เปลว สีเงิน
ขอโทษที หายไปวัน!
นั่งๆ เขียนเกิดป่วยปัสสาวะไม่ออกฉับพลัน ต้องวิ่งหาหมอฉุกเฉินเพื่อ “สวนมัน”
ไปถึงโรงพยาบาลเย็นค่ำ
หมดเวลาทำงาน “หมอเฉพาะโรค” เแล้ว แต่ในร้อยบาปของผม น่าจะมีเศษเสี้ยวบุญอยู่บ้าง
หมอกำลังจะกลับพอดี เห็นคนไข้หน้าเขียว-หน้าเหลืองปางตายตะกายตึกขึ้นไป
ท่านก็เมตตาตรวจรักษาอาการเฉพาะหน้าให้ร่วม ๒ ชั่วโมง ทั้งที่หมดเวลาทำงานท่านแล้ว
รู้เลย…..
ขณะ “เป็นกับตาย” ยื้อแย่งชีวิตกัน จิตที่ฝึกรับมือเวทนาเราว่าเจ๋งแล้ว แต่พอเจอบททดสอบจริง
ไม่เป็นท่าอะไรเลย!
พยายามยกจิตเหนือทุกขเวทนา ได้แค่ขยับ แต่ยกไม่ขึ้นแม้แค่เขยื้อน เวทนายามมันแรงกล้า มันทรงอิทธิพลเหนือจะแยก “กายกับจิต”
“เป็น-ตาย” ตัวเดียวกัน ตอนจะแปลงร่างจากกัน มันทุรน-ทุนราย “เกินทน” อย่างนี้เอง!
ฉะนั้น อย่าเอาแต่ “ตัวกู-ของกู” กันตะพึด-ตะพือนักเลย เอาแบบอย่าง “คุณหมอเหรียญทอง” ทำเพื่อ “ทุกคน-ของทุกคน” ไว้บ้าง เป็นทางอนาคต
เมื่อ “เพื่อนร่วมชาติ” อยู่ได้….
ประเทศชาติ พระศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ในความเป็น “ชาติไทย-ประเทศไทย” ก็อยู่ได้
ก็ขอบพระคุณ “คุณหมอวชิร คชการ”
คุณหมอทำให้ผมเข้าใจว่า “เทพเจ้า” มีจริง สวมเสื้อกาวน์สีขาว มีแมสก์ปิดปาก มีหูฟังคอยจิ้มๆ ตามตัว
“เทพเจ้า” ไม่มีกาลเวลา
เพราะเวลาของเทพเจ้า อยู่ที่ “ความเป็น-ความตาย” ของคนป่วย-คนไข้ตรงหน้า
คุณหมอวชิรและนางพยาบาล ทั้งที่หมดเวลาทำงาน ทำให้ผมย้อนคิดไปถึง แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งอสม.และจิตอาสาทุกคน ในหน้างานโควิด
บุญคนไทยเหลือเกิน…….
“เงินร้อยแต่ทำล้าน” ผมพูดเชิงเปรียบเทียบ ศึกโควิดรุกประชิดติดประเทศร่วม ๒ ปี
การรบทัพจับศึก ยังมีเปลี่ยนผลัด
แต่รบโควิด ได้แค่ “เปลี่ยนกะ” แพทย์-พยาบาล บุคลากรทางการแพย์ทุกคน ไม่มีคำว่า “แนวหลัง”
ประจัญบานรบแนวหน้า “ยืนสู้-ยืนซด” ทั้งวัน-ทั้งคืน ไมฝืนก็ต้องฝืน ไม่ทนก็ต้องทน นี่เข้าปีที่ ๒ แล้ว
คำว่า “ชีวิตส่วนตัว” คำว่า “ครอบครัว” มีอยู่ในหัวใจแพทย์-พยาบาล
แต่คำว่า “ช่วยชีวิตชาวบ้าน” มันเหนือ ๒ สิ่งนั้น ด้วยจิตวิญญานและจรรยาบรรณของคนเสื้อกาวน์
อยู่กับคนตาย เราไม่ตาย
แต่อยู่กับโควิด ไม่แค่คนติด คนรักษา-พยาบาล มีสิทธิ์ตายด้วย!
เสร็จศึกนี้ เห็นที ต้องลงขันกันทั้งประเทศคนคนละ ๑๐๐ บาท สร้างอนุสาวรีย์ “นักรบชุดขาว” ผ่านศึก เพื่อไว้วางดอกไม้แทนใจคารวะ
๒๐ กรกฏา. “เคอร์ฟิว” คืนแรกตั้งแต่ ๓ ทุ่ม ปานเคอร์ฟิวชีวิตผมด้วย และได้ทดสอบการ “แหกเคอร์ฟิว” ประเดิม
วันเดียว ต้องเข้าโรงพยาบาลช่วงเช้า ช่วงค่ำ และช่วงดึกตอน ๒ ยาม ขอบอกเลย ….
ทุกคนต้องพยายามอย่าให้ป่วยไข้ช่วงนี้ เพราะทุกโรงพยาบาล (โรงพยาบาลหลวงไม่ต้องพูดถึง) เต็มหมด ยิ่งป่วยฉุกเฉิน แค่เลี้ยวรถเข้าประตู ยามก็ไล่แล้ว
เขากลัว “ป่วยโควิด” น่ะ!
