กสทช. – กทปส. หนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์สู้โควิด-19 สนับสนุน รพ.ม.นเรศวร พัฒนาห้องแรงดันลบ ควบคุมด้วย IoT

กองทุนวิจัยและพัฒนา ได้มีการจัดสรรทุนประเภทที่ 3 ที่เรียกว่า ทุนตาม กสทช. กำหนด โดยแต่ละปี กสทช. จะมอบนโยบายและมีการส่งเสริมทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2563 ที่ผ่านมา กสทช. ได้ให้ทุนกับสถานพยาบาลของรัฐในการต่อสู้ภัยโควิด จำนวนกว่า 642,550,859 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นการให้ทุนเพื่อจัดทำระบบ IoT และ Conference ในห้องผู้ป่วยความดันลบเพื่อเว้นระยะห่างและลดการสัมผัส
สำหรับการมอบทุนในโครงการ “การส่งเสริมและสนับสนุนเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะในการต่อสู้สถานการณ์ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) กับสถานพยาบาลของรัฐ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนากิจการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสาธารณสุข โดยมุ่งเน้นให้เกิดการเว้นระยะห่างทางกายภาพ (Physical distancing) เพื่อต่อสู้สถานการณ์ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่ 20219 (COVID-19)

ซึ่งมีสถานพยาบาลภาครัฐนำเสนอโครงการฯ โดยมีการติดตามผลการดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการให้บริการสุขภาพ เพื่อรองรับการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยห้องผู้ป่วยแรงดันลบและหอผู้ป่วยรวม ชนิดแรงดันลบ(Cohort Ward) ที่ติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง(Internet of thing: IoT) ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถานพยาบาลของรัฐที่ตั้งอยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่างนั้น

ที่ผ่านมา กทปส. ได้เคยมอบทุนในการพัฒนาโครงการทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีให้กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และมีการต่อยอดขยายผลเรื่อยมา กับการดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาและนำเทคโนโลยีมาใช้ในทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

กสทช. โดย กทปส. เล็งเห็นความสำคัญและถือเป็นเรื่องเร่งด่วนในการดำเนินการเพื่อต่อสู้กับวิกฤตการณ์ไวรัสครั้งนี้ จึงต้องการสนับสนุนให้เกิดการสร้างต้นแบบเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับสถานพยาบาลทั่วประเทศได้ ขณะนี้ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ประสบผลสำเร็จในการสร้างต้นแบบในการพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยในครั้งนี้

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ศิริเกษม ศิริลักษณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เปิดเผยว่า สำหรับโครงการเพิ่มศักยภาพการให้บริการสุขภาพ เพื่อรองรับการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยห้องผู้ป่วยแรงดันลบและหอผู้ป่วยรวม ชนิดแรงดันลบ (Cohort Ward) ที่ติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง(Internet of thing: IoT) ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรนั้น

สืบเนื่องมาจากประเทศไทยประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยบางรายที่เมื่อเกิดพยาธิสภาพในระบบทางเดินหายใจจะทำให้ปอดทำหน้าที่ผิดปกติซึ่งส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้

วัตถุประสงค์การดำเนินโครงการฯ เพื่อพัฒนาห้องแรงดันลบแบบปรับปรุงจากห้องผู้ป่วยเดิมพร้อมติดตั้งระบบ Internet of Things (IoT) เพิ่มเติม จึงเป็นการมุ่งสร้างต้นแบบและดำเนินการให้พร้อมใช้งานได้เร็วที่สุด ให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นไปอีก

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรจึงได้พัฒนาระบบ Tele-conference ในการดูแลและรักษาผู้ป่วย รวมทั้งเป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการตามแนวทางการป้องการแพร่ระบาดของเชื้อ

นอกจากนี้ยังพัฒนาการติดตามผู้ป่วยด้วยระบบ GPS และระบบการดูแลให้คำปรึกษาผ่านระบบ Tele-medicine และบริหารจัดการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ทางไปรษณีย์ลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาล พร้อมกันนี้ยังได้พัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติเพื่อใช้สำหรับการคัดกรอง ลดการสัมผัสและเพิ่มระยะห่างระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่อการส่งยา อาหาร และของใช้ให้ผู้ป่วยในห้อง หรือบนหอผู้ป่วยโดยไม่ต้องให้บุคลากรของโรงพยาบาลต้องเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

นอกจากนี้ยังเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์ วิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เพื่อบริหารจัดการการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในสถานพยาบาลอีกด้วย

สำหรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่มีการแพร่กระจายเชื้อในรูปแบบ droplet (ละอองฝอยจากสารคัดหลั่งในทางเดินหายใจ) แต่ในบางกรณีที่มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก อาจแพร่เชื้อแบบ aerosol (ผ่านทางการหายใจ)

ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ป่วยสู่ผู้ป่วยอื่นหรือญาติและประชาชนทั่วไป และเพื่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วย การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความสำคัญในการวางระบบเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในสถานพยาบาล โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ ระดับตติยภูมิ(Tertiary care) ขนาด 472 เตียง มีศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงหรือที่เรียกว่าผู้ป่วยระดับสีแดง

