เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ประเทศไทย จะได้ต้อนรับการมาเยือนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย.2562 ตามคำเชิญของรัฐบาลไทยและสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย
โดยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าว TV 2000 ของประเทศอิตาลี ที่ติดตามทำข่าวของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย และขอรายงานข่าวเป็นกรณีพิเศษที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) เพื่อเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน ร่วม 50 ปีระหว่าง “วาติกัน-วัดโพธิ์” มิตรภาพระหว่างสองศาสนา ก่อนการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ในวันที่ 20-23 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
“อาตมา ได้รับการติดต่อมา ในครั้งแรก ทราบว่าเป็นสื่อของประเทศอิตาลี ที่เขาเดินทางมาก่อนการเสด็จจริง เพื่อทำสกู๊ปพิเศษในรายการโทรทัศน์และมาเจาะประเด็นในเรื่องความสัมพันธ์ตั้งแต่อดีตของ วาติกัน-วัดโพธิ์ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ เดินทางไปเยือนกรุงวาติกัน เมื่อ พ.ศ. 2515และเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 เหตุการณ์ผ่านมา ร่วม 50 ปีแล้ว อาตมาก็ได้เล่ารายละเอียดกับทางสำนักสื่อของอิตาลีไป จนถึงปัจจุบัน ในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่พระองค์ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ที่ 266 และ ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2556 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ อาตมาได้มีโอกาสเดินทางไปวาติกัน ที่กรุงโรม และได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 เดินทางไปเพื่อทูลถวายคัมภีร์พระมาลัยที่ปริวรรตแล้วเสร็จ ผ่านมา เกือบ 2 ปี อาตมายังจำความรู้สึกและความประทับใจที่ได้รับพระเมตตาอย่างสูงได้สัมผัสพระหัตถ์ของพระองค์ถึง 2 ครั้ง ได้ยินพระสุรเสียงที่เปล่งคำว่า “วัดโพธิ์” และ “สมเด็จพระวันรัต” ดั่งพระราชสาส์นที่พระองค์ท่านประทานให้คณะสงฆ์วัดพระเชตุพนในวันเข้าเฝ้า ทำให้อาตมารู้สึกปลื้มปีติอย่างยิ่ง” พระราชปริยัติมุนี(เทียบ สิริญาโณ ป.ธ.9 รศ.,ดร.) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ กล่าว
เมื่อทราบครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2562 ตอนที่อาตมาได้เดินทางไปนครรัฐวาติกันอีกครั้ง เพื่อเข้าร่วมประชุม “ศาสนากับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” และได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่าน ซึ่งตอนนั้นทราบข่าวคร่าวๆ แต่เพียงว่าจะมีเรื่องที่น่ายินดีครั้งใหญ่สำหรับประเทศไทย อาตมาก็ประมวลความคิดเอาเองว่า น่าจะมีพระประสงค์ที่จะเสด็จเยือนประเทศไทย แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดอะไรยืนยันที่ชัดเจนออกมา อาตมาก็รอฟังข่าวที่น่ายินดีนี้อยู่ตลอด จนสำนักวาติกัน ได้มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีหมายกำหนดการที่จะเสด็จเยือนประเทศไทยในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่จะถึงนี้
นับเป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับคริสต์ศาสนิกชนชาวไทยจริงๆ แม้ว่าอาตมาจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนายังรู้สึกยินดีมากเช่นกัน เพราะพระดำรัสหรือพระราชกรณียกิจที่ผ่านมาของพระองค์ เราจะเห็นภาพการเสด็จเยือนประเทศหรือพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก พระองค์จะเสด็จไปในทุกๆที่ ไม่ว่า พื้นที่ตรงนั้นจะมีประชาชนที่นับถือศาสนาใดหรือที่แตกต่างจากพระองค์ พระองค์ประสงค์ที่จะสร้างสันติภาพบนโลกใบนี้