โรงพยาบาลไหนๆ ก็ไม่อยากรับคนป่วยโควิด ก็น่าเห็นใจทุกฝ่าย คือโรงพยาบาล ทั้งเจ้าหน้าที่-แพทย์-พยาบาลก็เสี่ยง ทั้งคนป่วยอื่นๆ พลอยเสี่ยงไปด้วย
ที่พึ่งสุดท้ายของ “คนเป็นโควิด” คือหมอ คือโรงพยาบาล สถานรักษา เมื่อบากหน้า-แบกชีวิตไป แต่ที่ไหนๆ ก็เต็ม
เฮ้อ….ก็ไม่โทษฝ่ายไหน
มันเป็น “วิบากกรรมร่วมกัน” ของมนุษยชาติทั้งโลก นอกจากจำทบทวน เป็นบทสอนชีวิต
ตอนโลกนิ่ง ให้อยู่ดีมีสุขกัน ก็ยิ่งใหญ่อหังการ “โลกอยู่ใต้ฝ่าตีนกู” มีเงินซะอย่าง จะซื้ออะไร-ดลบันดานอะไรก็ได้ในโลกนี้
ถึงเวลาหนึ่ง …..
เมื่อโลกหมั่นไส้ ต้องการให้บทเรียนมนุษย์ ว่าบุญ-บาป, เวรกรรมนั้น มันคือ “โลกเหนือโลก” ของจริง
แล้วสภาวะ “โลกเหนือโลก” ก็จะทำหน้าที่กวาดล้างกลุ่มอหังการ เพื่อสอนให้รู้ว่า
มนุษย์ที่หลงว่าอยู่เหนือนั่นแหละ ล้วนอยู่ใต้เวรกรรม-บุญและบาปทั้งสิ้น
เงินนั้น ก็แค่ใช้ซื้อนักการเมืองเลวๆ สส.เลวๆ ได้บางคน ข้าราชการเลวๆ บางคน และ “สื่อเลวๆ” บางสื่อ ด้วยเท่านั้น!
ยื้อชีวิตแบบ “ซื้อความทรมาน” ก่อนตาย พอได้
สุดท้าย ก็ “ซื้อความตาย” ไม่ได้อยู่ดี!
“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “รัชกาล ที่ ๑๐ นับแต่ทรงขึ้นครองราชย์
ทุกคนจะเห็นว่า พระองค์ทรงมุ่งทำนุบำรุงไม่เพียงพระพุทธศาสนา หากแต่ทุกศาสนาในประเทศ
ทรงศึกษาธรรม ทรงปฏิบัติธรรม ทรงอาธนาพระวิปัสนาจารย์มาถวายพระกรรมฐานสม่ำเสมอ
ทรงสอดส่องดูแลทุกข์สุขอาณาประชาราษฏร์ ประชาชนเหล่าใด หมู่ใด ประสบภัย-ประสบปัญหา
พระองค์จะพระราชทานความช่วยเหลือทั่วตลอดและทั่วถึง เป็นที่ประจักษ์ใจและสายตาชนอยู่แล้ว
การระบาดของโรคโควิด พระองค์พระราชทานทั้งทุนทรัพย์ ทั้งอุปกรณ์การแพทย์ และฯลฯ
เรียกว่า ทุกความเป็นไปของประชาชนและบ้านเมือง อยู่ในสายพระเนตรพระองค์ตลอด
แม้กระทั่ง มีชนบางกลุ่ม บางพวก บางคน จงใจกล่าวร้ายพระองค์และบรมราชวงศ์ ถึงขั้นเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อันมีมาคู่กับชาติ
พระองค์หาได้มีพระทัยโกรธแค้น หากแต่ทรงรับรู้ด้วยอุเบกขาธรรม คือความเป็นกลางแห่งใจ มองกลุ่มชนกระทำด้วยพระเมตตาและอภัย
ย่อๆ เหล่านี้ คือ “ทศบารมีธรรม” ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นบำเพ็ญปฏิบัติเหนียวแน่น นับแต่ทรงครองราชย์ อันเทวดาทุกหมู่เหล่าและแม่พระธรณีแห่งแผ่นดิน
ล้วนรับรู้และสาธุการใน “ทศบารมีธรรม”
ธรรมอันก่อเกิดเป็นพระมหาบารมีปกป้องแผ่นดินไทยแลพสกนิกรชาวไทย ตลอดถึงผู้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารทุกคน ให้อยู่รอดปลอดภัยและสุขตามฐานานุรูป
ผู้ตั้งอยู่ในศีล-ในธรรม ไม่ทำกรรมหยาบต่อแผ่นดิน ศีลและธรรมจะนำเย็น
ผู้นอกศีล-นอกธรรม กระทำบาปหยาบช้าต่อแผ่นดิน กรรมหยาบบาปช้าที่ทำนั้น จะเผาตัวเขาเองให้ร้อน
มนุษย์เรา ช่วงมีความสุข วัน-เวลาที่ผ่าน รู้สึกเร็วเหลือเกิน
แต่ช่วงเผชิญทุกข์ วันเวลาทั้งที่เท่ากัน แต่ทำไมมันดูผ่านไปช้าเหลือเกิน?
ช่วงโควิดประชิดโลกนี่ก็เช่นนั้น ใครจะผ่าน-ไม่ผ่าน ตัวชี้ขาดอยู่ตรง “เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา….” นั้นแหละ
“ดี-ชั่ว” เป็นตัวตัดสิน
“แผ่นดินไทย” มันผู้ใดคิดร้าย “ฉิบหาย” ทุกคน!
ว่าแล้วเชียว เมื่อคืนเข้ามาดูหลายรอบ พอถึงเที่ยงคืนไม่มีบทความของป๋า เดาว่าป๋าคงไม่สบายเป็นแน่แท้ เป็นห่วงมากค่ะ ขอให้ป๋าเปลวหายป่วยเป็นปกติเร็ว ๆ นะคะ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง อยู่ดูแลประเทศชาติไปให้นานแสนนานนะคะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
แก้วค่ะ