“ทักษิณ” ท้ารบ “จตุพร”

ผักกาดหอม

เดือดจริงๆ!
สนามเลือกตั้งนายกฯ อบจ.เชียงใหม่เที่ยวนี้ มันหยด ฟาดฟันกันซะยิ่งกว่าการเลือกตั้งระดับชาติทุกครั้งที่ผ่านมา
อย่างนั้นเลย….
ก็…ถึงขั้นที่ ทักษิณ ชินวัตร ต้องลงมาเองก็แล้วกัน
มันเกิดอะไรขึ้น
เพื่อไทย ซดกับ เพื่อไทย
แต่นายใหญ่ไม่ได้ลงมาสงบศึก กลับกัน ไปถือหางอีกข้าง

เรื่องมันเป็นแบบนี้…
ตัวเก็งผู้สมัครนายกฯอบจ. มีอยู่ ๒ คน คือ บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ กับ พิชัย เลิศพงษ์อดิศร (ส.ว.ก๊อง) คนของเพื่อไทยทั้งคู่
ต่างกันตรงที่ “เจ๊แดง” ถือหาง “พิชัย”
ส่วน “บุญเลิศ” ได้แรงหนุนจาก จตุพร พรหมพันธุ์

รายหลังถูกหาว่าเป็นผู้ทรยศ เพราะดันไปถ่ายรูปคู่กับ “มนัส พรหมเผ่า”
หลัง “จตุพร” ใส่หมวกประธานนชป. ไปเหยียบเชียงใหม่ ช่วย “บุญเลิศ” หาเสียง เกิดปรากฎการณ์สั่นสะเทือน ไปถึง “เจ๊แดง”
งานนี้แพ้ไม่ได้

นั่นคือที่มาคราวๆ ทำไม “ทักษิณ” ต้องออกโรง
“ทักษิณ” เขียนจดหมายถึงชาวเชียงใหม่ ออดอ้อนขอคะแนน
แต่ตัวหนังสือในจดหมาย ได้เปิดศึกกับ “จตุพร” โดยตรง

…….ปี้น้องจาวเจียงใหม่ตี้เคารพฮักทุกท่านครับ
วันนี้ผมต้องเขียนจดหมายมาถึงพี่น้องชาวเชียงใหม่เพื่อขออย่าได้ทิ้งผมนะครับ ผมอาจจะถูกทิ้งโดยนักการเมืองบางคนไปบ้าง ผมรู้สึกเฉยๆ ครับ แต่ถ้าพี่น้องชาวเชียงใหม่บ้านเกิดของผมทิ้งผม ผมคงเสียใจมาก

ผมอยู่ต่างประเทศกับน้องสาว (นายกฯ ปู) ก็อยู่ค่อนข้างว่างมีงานไม่มาก เรามาปรึกษากันว่าวันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฝ่ายค้านเราไม่มีโอกาสแชร์ประสบการณ์และความรู้ในการแก้ปัญหาประเทศได้
ก็เลยคิดว่าน่าจะช่วยคิดแก้ปัญหาระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะเชียงใหม่บ้านเกิดของเราที่เรารู้ปัญหามากที่สุดได้ เลยต้องรีบเขียนจดหมายมาฝากผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่เบอร์ ๑ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร (ก้อง) เพื่อผมจะได้ใช้สมองซึ่งยังใช้การได้ดีอยู่ร่วมกับน้องสาวแนะนำการแก้ปัญหาของชาวเชียงใหม่ผ่านก้องไป

ผมก็จะรู้สึกดีว่าได้ใช้เวลาว่างอยู่ต่างประเทศบวกกับประสบการณ์ที่ได้เห็นอะไรมากมายในต่างประเทศมาช่วยคนที่อยู่จังหวัดบ้านเกิดของเราได้
อยากให้ท่านนึกถึงตอนสมัยไทยรักไทย เชียงใหม่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สวยงาม มีเศรษฐกิจดี พืชผลเกษตรมีราคาดี คนค้าขายทุกระดับค้าง่ายขายคล่อง ยาเสพติดก็หมดไป

สิ่งดีๆ เหล่านี้ต้องกลับมาสู่เชียงใหม่โดยเร็ว ถ้าเรามีช่องทางเสนอความคิดให้นายกอบจ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะให้ก้อง นำไปทำเพื่อรับใช้ชาวเชียงใหม่ก็ถือว่าเราได้ช่วยพี่น้องชาวเชียงใหม่บ้านเกิดของเราแล้ว
ผมขอฝากตวยเน่อ ถ้ายัง บ่าลืมเฮาตึงสองคนเตื่อ ขอได้โปรดเลือก พิชัย เลิศพงศ์อดิศร (ก้อง) เบอร์ ๑ ฮื้อกำเน่อ
กิ๊ดเติงหาเจียงใหม่บ้านเฮาขนาดครับ…….