ในช่วงบ่ายของวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จะเสด็จที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย อาตมาพร้อมกับพระราชรัตนสุนทร (วินัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ก็ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอีกครั้ง เพื่อเข้าร่วมรับฟังพระโอวาทและพระราชดำรัส ทราบว่าจะมีผู้นำศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง รวมถึงคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาเข้าร่วมเช่นกัน
ครั้งนี้ ที่สื่ออิตาลี เดินทางมาวัดพระเชตุพนฯ เพื่อขอสัมภาษณ์ อาตมาจึงได้เล่าสรุปเหตุการณ์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง “วาติกัน –วัดโพธิ์” ให้รายละเอียดไปทั้งหมด จนถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมาในช่วง 3 ปีที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรบ้างและในช่วงการสัมภาษณ์ตอนท้ายจะเป็นเรื่องความรู้สึกในการเสด็จเยือนประเทศไทยของพระองค์ท่าน ว่าอาตมามีความรู้สึกเช่นไร ทราบจากสื่ออิตาลีที่เดินทางมาทำข่าวครั้งนี้ หลังจากทำข่าวเสร็จจะเดินทางกลับไปเพื่อนำไปเผยแพร่ทั่วโลกก่อนการเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20-23 พฤศจิกายนนี้
การเสด็จเมืองมาประเทศ ไทยในครั้งนี้ของพระองค์ จึงนับเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะแสดงให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าเราสามารถอยู่ร่วม กันได้อย่างสันติสุข แม้ว่าจะนับถือหรือมีความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน ดังเจตนารมณ์ในพระองค์ท่าน ที่ต้องการให้เกิดสันติภาพแก่โลกใบนี้
อาตมาของจบบทความด้วยพระราชสาส์น ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงมีพระดำรัสถึงคณะสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ ใจความว่า “…ข้าพเจ้าขอต้อนรับพวกท่านอย่างอบอุ่นและขอขอบคุณพวกท่านสำหรับของขวัญอันล้ำค่า คือ พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกท่าน นี่เป็นเครื่องหมายที่ชัดเจนในความใจกว้าง เมตตาจิต และไมตรีจิตของพวกท่าน ที่พวกเราได้เอื้ออาทรแบ่งปันกัน นับเป็นเวลาเนิ่นนานหลายปี ซึ่งเกิดจากก้าวเล็กๆ ในการจาริกร่วมเดินทางด้วยกันหลายย่างก้าว ข้าพเจ้าคิดถึงเป็นพิเศษ เมื่อครั้งการพบปะเสวนากัน ณ นครรัฐวาติกัน ระหว่าง บุญราศี สมเด็จพระสันตะปาปา ปอลที่ 6 กับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) ซึ่งภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่ของท่านเจ้าประคุณสามารถเห็นได้ ณ ประตูทางออกสมณสภา เพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา (แห่งสันตะสำนักนครรัฐวาติกัน)…”
“…ด้วยความปรารถนาจากบึงหัวใจของข้าพเจ้า เพื่อขอให้พุทธศาสนิกชนและคริสศาสนิกชนคาทอลิก จะได้เจริญเติบโตยิ่งๆ ขึ้นในความใกล้ชิดอย่างไม่หยุดหย่อน มีความก้าวหน้าในความรู้ของกันและกันให้มากขึ้น มีความเคารพต่อกันและกันในธรรมประเพณีแห่งวิถีชีวิตฝ่ายจิตตามความเชื่อถือของทั้งสองศาสนา ทั้งนี้ เพื่อการเป็นประจักษ์พยาน มอบแก่ชาวโลกในการตระหนักถึงคุณค่าแห่งความยุติธรรม สันติสุข และการพิทักษ์ป้องกันศักดิ์ศรีของมนุษย์…”
“…ด้วยความกตัญญูต่อพวกท่านอีกครั้งหนึ่งในการพบปะกันวันนี้ ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระพรนานัปการ จากองค์พระเจ้ามายังทุกๆ ท่าน ขอให้ท่านเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีและสันติสุข…”