ทีมเศรษฐกิจเสนอนายกรัฐมนตรี เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุก ฉีดวัคซีน เยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบรายละ 2,000 บาท พร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่มนอกระบบประกันสังคม ลงทะเบียนผ่าน “ถุงเงิน” รับเงินสมทบ 3,000 บาท

28 มิถุนายน 2564 เวลา 13.00 น. ณ ทางเชื่อมตึกภักดีบดินทร์และตึกไทยคู่ฟ้า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

แถลงภายหลังการประชุมคณะที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจเพื่อหารือถึงมาตรการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แสดงความเข้าใจถึงความคับข้องใจของภาคประชาชน จึงได้เร่งหารือเพื่อตัดสินใจแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จากการออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25)

โดยให้กระทวงแรงงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกและฉีดวัคซีนในเวลา 30 วัน  โดยหวังว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อในกทม.และปริมณฑลต่ำกว่า 10 คน  นอกจากนั้นยังพิจารณาการเยียวยาในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน

รวมทั้งเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ คนละครึ่งเฟส 3 ยิ่งใช้ยิ่งได้ ตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็เร่งเยียวยาผู้ประกอบการรายย่อยที่มีลูกจ้างจำนวนไม่เกิน 200 คน และลูกจ้างทั้งในระบบและนอกระบบ ทั้งนี้ คาดหวังว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่าตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) ที่มีผลบังคับใช้ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ครอบคลุม 6 จังหวัด และ 4 จังหวัดชายแดนใต้  มีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบคือ ธุรกิจการก่อสร้าง ที่มีการปิดไซต์งาน และร้านอาหารที่ให้เปิดบริการเฉพาะซื้อกลับไปทานเท่านั้น (Take Away)

ดังนั้น มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในระบบประกันสังคมได้ จ่ายชดเชยสิทธิประโยชน์ว่างงานเหตุสุดวิสัยแก่ลูกจ้าง ร้อยละ 50 ของฐานเงินเดือน สุงสุดไม่เกิน 7,500 บาท  รวมทั้งภาครัฐยังสมทบเงินเพิ่มเติมทางให้แก่ลูกจ้างในระบบประกันสังคม 2,000 บาทต่อราย

กรณีลูกจ้างถูกลดเงินเดือนหรือบางธุรกิจไม่จ่ายเงินเดือน ขณะเดียวกัน นายจ้าง ผู้ประกอบการ ในระบบประกันสังคม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท ต่อจำนวนลูกจ้างในบริษัท สูงสุดไม่เกิน 200 คน เป็นระยะเวลา 1 เดือน

ทั้งนี้ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยังขอความร่วมมือนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่นอกระบบประกันสังคม ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อที่จะได้รับความช่วยเหลือ ให้นายจ้างได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000  และลูกจ้างที่มีสัญชาติไทยได้รับเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท

สำหรับเงินเยียวยาเหตุสุดวิสัยนั้น ตามกฎหมายประกันสังคมลูกจ้างจะต้องจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือนจึงจะได้รับเงินชดเชยร้อยละ 50 ของฐานเงินเดือน ทำให้ลูกจ้างนอกระบบประกันสังคมจะไม่ได้รับเงินเยียวยาดังกล่าว สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนประกันสังคมได้เนื่องจากไม่มีลูกจ้าง สามารถลงทะเบียนในแอปพลิเคชันถุงเงินผ่านทางโครงการคนละครึ่ง โดยเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยจะได้รับเงินจำนวน 3,000 บาท

นอกจากนี้  ที่ประชุมยังได้หารือร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างและสมาคมร้านอาหาร ในการจัดอาหารให้แรงงานก่อสร้างในแคมป์ต่าง ๆ และยังมีมาตรการช่วยหลือ SMEs ในระยะถัดไป ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป พร้อมยืนยันไม่เลื่อนโครงการ “คนละครึ่ง” เพื่อเป็นการกระตุ้นการบริโภคในพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีการวางกรอบงบประมาณไว้ 4,000 ล้านบาท และประกันสังคม 3,500 ล้านบาท

ในตอนท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยังตอบคำถามถึงจำนวนแรงงานในระบบประกันสังคมที่ได้รับผลกระทบในแต่ละจังหวัด รวมแล้ว กว่า 690,000 คน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบแรงงานนอกระบบที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคมเพิ่มเติมว่ามีจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงแรงงานต่างด้าวในระบบประกันสังคมก็จะได้รับความช่วยเหลือตามกฎหมายประกันสังคม ส่วนเงินสมทบเพิ่มเติม 2,000 บาทนั้น  จะจ่ายให้แก่ลูกจ้างสัญชาติไทยเท่านั้น ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยืนยันว่าการปิดแคมป์ ไม่ใช่ปิดเพื่อไม่ให้เข้าอยู่ แต่ปิดทางเข้า-ออก หรือ Bubble & Seal

ซึ่งระหว่างนี้จะระดมตรวจเชิงรุกและฉีดวัคซีนแก่แรงงานในแคมป์งานก่อสร้างเพื่อให้สามารถกลับมาเปิดทำการปกติอย่างเร็วที่สุด และยังหารือร่วมกันระหว่างสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างและผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงงานผลิตอาหาร เพื่อพิจารณาสั่งข้าวกล่องสำหรับแรงงานที่อยู่ในแคมป์งานก่อสร้าง

กรณีแรงงานเคลื่อนย้ายกลับบ้านต่างจังหวัดนั้น  กระทรวงแรงงานประสานกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ อสม. ในพื้นที่ ให้ดูแลสอดส่องในพื้นที่ เพื่อกักตัวสังเกตอาการอย่างถูกต้อง ทั้งนี้  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยังย้ำ ถึงการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19  ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ประกันตน ม 33 แต่ยังดูแลไปถึงครอบครัวของผู้ป่วยติดเชื้ออีกด้วย

Written By
More from pp
“ธนวัฒน์” แรงไปอีกขั้นจัดของใหม่ “TOYO PROXES RR” คว้าแชมป์!! TOYO TIRES SCHAEFFLER RACING CAR THAILAND 2022 สนามสุดท้ายซิ่งสะท้านบุรีรัมย์
ปิดสนามการแข่งขันประจำปี 2022 อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยกองทัพรถแข่งมากเป็นประวัติการณ์ กับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย TOYO TIRES SCHAEFFLER RACING CAR THAILAND สนามที่...
Read More
0 replies on “ทีมเศรษฐกิจเสนอนายกรัฐมนตรี เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุก ฉีดวัคซีน เยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบรายละ 2,000 บาท พร้อมเชิญชวนผู้ประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่มนอกระบบประกันสังคม ลงทะเบียนผ่าน “ถุงเงิน” รับเงินสมทบ 3,000 บาท”