ใน “รอยบุญ-รอยบาป” -เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ถ้าเราหยุดวิ่งตาม “การเมืองรายวัน” ซักพัก
นั่งนิ่งๆ……
ค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์บ้านเมือง ท่ามกลางความผันแปรสังคมโลกเรื่อยมา ตั้งแต่ พฤษภา.๕๗ จนถึงวันนี้ พฤศจิกา. ๖๔ ว่า
เราผ่านมรสุมมากี่ลูกแล้ว?
ทั้งมรสุมเศรษกิจ-สังคม, มรสุมชิงบ้าน-ชิงเมือง มรสุมการค้า-การลงทุน
และต้องไม่ลืมมรสุมลูกสำคัญ ๒ ลูก ที่เป็น “มรสุมเปลี่ยนโลก” คือ
เทคโนโลยี AI และ “ไวรัสโควิด-๑๙”!

ในขณะที่ใคร่ครวญทวนทบ ก็หลับตาให้ภาพบ้านเมืองในอดีตเมื่อ ๖-๗ ปีที่แล้วผุดพราย
เมื่อทั้งหมดผุดพรายเป็นห้วงมหรรณพชัดแล้ว ก็ลืมตาขึ้น จากนั้น ค่อยๆ เหลียวมองรอบตัวแบบสำรวจ
อาจไม่ตกใจ แต่จะพิศวง……..

บ้านเมืองไทยทั้ง “รูปกาย-นามกาย” ท่ามกลางมรสุมเลวร้ายตลอด แทนที่จะแหลกจมธุลี
กลับเป็นแหลก “ดิสรัปท์” ได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ!?

“เก่า” สร้างสรรพัฒนาเป็น “ใหม่” สู่สังคมนวัตกรรม ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐาน “ฐานรากประเทศ” ทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิต “สังคมฐานราก”

ไม่น่าเชื่อว่า “กายภาพ” ทั้งเมืองหลวง ทั้งภูมิภาค จะได้รับการพัฒนาสู่อนาคตสัมผัสได้-จับต้องได้ ทั่วถึงตามฐานานุรูป ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก

ถึงขั้นสามารถพูดได้ว่า หลายๆ อย่าง ๕๐ ปี ยังทำให้เกิดไม่ได้
แต่แค่ ๕-๖ ปี ผู้บริหารยุคนี้ ทำให้เกิดได้!

ไม่แค่นั้น สังคมบริหาร ยังสามารถเปลี่ยนวิถีสังคมศึกษาชาติ จาก “คิดตาม-พูดตาม-ทำตาม”
สู่ต้นทางนวัตกรรม “วิจัย-พัฒนา” ได้อย่างน่าตื่นใจ

“วิจัย-พัฒนา” เป็นกุญแจหัวใจ “ดิสรัปท์” สู่ศตวรรษใหม่
ถ้าการเปลี่ยนแปลง เป็นการเปลี่ยน โดยไม่มีวิจัย-พัฒนาเข้ามาแทนที่
ดิสรัปท์ มันก็จะกลายเป็น destroy ไปทันที!

เพราะ “ดิสรัปท์” คือกระบวนการศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบ “คิดค้นเอง-ทดลองเอง” เกิดองค์ความรู้เป็น “เจ้าวิทยาการเอง”
เห็นประจักษ์อย่างนี้แล้ว ต้องขอบคุณ ก้าวไกล เพื่อไทย และรุ่นใหม่สามนิ้ว เขานะ

ถ้าเขาไม่เคลื่อนไหวลักษณะ “ล้มเจ้า-ล้มประยุทธ์-ล้มประเทศ”
ก็ไม่แน่ว่า…..
“นายกฯ ประยุทธ์” จะเอาจริง-เอาจังกับการ ล้างหนี้จำนำข้าว, ยอมกระทั่งชีวิต เพื่อพิทักษ์ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์”

