ไทย-สหราชอาณาจักร ยืนยันความร่วมมืออย่างรอบด้านเพื่อความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม หวังผลในช่วงฟื้นฟูภายหลังสถานการณ์โควิด

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล นายมาร์ก กุดดิง (H.E. Mr. Mark Gooding) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ภายหลังเสร็จสิ้น นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและยินดีที่ได้พบอย่างเป็นทางการในวันนี้ หวังว่าไทยและสหราชอาณาจักรจะใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ให้เห็นผลสูงสุด ซึ่งไทยประสงค์ที่จะเพิ่มพูนการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะเร่งแสวงหาความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ด้านเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรฯ กล่าวขอบคุณและยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งในประเทศไทย พร้อมได้นำความปรารถนาดีจากนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร นายบอริส จอห์นสัน ถึงนายกรัฐมนตรี โดยไทยและสหราชอาณาจักรมีความสัมพันธ์ที่ดีกันในทุกระดับมาอย่างแน่นแฟ้นและยาวนานกว่า 400 ปี

โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ กล่าวยืนยันที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น สานต่อความร่วมมือที่อยู่บนผลประโยชน์ร่วมกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง การส่งเสริมมูลค่าการค้าและการลงทุน และความร่วมมือระดับภูมิภาค

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ

– ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแสวงหาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัล นวัตกรรม สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยและสหราชอาณาจักรยังเห็นร่วมกันว่า ทั้งสองประเทศเผชิญความท้าทายที่คล้ายคลึงกัน เช่น สังคมผู้สูงอายุ และ digital disruption จึงทำให้ความร่วมมือทางด้านการศึกษาถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายควรเร่งเพิ่มพูนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

– ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทั้งไทยและสหราชอาณาจักรให้ความสำคัญ โดยในระหว่างวันที่ 1-12 พฤศจิกายน 2564 สหราชอาณาจักรจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐภาคี กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ครั้งที่ 26 ณ เมือง Glasgow นายกรัฐมนตรีใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณสหราชอาณาจักรที่สนับสนุนความร่วมมือทวิภาคีในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และไทยเดินหน้าการก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและความยืดหยุ่นของสภาพอากาศ

โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงระหว่างร้อยละ 20-25 ภายในปี ค.ศ. 2030 และไทยอยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย โดยในภาคพลังงาน ไทยมีนโยบายลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065 – 2070

– ความร่วมมือด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรียินดีที่บริษัท AstraZeneca เลือกไทยเป็นศูนย์กลางผลิตวัคซีนและจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca ในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ กล่าวยินดีกับความสำเร็จการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ฝากความระลึกถึงไปยังนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร โดยทราบมาว่า เพิ่งมีการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และได้อวยพรให้การบริหารงานแผ่นดินสำเร็จลุล่วงและประสบความสำเร็จด้วยดี


Written By
More from pp
มิตรผล เติมความหวาน เคียงข้างผู้ประกอบการไทยรอบที่ 2 แจกผลิตภัณฑ์น้ำตาลมิตรผลฟรี 9,000 ชุด เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไร ให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงไม่คลี่คลายมานานกว่า 2 ปี ส่งผลให้ประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบรุนแรงในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจของประเทศที่ถูกล็อคดาวน์เพื่อความปลอดภัยในการควบคุมโรค
Read More
0 replies on “ไทย-สหราชอาณาจักร ยืนยันความร่วมมืออย่างรอบด้านเพื่อความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม หวังผลในช่วงฟื้นฟูภายหลังสถานการณ์โควิด”