2 พ.ย.64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ด้วยความห่วงใยอย่างต่อเนื่อง
หลังมอบหมายให้พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค.ส่วนหน้า ได้ลงไปบริหารจัดการและบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและระดับท้องที่ผ่านกลไกของจังหวัด หน่วยงานในพื้นที่ ผู้นำศาสนา ตลอดจนทุกภาคส่วนและประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมืออย่างดี
รวมทั้งแต่ละจังหวัดได้มีการทำแผนการปฏิบัติงานเชิงรุก ขับเคลื่อนการทำงานโดยผ่าน ศ.ป.ส. เช่น จังหวัดนาธิวาสจัดทำแคมเปญ “เซฟนารา นาราเซฟ” ผ่านความร่วมมือผู้นำศาสนา ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครประจำหมู่บ้าน ขณะที่จังหวัดสงขลาก็ดำกิจกรรมเน้นตรวจไว รักษาไว ถ้าไม่มีการติดเชื้อก็รีบเร่งรัดให้วัคซีน
ทำให้ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้เริ่มดีขึ้นมาก โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อทรงตัว และมีแนวโน้มค่อย ๆ ลดลง ขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่ต่างก็ยินยอมพร้อมสมัครใจกันมาฉีดวัคซีนมากขึ้น ทำให้ขณะนี้ฉีดวัคซีนได้ประมาณร้อยละ 60 แล้ว
พร้อมเร่งรัดสร้างความเข้าใจกับประชาชนและดำเนินการระดมเร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่ที่เหลือเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่พบมีการเสียชีวิตเป็นส่วนมากของพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ คือ กลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม เด็กและหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้เพื่อลดอาการป่วยหนักและการเสียชีวิตให้น้อยลง
สำหรับการเร่งฉีดวัคซีนโควิด – 19 ให้กับประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้นั้น เมื่อวานนี้ (1 พ.ย. 64) ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้เห็นชอบปรับสูตรวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ใหม่ โดยใช้เป็นวันซีนไฟเซอร์ทั้ง 2 เข็ม เพื่อรับมือกับเชื้อโควิดสายพันธุ์เฉพาะที่กำลังระบาดอยู่ในชายแดนภาคใต้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบการฉีดวัคซีนโควิดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน
โดยเฉพาะพื้นที่ติดขอบแนวชายแดนที่มีการฉีดวัคซีนน้อย รวมถึงพื้นที่สีฟ้า 17 จังหวัด ที่บางจังหวัดฉีดวัคซีนไม่ครบเกณฑ์ 70% โดยจะดำเนินการให้ทันภายในเดือนพ.ย.นี้ อีกทั้งยังได้เห็นชอบฉีดวัคซีนให้แรงงานข้ามชาติในกรณีที่มีวัคซีนเพียงพอในแต่ละจังหวัด โดยจะประกาศให้ผู้ประกอบการนำแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในความดูแลไปรับการฉีดวัคซีน
“แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้จะเริ่มดีขึ้น แต่นายกรัฐมนตรียังมีความห่วงใยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังตรวจจับการระบาดในชุมชนหนาแน่น ชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ค้นหาเชิงรุกด้วย ATK Screening เร่งฉีดวัคซีนกลุ่ม 608 และเพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนของประชาชนกรภาพรวมของจังหวัดให้ได้ตามเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนด
รวมทั้งขอให้ประชาชนทุกคนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดป้องกันตนเองด้วย Universal Prevention พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่รีบเข้ามารับการฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัวที่รักด้วย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว