธันวา.
เหลืออีก ๒๗-๒๘ วัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งประเทศ คงต้อง ก้ม..จึ๊ก,….ก้ม..จึ๊ก อย่าก้มจนเผลอเอากระดุมเสื้อไปกลัดกับรังดุมกางเกงก็แล้วกัน เพราะต้องก้มอย่างนั้น อีกตั้ง ๖ ล้านกว่าโดส

ไทย…ก็จะได้ชื่อว่า “ฉีดถ้วนหน้า” ๑๐๐ ล้านโดส!

เห็นรัฐมนตรีอนุทินบอก ผอ.อนามัยโลกว่า ตั้งแต่ปี ๖๕ ไป ไทยมีวัคซีนพร้อมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับประเทศที่ขาดแคลน
ก็จริงของท่าน เพราะราวๆ กลางปี ๖๕ วัคซีนที่ไทยเราวิจัยและพัฒนาสำเร็จออกมา ทั้งจุฬาฯ โคฟ ทั้งใบยา ไม่น่าน้อยกว่า ๓-๔ ตัว รวมทั้งของมหิดล
มีแล้วให้ มีแล้วเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ นี่คือไทย

ไม่มีประเทศไหนที่ยากจนในทัศนคติ “ผู้ให้” อย่างไทย มีแต่เพื่อนร่วมโลกด้วยกัน ที่ต้องช่วยเหลือ-แบ่งปันกัน
การที่คุณอนุทินออกปากเช่นนั้น……
จึงได้ทั้งคำชมและการยอมรับนับถือในความเป็นไทยจากผอ.อนามัยโลกและหลากมิตรประเทศ

ทีนี้ ผมย้อนดูตัวเลขคนป่วย-คนตายแต่ละวันที่คุณหมอทวีศิลป์กับคุณหมออภิสมัยแถลงรายวัน
ตั้งแต่เปิดประเทศ ๑ พฤศจิกา.เป็นต้นมา

อืมมมม…ทั้งนายกฯ และทั้งคุณอนุทิน “ไม่ได้โม้นะ”!
๙๐ กว่าล้านโดส……

ฉีดจริง, ได้ผลจริง, คนป่วย-คนตาย, ลดลงจริง จากวันละกว่าหมื่น เสียชีวิตวันละกว่าร้อย
ค่อยๆ ลดลงตามลำดับ จนถึงตอนนี้ เหลือป่วยรายวันต่ำกว่า ๕ พัน/วัน และเสียชีวิต ต่ำกว่า ๕๐ คน/วัน

ก็เกรงกันว่า ตอนเทศกาลลอยกระทง จะเกิดคลัสเตอร์คืนวันเพ็ญ เหมือนคลัสเตอร์สงกรานต์ปีที่แล้ว
แต่ก็ไม่แฮะ มีแต่เบียร์คลอสเตอร์ ไม่มีคลัสเตอร์โควิดเกิดขึ้น แสดงว่า นอกจากการระดมฉีดวัคซีนได้ผลแล้ว สูตรฉีดไขว้ของลุงยง “เจ๋งที่สุด”

นายกฯ, คุณอนุทิน ครม.และศบค.เอาไป ๑ โป้ง
ที่เหลืออีกโป้ง ยกให้ แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งอสม.ทุกท่าน!

แต่อย่างว่า ยุค “มฤตยูครองโลก” มันน่าเจ็บใจอยู่อย่าง คือพอทำท่าจะดี..จะดี
มาเลยเชียว อย่างปีที่แล้ว ก็อย่างนี้ รำไรๆ จะได้ฉลองปีใหม่อยู่แล้ว สายพันธุ์อังกฤษ มาโครมเดียว คลุมโปงจุดพลุกันไปเลย

ตรุษจีน ทำท่าจะซา ก็กระดี๊-กระด๊า สงกรานต์ได้สาดน้ำกันสบึมแน่ แล้วมันก็มาอีกจนได้ “สายพันธุ์อินเดีย”
ตั้งท่าฉลองสงกรานต์กันไว้แล้ว ทำไงดีล่ะ….ก็แหกสงกรานต์กันซิครับทั่น

จากนั้น ก็แห่กันเข้าโรงพยาบาลสนาม นอนคว่ำหน้าหายใจ ภาวนา ตายหนอ…รอดหนอ หมอก็จะตายไปด้วย เพราะล้นโรงพยาบาลจนหมดแรง

นี่ก็ เจ้า Omicron ทำเสียวอีกแล้ว!
นึกว่าจะไม่มีมารปีใหม่ แล้วเจ้าโอไมครอนก็มาจนได้ แต่เห็นนายกฯ มั่นอก-มั่นใจ ในปราการด่านสุดท้าย ไม่กลัว Omicron ยังไงๆ ก็ไม่ปิดเมืองแน่

เพราะ “การ์ดแน่น” จากประสบการณ์ปีที่แล้ว!
ก็ประเด็นตรงนี้แหละ ที่ผมขอออกความเห็นซักหน่อย คือตอนนี้ การทำมาหากินหลายๆ อย่าง รัฐบาลโดย ศบค.ก็ขยับขยายอย่างมีวินัย ให้เปิดได้

และตั้งแต่ ๑ ธันวา.ร้านอาหารก็ให้ขายสุรายาเมาได้ถึง ๕ ทุ่ม
แต่ยังขึงตึง “ผับ-บาร์” ยืนยัน ต้อง ๑๖ มกรา.๖๕ ไปแล้วจึงจะอนุญาตให้เปิด