และมุ่งมั่นรื้อ-ล้างสิ่งหมักหมม วางรากฐานประเทศ ใหม่ ใช้นวัตกรรมพัฒนาทาง “ดิสรัปท์” อย่างเห็นตอนนี้ก็ได้
เพราะถ้า การเข้ามาควบคุมอำนาจบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อ ๒๒ พค.๕๗
และการเป็นนายกฯ ในระบบเลือกตั้ง เมื่อปี ๖๒

พรรคเพื่อไทย ธนาธร-ปิยบุตร……..
ไม่ทำให้เกิดขบวนการสามนิ้วล้มเจ้า มุ่งเปลี่ยนประเทศเป็นระบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แทนสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วละก็

พลเอกประยุทธ์ “ในอำนาจนายกฯ”…..
การบริหารที่ไม่มีตัวเร่ง-ตัวเร้า ก็เหมือน “มวยไม่มีเดิมพัน” แถมคู่ชกไร้พิษสง จะต้องไปฟิตซ้อม ออกแรงจริงจังทำไม
ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น

เผลอๆ ไม่เกิน ๒ ปี คืนประชาธิปไตย “ให้เลือกตั้ง” ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องอยู่
เพราะบ้านเมืองไร้ขวากหนามต้องเก็บกวาด!

แต่เพราะต้องการ “ล้มเจ้า-ล้มประยุทธ์” สมคบนอกชาติ หวังทำให้ประเทศ เกิด “ไทยสปริง” เพื่อให้นอกชาติยึดไทยแบบฮ่องกงนั่นแหละ

จึงเข้าลักษณะ “แรงผลัก-แรงดัน” ทำให้วัตถุเคลื่อนที่!
การชักใยรุ่นใหม่สามนิ้วจลาจลเมืองล้มสถาบัน ล้มรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนประเทศเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน” ทักษิณสถาปนา

นั่นเท่ากับ “แรงผลัก-แรงดัน” มหาศาล ปานมดปลวกเขยื้อนภูเขา
“นายกฯประยุทธ์” ในสภาพ “วัตถุเคลื่อนที่” จึงต้องเคลื่อนที่มหาศาลตามไปด้วยโดยปริยาย จากแรงผลัก-แรงดันนั้น

คือเคลื่อนที่ในทาง “รักษา, พัฒนา, เสริมสร้าง” ทั้งคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้าน ทั้งศักยภาพและเสถียรภาพประเทศในสังคมโลก

“ประเทศชาติ-ประชาชน” เลยได้คุณประโยชน์ทางอ้อม จากเกม “ชิงบ้าน-ชิงเมือง” ของเพื่อไทย, สามนิ้ว
ทำให้นายกฯ ประยุทธ์ “ต้องอยู่ยาว” เพื่อรับผิดชอบการเข้าควบคุมอำนาจ เมื่อ ๒๒ พฤษภา.๕๗

อีกอย่าง ไม่ต้องการให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับกองทัพ ที่ครหากันว่า
“ปฏิวัติแล้วเสียของ”!
ทหารได้แค่ ๑ ไปต่อ ๒-๓-๔-๕ จนถึง ๑๐ ถึง ๑๐๐ ไม่เป็น

นายกฯ ประยุทธ์จึงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง “ถนัดสร้างวาทกรรม” คือนักการเมืองล่มเมือง “ถนัดทำ” คือ นักการทหารสร้างเมือง

เนี่ย….
ผมนั่งดูการเมืองรายวันที่เป็นไปลักษณะนี้แล้ว ก็เบื่อที่จะหยิบกากมาสังเคราะห์เป็นเนื้อ
ยึดหลัก “หมักปลาร้า” สบายใจกว่า ไม่บ้าใบ้ไปกับข่าวลากแต่ละวัน

ปล่อยให้เน่าในไหของมันไปเองเรื่อยๆ พอเน่าได้ที่ แล้ว จากเน่าเหม็น มันก็หอมในสภาพ “ปลาร้า” มีราคาไปเอง!