โดยได้มีการจัดผู้ป่วยไว้ในห้องแยกโรค (Isolation room) และยังได้ดำเนินการจัดทำหอผู้ป่วยที่แยกเฉพาะและเป็นหอผู้ป่วยชนิดแรงดันลบ (Cohort Ward) เพื่อรวมผู้ป่วยไว้ในที่เดียวกัน ทำการรักษาได้คราวละมาก ๆ อย่างไรก็ตามเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างรวดเร็ว ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการการพัฒนาห้องแรงดันลบโดยการปรับปรุงจากห้องผู้ป่วยเดิม เพิ่มการติดตั้งด้วยระบบ IoT (Internet of Thing) เพื่อติดตามอาการ (Monitor) ผู้ป่วยและควบคุมพารามิเตอร์ (Parameter) ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานของห้องแรงดันลบนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังได้มีการทดสอบการติดตั้งระบบ โดยการจำลองการไหลเวียนอากาศโดยวิธีพลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ (CFD) ทำการตรวจสอบวัดปริมาณเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในห้องต่างๆ เพื่อเป็นต้นแบบระบบห้องแรงดันลบคุณภาพอีกด้วย

รายละเอียดการพัฒนาระบบ Tele-conference ในการดูแลและรักษาผู้ป่วย  เพื่อการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจัดการตามแนวทาง Social Distancing เพื่อบริหารจัดการสถานที่ให้บริการผู้ป่วย โดยเริ่มจากการลงทะเบียนผ่าน แอปพลิเคชัน “หมอรู้จักคุณ” (“The doctor Know You” Application) โดยสามารถ Download ได้จากทั้งระบบ IOS และ Android รวมถึงการเข้าผ่านระบบ LINE OA(Official Account) “หมอรู้จักคุณ” และเมื่อเข้าสู่ระบบและได้ลงทะเบียนยืนยันตัวตนที่สถานพยาบาลแล้วจะสามารถเข้าถึงประวัติสุขภาพของตนเองได้

 ภาพที่ 1. แอปพลิเคชัน “หมอรู้จักคุณ” (“The doctor Know You” Application)

สำหรับการพัฒนาระบบการติดตามผู้ป่วยด้วยระบบ GPS นั้น สามารถดูแลให้คำปรึกษาผ่านระบบ Tele-medicine โดยสามารถเรียกดูได้ตั้งแต่ประวัติการรักษา มีระบบการจัดการผู้ป่วย การจัดการคิว การติดตามผู้ป่วย การให้บริการในกรณีฉุกเฉิน

นอกจากนี้การพัฒนาของโครงการฯ ทางทีมได้พัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับการคัดกรอง โดยลดการสัมผัสและเพิ่มระยะห่าง เรียกว่า MENU Delivery Robot หรือน้องเมนู หุ่นยนต์เพื่อการขนส่งและการสื่อสารทางไกล (MENU ย่อมาจาก Medicine + Engineer + Naresuan University) เป็นหุ่นยนต์อัตโนมัติคอยติดตามอาการผู้ป่วย และช่วยในเรื่องการให้บริการอื่น เช่น

การส่งอาหาร การส่งยา หรือการพูดคุยกับผู้ป่วยแบบที่เห็นหน้ากันกับบุคลากรทางการแพทย์หรือญาติ ทำให้สามารถใช้หุ่นยนต์เป็นตัวเชื่อมตัวได้ ลดการสัมผัสระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วยลงไปได้มาก นอกจากนี้ยังสามารถลดความเครียดของผู้ป่วยลงได้ เนื่องจากการได้มีโอกาสสื่อสารกับผู้อื่นได้มากขึ้น หุ่นยนต์ต้นแบบนี้มีต้นทุนการสร้างอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทเท่านั้น ปัจจุบันผลิตไปแล้ว 5 ตัว

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในการดำเนินโครงการฯ มีการเชื่อมโยงการใช้เทคโนโลยีสำคัญ และจะดำเนินการต่อยอดหลังจากนี้ เพื่อเป็นต้นแบบแนวทางการดำเนินงานให้กับสถานพยาบาลอื่นๆ เพื่อร่วมฝ่าวิกฤตการณ์ใดๆ ที่จะเข้ามากระทบต่อประเทศในอนาคต ด้วยการสร้างและทำทั้งด้านการพัฒนาและผลิตเครื่องมืออุกรณ์ที่เป็นของคนไทยและสร้างการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อเป็นหน่วยงานบริการประชาชนอย่างแท้จริง

พร้อมกันนี้ขอขอบคุณ กทปส. และ กสทช. ที่เล็งเห็นและให้ความสำคัญในการพัฒนาอุปกรณ์ เทคโนโลยีเพื่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 ของประเทศไทยครั้งนี้ ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=rjDlAb16z9Y


Written By
More from pp
นายกฯ สั่ง คุมเข้ม สอบท้องถิ่น 64 จัดการเด็ดขาด ทุจริต แอบอ้างรับผลประโยชน์ เตือน ประชาชน อย่าหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อ
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ห่วงใยประชาชน...
Read More
0 replies on “กสทช. – กทปส. หนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์สู้โควิด-19 สนับสนุน รพ.ม.นเรศวร พัฒนาห้องแรงดันลบ ควบคุมด้วย IoT”