31 ตุลาคม 2564- ที่แยกราชประสงค์ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และเครือข่ายได้นัดชุมนุมใหญ่เรียกร้องยกเลิกมาตรา 112 ที่อ้างเพื่อเป็นการเรียกร้องต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและความเป็น “คน” ที่กำลังถูกลดทอน หยุดใช้กฎหมายเล่นงานผู้เห็นต่างหยุดอำนาจเผด็จการเพื่อทำลายประชาธิปไตย เริ่มทำกิจกรรมตามที่นัดไว้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. หลังจากมวลชนเริ่มเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 14.00 น. โดยมีการตั้งบูทแสดงกิจกรรมของเครือข่ายต่างๆ รวมทั้งป้ายคัทเอาท์แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ติดตั้งตามข้างถนนตลอดแนว พร้อมกันนั้นมีการตั้งโต๊ะลงชื่อเข้าชื่อเพื่อยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี
ทั้งนี้ ตั้งแต่เวลา 15.30 น.ได้มีการปิดถนนราชดำริ จากแยกประตูน้ำถึงราชประสงค์ โดยมวลชนที่จะเข้าพื้นที่สามารถเข้าได้ทางเดียวคือบริเวณแยกราชประสงค์ทางเดียวเท่านั้น มีการวัดอุณภูมิคัดกรองโควิด 19 ต่อมา น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เดินทางมาที่ยังสถานที่ชุมนุม น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า วันนี้จะมีมวลชนเข้ามาร่วมเยอะ วันนี้ม็อบจุดติดอีกครั้ง คาดหวังว่าจะสะเทือนบ้างไม่มากก็น้อยเพื่อให้ทราบว่าเจตจำนงเราต้องการอะไร ที่ผ่านมามีอาการแผ่วบ้าง จากการสังเกตและพูดคุยกับคนที่มาร่วมชุมนุมมาจาก 2 ปัจจัยคือสถานการแพร่ระบาดไวรัสโควิดและสภาพเศรษฐกิจไม่ดีไม่มีเงินเดินทางมาร่วมชุมนุม
“วันนี้มีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อยกเลิกมาตรา 112 เราต้องการหนึ่งหมื่นรายชื่อ แต่ตอนนี้เกินแล้วแต่เราต้องการล่ารายชื่อต่อ ในการชุมนุมวันนี้เป้าหมาย 2 ประการ 1.ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 และ2.ปล่อยเพื่อนเรา และในวันพรุ่งนี้จะนำรายชื่อทั้งหมดไปยื่นที่ทำเนียบ โดยในวันที่ 3 พ.ย.นี้จะมีการไต่สวนถอนการประกันตัวชั่วคราว คิดว่าอาจไม่รอดแต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ในขณะที่สหประชาชาติพูดแล้วห้ามนำเรื่องการแพร่ระบาดโควิดมาเป็นข้ออ้างในการชุมนุม แต่ไทยยังไม่ทำตาม ขณะเดียวกันมีการขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีกเพื่อเป็นเครื่องมือทั้งที่ใช้ พรบ.ควบคุมโรคก็ได้
อย่างไรก็ตามไม่กังวลว่าจะมีการสลายการชุมนุมเพราะบรรยากาศโอเค เป็นกิจกรรมนิ่งไม่มีอะไรขอความร่วมมือไปถึงตำรวจ การสลายการชุมนุมไม่มีความจำเป็นเลยสักครั้งที่ผ่านมา ถ้าอ้างเรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำไมไม่มาช่วยกันคัดกรอง ทำไมจ้องแต่จะดำเนินคดี”