3 เม.ย.64 – เวลา 19.58 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย เจ้าคุณพระสินีนาฎ พิลาสกัลยาณี ไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ เขาหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยมีนายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายดำรง เรืองขจร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหัวหิน พันเอก เวชยันต์ แว่นไธสงค์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 พลตำรวจตรี วันชัย ธารณธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมข้าราชการ และประชาชน เฝ้า ฯ รับเสด็จ
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ประทับพระราชอาสน์ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 120 ปี วันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผศ.ดร.นิศากร สิงหเสนี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 120 ปี วันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นางสาวชไมพร อำไพจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มอบสูจิบัตร และเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 120 ปี วันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แด่เจ้าคุณพระสินีนาฎ พิลาสกัลยาณี
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กราบบังคมทูลรายงาน ประวัติความเป็นมาและวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ พร้อมทั้งขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จทรงประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลเบิก นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเบิกผู้ทำคุณประโยชน์ในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เข้าเฝ้า ฯรับพระราชทานของที่ระลึก ตามลำดับ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ขึ้นไปยังแท่นพิธี บริเวณลานชั้น 4 พระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา กองทหารเกียรติยศสำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ ถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ชาวพนักงานประโคมกระทั่ง แตร มโหระทึก
จากนั้น เสด็จขึ้นไปยังบริเวณลานชั้น 5 พระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นคำจารึก ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ เจ้าคุณพระสินีนาฎ พิลาสกัลยาณี วางพุ่มดอกไม้ จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ กราบ
ต่อมาเสด็จลงจากลานชั้น 5 ไปยังที่ปลูกต้นไม้ บริเวณลานชั้น 1 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกต้นรวงผึ้ง จำนวน 1 ต้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นรวงผึ้ง จำนวน 1 ต้น เจ้าคุณพระสินีนาฎ พิลาสกัลยาณี ปลูกต้นรวงผึ้ง จำนวน 1 ต้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
นายพรหมพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กราบบังคมทูลเบิกผู้ทำคุณประโยชน์ในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ฯ เข้าเฝ้า ฯ รับพระราชทานของที่ระลึก จำนวน 100 ราย พระราชทานของที่ระลึก ตามลำดับ เสด็จ ฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ต่อมาประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ออกจากพระบรมราชานุสาวรียฺ ฯ ไปยังท่าอากาศยานหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ เขาหินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ครั้งนี้ มีพสกนิกรจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดใกล้เคียงมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ตลอดสองฝั่งที่รถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินผ่านจากสนามบินบ่อฝ้าย เข้าสู่ถนนชมสินธุ์ จนถึงบริเวณเขาหินเหล็กไฟ หน้าวังไกลกังวล ประชาชนที่พร้อมใจสวมเสื้อเหลือง โบกธงพระปรมาภิไธย “วปร.” และธงพระนามาภิไธย “สท.” และชูป้ายข้อความและพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงฉายกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี อันเป็นการแสดงความจงรักภักดีพร้อมเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญดังกึกก้อง อาคารบ้านเรือนสองฝั่งถนนเส้นทางเสด็จฯ เปิดบ้านเพื่อรับเสด็จ ฯ และมีการประดับตกแต่งไฟทั่วเมืองหัวหิน พสกนิกรต่างปลื้มปีติที่ได้ชื่นชมพระบารมี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวล ให้แก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ขณะที่รถยนต์พระทั่งนั่งเคลื่อนผ่านอย่างช้าๆ
ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกให้บริการด้านสาธารณสุข ดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเจลแอลกอฮอลล์กับพิมเสนน้ำ และให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ ยังความปลาบปลื้มแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างหาที่สุดมิได้
ประวัติการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 ณ เขาหินเหล็กไฟ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี ลำดับที่ 7 แห่งราชอาณาจักรสยาม พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันพุธ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์เล็กของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2461 หลังจากนั้นได้สร้าง “สวนไกลกังวล” และสร้าง “พระตำหนักเปี่ยมสุข” เป็นวังที่ประทับในช่วงฤดูร้อนของเดือนเมษายน และในช่วงของการเป็นพระมหากษัตริย์นั้น ได้มีพระเมตตาแก่ชาวหัวหินอย่างยิ่ง ทั้งในด้านการบริหารจัดการท้องถิ่นทรงจัดตั้งสภาบำรุงสถานที่ชายทะเลทิศตะวันตก โดยให้ดำเนินการจัดการเก็บค่าบำรุงที่ดิน และค่าเหยียบย่ำที่ดิน (อากรที่ดิน) ซึ่งเป็นบรรทัดฐานแห่งการบริหารการปกครองท้องถิ่นจนถึงทุกวันนี้
อีกทั้งยังได้ทำการทดลองการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นครั้งแรกที่วัดอัมพารามหัวหิน (วัดหัวหินในปัจจุบัน) จึงถือได้ว่าพระองค์ทรงเป็นต้นแบบของนักปกครองแบบประชาธิปไตย ต่อมาหลังจากเหตุการณ์การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศในแถบยุโรป พร้อมทั้งเสด็จประทับที่ประเทศอังกฤษ เพื่อทรงเข้ารับการผ่าตัดและรักษาพระเนตร ในการนี้ ได้แต่งตั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในระหว่างนี้ พระองค์ยังทรงติดต่อราชการกับรัฐบาลผ่านทางผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งยังคงปรากฏข้อขัดแย้งต่างๆ ที่ไม่สามารถหาข้อยุติกันได้ พระองค์จึงสละราชสมบัติและยังคงประทับอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ จนกระทั่งวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 พระองค์ได้เสด็จสวรรคตโดยฉับพลันด้วยพระหทัยวาย ขณะที่พระชนมพรรษา 47 พรรษา
ดังนั้น เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เทศบาลเมืองหัวหิน ซึ่งมี นายจิระ พงษ์ไพบูลย์ นายกเทศมนตรีเมืองหัวหินในขณะนั้น ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนชาวหัวหิน ได้ทำการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ.2537 ได้ขอพระราชทานบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ดำเนินการจัดสร้าง โดยกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบและดำเนินการปั้นหล่อองค์พระบรมราชานุสาวรีย์ ขนาดสูง 2 เมตร ในลักษณะประทับยืนถือพระมาลา ซึ่งผู้ออกแบบให้จินตนาการว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากที่ทรงเหน็ดเหนื่อยกับการเสด็จประพาสบนเขาหินเหล็กไฟ ได้ทรงถอดพระมาลาเพื่อพักผ่อนพระวรกาย และทรงทอดสายพระเนตร ลงมายังเมืองหัวหินด้วยความชื่นชมและห่วงใยพสกนิกรชาวหัวหิน รวมใช้งบประมาณในการปั้นหล่อ 550,000 บาท มีกรมโยธาธิการ เป็นผู้ทำการสำรวจพื้นที่ในการประดิษฐาน
จากนั้น ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ในปี พ.ศ. 2539 และดำเนินการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2542 โดยทำพิธีอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ขึ้นมาประดิษฐานบนเขาหินเหล็กไฟ เมื่อปี พ.ศ.2543 มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อถึงวันที่ 30 พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ เหล่าข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน จะประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายความเคารพสักการะ เพื่อถวายความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เขาหินเหล็กไฟ ตั้งอยู่ในพื้นที่ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิว ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถชมวิวได้ 4 ทิศ จุดชมวิวนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของเมืองและอ่าวหัวหิน โดยรอบบนยอดเขาเป็นพื้นที่ราบและผาหินที่สวยงาม เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ปลูกพันธุ์ไม้ในวรรณคดี และเป็นพื้นที่สีเขียวที่ถือว่าเป็นปอดของเมือง