ไม่ต้องงง! “ส.ว.ก๊อง” คือคนเดียวกับ ผู้สมัครนายกฯ อบจ.ก้อง
เปลี่ยนชื่อไปเมื่อไหร่ไม่ทราบได้ แต่น่าจะหลังมีข่าวถูกเชื่อมโยงกับพยานปากเอกกคี “บอส กระทิงแดง” แน่นอน

สำหรับข้อความในจดหมาย “ทักษิณ” จะแปลความว่านักการเมืองที่ทอดทิ้งคือ “เจ๊หน่อย” ที่เพิ่งหอบผ้าหอบผ่อนไปจากเพื่อไทยก็ไม่ใช่ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งนายกฯอบจ.เชียงใหม่
ฉะนั้น…จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “จตุพร” เท่านั้น

เมื่อ”เจ๊แดง” กลัวแพ้ “จตุพร” ถึงขนาดต้องขอให้พี่ชายช่วย มันธรรมดาเสียที่ไหนกันหล่ะ
ว่ากันว่าเชียงใหม่คือเมืองหลวงของเพื่อไทย
คนของตระกูลชินวัตรจะแพ้ไม่ได้

“ทักษิณ” ประกาศถูกนักการเมืองบางคนทิ้ง อีกนัยก็คือการประกาศตัดขาดกับ “จตุพร” อย่างเป็นทางการ

วานนี้ (๓ ธันวาคม) “จตุพร” ขุดเรื่องเคยเตือนเพื่อไทยว่าพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย เป็นการมอบบทพระเอกให้ฆาตกร และเลือกรับบทผู้ร้ายมาเล่นเอง จนสุดท้ายหายนะเยือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้เห็นรอยร้าวลึกที่เกิดขึ้นมานาน
และเป็นส่วนหนึ่งในที่มา “จตุพร” ไม่เคยได้เป็นรัฐมนตรี
ผิดกับ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ขยับเป็นคนโปรดของนายใหญ่

สนามเลือกตั้งนายกฯ อบจ.เชียงใหม่ จึงมิได้เป็นเพียงการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่เป็นหนึ่งในการจำแนกนักการเมืองเผ่าพันธุ์เพื่อไทย

คนที่ไม่ใช่ต้องออกไป และ “จตุพร” รวมถึง “เจ๊หน่อย” กับพวก ก็เป็นหลายๆคนในนั้น
อีกประเด็นที่จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้ “ทักษิณ” มีสถานะเป็นบุคคลหนีคำพิพากษาศาลให้จำคุก อีกทั้งยังมีหมายจับอยู่หลายใบ แต่กลับบงการการเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างเปิดเผย

เราจะสร้างบรรทัดฐานอะไรให้ลูกหลานดู?
โกงไม่เป็นไรขอให้คนตัวเองชนะเลือกตั้งอย่างนั้นหรือ?

ฉะนั้นอย่าบ่นว่าทำไมปัญหาคอร์รัปชั่นไม่หมดไปจากประเทศไทยเสียที
ตราบที่คนโกงยังมีอิทธิพลกับพรรคการเมือง กับการเลือกตั้งทุกระดับ และประชาชนไม่รู้สึกรู้สาอะไร มันก็คือสิ่งเกื้อหนุนให้การโกงดำรงอยู่

พูดถึง “เพนกวิน” อีกสักวัน เพราะนายคนนี้มันฮ็อตจริงๆ
แล้วก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ตัวแทนจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเข้าแจ้งความดำเนินคดี ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ให้ดำเนินคดีกับ กลุ่มราษฎร ๖๓ ปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีคำวินิจฉัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ผิดในคดีพักบ้านหลวง เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว

ทั้งเนื้อหาการปราศรัยของแกนนำตามที่ปรากฏผ่านสื่อโชเชียลเข้าข่ายดูหมิ่นศาล
รวมถึงกรณีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของแกนนำกลุ่มราษฎร์ การล้อเลียนการทำหน้าที่ของศาล ซึ่งก็เป็นการดูภาพรวมทั้งหมด
ก็มีอยู่หลายคนรวมทั้ง “เพนกวิน”