ทุกคนผ่านสภาพ “เด็กรุ่นใหม่” มาทั้งนั้น ผ่านขั้นตอนปลาเน่าก่อนไปเป็นปลาร้ากันแทบทั้งนั้น
ก็มีบ้างบางตัว เน่าเป็นเชื้อสร้างหนอนอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมผ่านขั้นตอนเป็นปลาร้า

นั่นก็ธรรมดา ไม่ว่าสังคมคม สังคมสัตว์ สังคมพืช ในร้อยดี จะต้องมีเน่าเสียปนบ้าง เป็นสัจจะธรรมชาติ

ขอแวะคุยเรื่องส่วนตัวนิด….
หลายวันก่อน “พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก” วัดป่านาคำน้อย อุดรฯ ท่านมาที่ “สวนแสงธรรม” พุทธมณฑล สาย ๓

ทราบว่า “พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์หลวงตามหาบัว” ที่วัดป่าบ้านตาด ที่พระอาจารย์อินทร์ถวาย เป็นพระแม่งานในการสร้าง
ขณะนี้ “เสร็จแล้ว”!

ต้นปีหน้า คือปี ๒๕๖๕ ก็จะมีพิธีเปิดเป็นทางการก่อนให้ประชาชนได้เข้าไปสู่ธรรมสถานหลวงตานั้น
ในความเป็นศูนย์กลางศึกษาแนวทางธรรมปฏิบัติหลวงตามหาบัว อนาคต ผู้คนจะมุ่งหน้ามาสู่พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์แห่งนี้กันมาก

แต่เส้นทางไปสู่พิพิธภัณฑ์นั้น ไม่สะดวกเท่าที่ควร
พระอาจารย์และคณะกรรมการเล็งเห็นประโยชน์ทางธรรมและทางโลกเช่นนั้นแล้ว

จึงมีมติ ให้ซื้อที่ดิน ๕๘ ไร่ ทำถนนจากหน้าโกลบอลเฮาส์ อุดรฯ ตรงเข้าด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์เลย
เป็นถนน ๔ เลน เปิดให้ใช้ได้ทั่วไป ผ่านทางบ้านตาดไปหนองแสง ไปจังหวัดเลยก็ได้ เลี้ยวไปทางโนนสะอาด กุมภวาปีก็ได้

เมื่อผมทราบพระอาจารย์ลงมาที่สวนแสงธรรม จึงไปนมัสการ และนำเงินที่หลายท่านนำมาช่วยงานตอนครบรอบ ๒๕ ปี ไทยโพสต์ จำนวน ๔๖,๕๐๐ บาท ไปถวายในนาม “ผู้อ่านไทยโพสต์”

มีโอนมาทีหลังอีก ๑๐,๐๐๐ จากคุณหมอสวรรค์ ก็เก็บไว้ ตั้งใจว่าไปไหว้หลวงพ่อทวด ที่วัดช้างให้ ปัตตานี และศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเมื่อไหร่ ก็จะนำไปถวายตอนนั้น

ท่านใดประสงค์ร่วมซื้อที่ดินทำถนนเข้าพิพิธภัณฑ์หลวงตา โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้ โลตัส บ้านผือ

บัญชี “วัดป่านาคำน้อยเพื่อซื้อถนนเข้าเจดีย์หลวงตามหาบัวฯ” เลขที่บัญชี 408-6-39564-7 นะครับ

หรือจะไปร่วมทอดผ้าป่าที่สวนแสงธรรมกับพระอาจารย์อินทร์ถวายที่สวนแสงธรรมก็ได้ วันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ตอน ๙.๐๐ น.

วันนี้ ก็ครบทั้ง “ทางโลก-ทางธรรม” กันซักวันนะ


Written By
More from plew
ถึงยุค “ตำรวจปฎิรูป” #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์” ท่านไม่ใช่ “เพชร” แต่ท่านและทีมงานทำให้ตำรวจและ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ที่มีภาพเป็น “รังโจร” มานาน คืนความเป็น...
Read More
0 replies on “ใน “รอยบุญ-รอยบาป” -เปลว สีเงิน”