จะว่าไป การระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็เป็นสถานการณ์ที่ทำให้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง
แม้จะทำให้เกิดผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไป แต่คำว่า “น้ำใจและการให้” ของคนไทยด้วยกันก็ยังเกิดขึ้นอยู่ท่ามกลางวิกฤตเสมอ
ประเทศไทยที่กำลังวุ่นวายเพราะว่าจะต้องจัดลำดับ หรือแบ่งสัดส่วนการช่วยเหลือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบอยู่ ก็ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการใจงามหยิบยื่นสิ่งดีๆ เพื่อดูแลสังคมอยู่ด้วย โดยด้านสำคัญที่ได้รับแรงกระแทกไม่แพ้กันคือ “แรงงาน”
วิกฤตนี้ส่งผลให้คนตกงานกันไม่รู้เท่าไหร่ กี่สาขาอาชีพ หลายธุรกิจที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้จนต้องปิดกิจการ ไม่มีแรงที่จะจ้างงาน ซ้ำเด็กจบใหม่มืดแปดด้าน ถ้าไม่ถูกจองตัวไว้ตั้งแต่ก่อนเรียนจบ ป่านนี้จะไปสมัครงานทำที่ไหนโอกาสแม้จะมี แต่ก็คงยากแสนเข็ญอยู่เหมือนกัน
เด็กที่วาดหวังว่าจบมาแล้วจะได้งานทำมีเงินใช้ดูแลตัวเองหรือดูแลคนที่เรารัก ตอนนี้ก็อาจฝันสลายกันไปเยอะพอสมควร เป็นเหตุให้อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น
ผู้ประกอบการที่ว่าน้ำใจงาม ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย ก็คือกลุ่ม ปตท. แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ก็ยังตระหนักถึงความสำคัญของสังคมทุกภาคส่วน เลยลุยโครงการ “Restart Thailand” ที่จะมาช่วยเหลือการจ้างแรงงาน พนักงาน และนักศึกษาจบใหม่รวมกว่า 25,000 อัตรา
แบ่งการทำงานเป็น 3 สาขาด้วยกันคือ 1.โครงการก่อสร้าง 2.ตำแหน่งงานที่ว่าง 3.โครงการเพื่อสังคม (CSR)
และในหมวด CSR นี้ก็ยังแยกย่อยไปเป็นอีก 3 ด้านผ่านโครงการพัฒนาสังคมชุมชนท้องถิ่น คือ 1.การพัฒนาคุณภาพการศึกษาสำหรับเยาวชน : งานผู้ช่วยสอน โดยเป็นการจ้างงานผู้ช่วยสอน พนักงานธุรการ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิศวกรรม คณิตศาสตร์ อังกฤษ และ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
2.การพัฒนาสิ่งแวดล้อม : งานเพิ่มพื้นที่สีเขียว 60 จังหวัดทั่วประเทศ ที่เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลในโครงการ Ocean for Life ของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เช่น การสร้างศูนย์เพาะพันธุ์ลูกปู การจัดตั้งศูนย์เพื่ออนุรักษ์และเพาะพันธุ์เต่าทะเล และอีกเยอะแยะที่ตอนนี้ก็เห็นเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว
และ 3.การพัฒนาศักยภาพชุมชนท้องถิ่น (โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้มกลุ่ม ปตท.) : หรืองานนักพัฒนาชุมชน
ในส่วนนี้ พอลงลึกไปถึงวิธีการก็แยกการทำงานได้แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ที่ว่าจะพัฒนาชุมชนเนี้ย ก็คือการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีพลังงานเพื่อการเกษตร หรือ Smart Farming และยังมีการพัฒนาสินค้าและบริการ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน ส่งเสริมช่องทางการตลาดออนไลน์ หรือ Smart Marketing
“Smart Farming” ต้องฝึกอบรมผู้เข้าร่วมโครงการ ให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานเพื่อการเกษตร เพื่อนำนวัตกรรมของกลุ่ม ปตท. ไปปรับใช้เพิ่มรายได้ความสามารถในการผลิต ลดรายจ่าย ลดเวลาทำงานและเพิ่มผลผลิตของชุมชนเป้าหมายด้วยเกษตรกรรมสมัยใหม่
“Smart Marketing” ต้องพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เช่น สินค้า แหล่งท่องเที่ยวและการบริการ ผ่านการสำรวจและเก็บข้อมูลศักยภาพพื้นที่และความพร้อมของชุมชน แล้วนำมาปรับให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจและสนับสนุนช่องทางการประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับชุมชน
จะช่วยอย่างเดียวแบบทิ้งๆ ขว้างๆ คงไม่ใช่กลุ่ม ปตท. เพราะทุกงานที่ว่ามานี้ ไม่ใช่แค่จ้างแบกหามใช้แรงกาย แต่เป็นการยกระดับงานให้เกิดผลประโยชน์ต่อสังคมอีกขั้น แถมองค์ความรู้ที่ได้ก็นับว่ามากมายมหาศาล
ทั้งการทำการเกษตร โดยใช้นวัตกรรมและพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกร
ทั้งการคัดสรรสินค้าชุมชน การปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชน เช่น ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อการเพิ่มมูลค่าและการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์
อีกทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนโดยการพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนให้มีความรู้ในการท่องเที่ยว มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม คงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นและสร้างรายได้แก่เศรษฐกิจชุมชน
แค่มองดูอยู่ตรงนี้ยังรู้เลยว่าเป็นประโยชน์ขนาดไหน แบบนี้น่าจะสร้างกำลังใจให้คนทำงานน่าดู
ถือว่าเป็นหน่วยงานผู้ให้จริง ๆ ให้ทั้งโอกาส ให้ทั้งอาชีพ ให้ทั้งแนวทางการสร้างรายได้
พร้อมให้ชุมชนได้พัฒนาไปสู่จุดที่ดียิ่งขึ้น