ย้อนไปเมื่อ ๒๘ ตุลาคม ศาลอาญาไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล ผู้ต้องหาคือนายเพนกวิน

“อานนท์ นำภา” เป็นทนายให้เพนกวิน ได้แถลงว่า ผู้ถูกกล่าวหาอายุ ๒๒ ปี เรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ยอมรับว่าได้พูดถ้อยคำดังกล่าว เป็นการพูดไม่ได้ไตร่ตรอง ไม่ได้มีเจตนาที่จะรบกวนกระบวนการพิจารณาคดีของศาล และไม่ได้หยุดทันทีที่เจ้าหน้าที่ห้าม แต่พอเวลาผ่านไป ถึงคิดขึ้นได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ยืนยันว่าจะไม่ทำอีก

ศาลพิเคราะห์…..
……การกล่าวของผู้ถูกกล่าวหายอมรับว่าเป็นการกล่าวจริง เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนกล่าวโดยสำคัญผิด เป็นอารมณ์ชั่ววูบ และเมื่อผู้ถูกกล่าวหากระทำไปก็ไม่ได้กระทำผิดซ้ำอีก และเพื่อเป็นการแก้ไขบรรเทาผลร้าย ผู้ถูกกล่าวหาได้ทำคำแถลงขอโทษพร้อมที่จะเผยแพร่ข่าว การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เข้าใจและสำคัญผิดเกี่ยวกับการดำเนินคดีนายอานนท์และนายภาณุพงศ์

เมื่อผู้กล่าวหาแถลงไม่ติดใจ ประกอบกับพิจารณาอายุ การศึกษา ที่ยังศึกษาอยู่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะดำเนินคดี
แต่เพื่อธำรงไว้ถึงการพิจารณาคดีที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณศาล จึงลงโทษว่ากล่าวตักเตือน ให้ผู้ต้องหาปฏิญาณตนว่าจะไม่กระทำอีก และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ…..
ผ่านไปแค่เดือนเศษ


สิ่งที่่ “เพนกวิน” ปฏิญาณตนไว้ ไม่ต่างจากผายลม!
ปราศรัยด่าศาล
โพสต์เฟซบุ๊ก ล้อเลียนศาล จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์
ไตร่ตรองไว้ก่อนถึงขนาด โพสต์ด่า จาบจ้วงติดต่อกันข้ามวันข้ามคืน
กฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๘ ผู้ใดดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณา หรือพิพากษาของศาลต้องระวางโทษจำคุกตั้ง ๑-๗ ปี หรือปรับตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐-๑๔๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คราวนี้อาจไม่ใช่การจับแล้วปล่อย
ไม่ต้องกลัวฤกษ์ฆ่า ๖ ธันวา สังหารแกนนำในคุก นั่นมันนิทานหลอกเด็ก
แค่จับให้นอนฟรีกินฟรีในคุก รอพิจารณาคดีความผิดตาม ม.๑๑๒ ไปในคราวเดียวกัน เท่านั้นเอง

ไม่เบิ้มหรอก…แค่จิ๊บๆ นะ…เพนกวิน
แถมท้ายเรื่องน้องชายธนาธร
จากฝั่งกองเชียร์ ๓ นิ้วส่งเสียงมาว่า “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ไม่ผิด มิได้เป็นคดีความ แค่ถูกหลอกเท่านั้น
มันก็จริง…แต่พูดไม่หมด

ถูกหลอกหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่น้องชายธนาธรจ่ายใต้โต๊ะ ๒๐ ล้านบาทจริง
จะจ่ายเพราะถูกต้ม จ่ายผิดคน หรือหน้ามืดก็ตาม แต่ในแง่จริยธรรม เจตนาจ่ายสินบนมันสำเร็จไปแล้ว
มันก็ตลกรับประทานซิครับ

พี่ชายเป็นเดือดเป็นแค้นจะปฏิรูปสถาบัน จะชำแหละสำนักทรัพย์สินฯ

แต่น้องชายดันติดสินบน หวังได้สิทธิ์การเช่าที่ดินทรัพย์สินฯ


Written By
More from pp
0 replies on ““ทักษิณ” ท้ารบ “จตุพร””