ผมเข้าใจ เพราะ “คลัสเตอร์สงกรานต์” ยังหลอน แต่ขออนุญาตไม่เห็นด้วยกับมาตรการตรงนี้
ในเมื่อเราเป็นประเทศ ๑๐๐ ล้านโดส ทั้งเป็นต้นแบบเปิดประเทศรับท่องเที่ยว ทั้งผ่านด่านทดสอบลอยกระทงมาแล้ว

ทั้งเปิดรมณียสถานให้คนสังสรรค์ดื่ม-กินได้ถึง ๕ ทุ่ม ทั้งเลิกเคอร์ฟิวหมดแล้ว
ปรากฏว่า ทุกอย่างโอเค.ที่ “ป่วย-ตาย” เป็นไปตามกลไกโรคประจำถิ่น ไม่มีการเพิ่มขึ้นเป็นนัยสำคัญ

แสดงว่า มารตรฐาน SHA PLUS รับประกันเชื่อถือได้!

เมื่อเป็นอย่างนี้……
๓๖๕ วัน มีวันให้ฉลองปีใหม่วันเดียว แล้วทำไมจะไปปิดตายกับคนอาชีพ ผับ-บาร์ เขาล่ะ?

วงจรธุรกิจนี้ กว่า ๒ แสนคนเชียวนะ ที่ฝากชีวิตไว้ ถึงแม้รัฐบาลกำลังหาทางเยียวยาก็เถอะ
แต่เงินนั้น ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของนักร้อง นักดนตรี และคนทำงาน ที่เหมือนถูกกัน “เป็นส่วนเกิน” ที่น่ารังเกียจ!

วันปีใหม่ ให้เขาเปิดเถอะ
เปิด “ชนิดมีเงื่อนไขจำกัด” ก็ยังดีกว่า “ปิดตาย” จนตายแล้วจึงค่อยไปเปิดเอา ๑๖ มกรา.

ถ้าบอกว่า การ “ดิ้น-ดริ๊ง” เป็นการมั่วสุม เสี่ยงโควิด ผมก็จะบอกว่า ตอนนี้ ดื่ม-กิน มั่วสุมได้ถึง ๕ ทุ่มอยู่แล้ว
ถ้าจะติด มันก็ติดไปนานแล้ว ไม่ต้องรอติดหลัง ๕ ทุ่ม ตอนคืนฉลองปีใหม่หรอก

เจาะรูให้นักคนตรี-นักร้อง คนอาชีพกลางคืนได้หายใจหน่อยเถอะครับ มาตรการที่จะใช้เป็นเกณฑ์ให้ผับ-บาร์เปิดหลัง ๑๖ มค.นั่นน่ะ
เอามาใช้ตอนนี้เลย!

เชิญแต่ละผับ-บาร์, นักร้อง-นักดนตรี มาถามว่า ตามมาตรการนี้ “รับปฏิบัติได้ไหม” ถ้าได้ ก็ให้เปิด
ข้อสำคัญของมาตราการ คือ
“ผับ-บาร์”เปิดได้

แต่พบกันครึ่ง-ครึ่ง คือต้องเปิดแบบ “กลางแจ้ง” ที่เรียกโอเพ่น แอร์ เปิดโล่ง จำกัดคน ห้ามเต้น ห้ามดื่มแก้วเดียวกัน! เนี่ย รับได้มั้ย รับได้ ก็เปิดฉลองปีใหม่ได้

กิน ดื่ม ร้อง รำ กันในสถานที่โล่งแจ้ง อากาศถ่ายเท ทั้งแต่ละคนที่เข้ามา ผ่านการตรวจเข้มแล้ว ก็วางใจได้ในเรื่องระบาด

ถ้าแบบนี้ยังระบาด ป่านนี้ท่านพี่สามนิ้วที่ชุมนุมกันจนเบื่อหน้า โควิดลากลงรูไปหมดแล้ว!

ต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่ง……
ขณะนี้ วันนี้ ยังห้ามมั่วสุมกิน-ดื่มเกิน ๕ ทุ่ม แต่ทุกคนรู้ หน้าร้านไม่มี
แต่หลังร้าน หลังบ้าน หลังตึก ล่อกันยันสว่าง ทั้งวงเหล้า วงพนัน และวงยา

ถ้ามันจะเกิดคลัสเตอร์น่ะนะ ๑ พฤศจิกา.ไม่ได้เปิดเมืองหรอก คลัสเตอร์มันเกิดฟ้องก่อนแล้ว!
อยากให้ศบค.ทบทวนหน่อยครับ ในหลักการ ให้เขาเปิด
แต่ต้องเปิดภายใต้มาตรการ “รับผิดชอบสังคม” เข้ม

และตำรวจท้องที่ต้อง “ละส่วย” (ชั่วคราวก็ยังดี…ลูกเพ่)
แบบนี้ ผับ-บาร์ SHA PLUS ไปได้สวยแน่!


Written By
More from plew
รหัสลับ “ประเทศไทย” ใต้พลูโต
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์….รัฐมนตรีว่าการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) เป็นกระทรวงใหม่ “แกะกล่อง” ส่วนรัฐมนตรี ไม่ใช่คนใหม่ แต่เป็น “ผู้นำทางความคิดใหม่” คู่ควรกับกระทรวงใหม่นี้ยิ่งนัก...
Read More
0 replies on ““ผับ-บาร์” ใช่ว่าแหล่งชั่ว-เปลว สีเงิน”