นี่……..
สรุปว่า เรื่อง”หุ้นสื่อ”นายธนาธรหรือนายปิยบุตรกันแน่ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา?
เพราะเห็นเมื่อวาน (๘ กค.๖๒) ศาลรัฐธรมนูญนัดให้นายธนาธรไปยื่นคำชี้แจง
นายธนาธรไม่หนี…….
แต่ธนาธรไม่ไปศาล พาลูก-เมีย บินไปยุโรป-สหรัฐฯ ก่อนแล้วหลายวัน! มอบให้ทนายไปยื่นคำชี้แจงแทน เป็นเอกสาร ๑ แฟ้ม กับอีก ๓ ลัง!
เจ้าหน้าที่้ศาลใช้เวลาตรวจสอบซักชั่วโมง ก็รับเอกสารไว้ ส่วนทนาย สงวนถ้อยคำ เสร็จก็กลับ ท่ามกลางคำถามร้อยแปด!
แต่ที่สำนัก”ไทยซัมมิท”…..
“นายปิยบุตร”ออกฉากร่ายยาวยังกะตัวเป็นธนาธรเสียเอง มีเนื้อหาสำคัญที่ต้องบันทึกไว้
เพื่อเป็นหลักฐานในทางยืนยันและพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างในกาลข้างหน้า ดังนี้
“สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วว่านายธนาธร ไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างประเทศ สงสัยไปครั้งนี้ จะไม่กลับมาประเทศไทย หรือเจ้าตัวจะหนีคดีบ้าง ทางพรรคตขอชี้แจง ว่า
นายธนาธรเดินทางไปพักผ่อนพร้อมกับภรรยาและลูกๆ ที่ต่างประเทศ
จากนั้น เขาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อ ที่กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนจะเดินทางไปยัง สหรัฐอเมริกา
โปรแกรมทั้งหมด……..เป็นการพบปะนักการเมืองหลากหลายประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและสื่อมวลชนต่างประเทศ รวมถึงไปเสวนาทางวิชาการ ที่ London School of Economics
เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์ทางการเมืองไทย หลังการเลือกตั้ง ภายใต้การสืบทอดอำนาจของ คสช.
นอกจากนี้ ยังไปพูดถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักกิจกรรมทางการเมืองที่ทำอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ กรณีข่าวเท็จ ซึ่งองค์กรและนักการเมืองระหว่างประเทศให้ความสนใจในคดีความต่างๆ ที่นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่โดนมาหลายคดี
ทุกครั้งที่นายธนาธรไปต่างประเทศ มักจะเกิด ๒ เรื่องพร้อมกัน คือ
๑.พอกลับมาก็มักจะนำเรื่องดีๆมาเล่าให้ประชาชน อย่างเรื่องการทำบิตคอยต์ การจัดการน้ำที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือการทำโรงเรียน
๒.กรณีข่าวลือ ว่านายธนาธรไปแล้วไปลับ ไม่กลับมา หรือหนีคดีบ้าง
ผมขอยืนยันว่า เมื่อนายธนาธร ปฏิบัติภารกิจเสร็จจะเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน ด้วยสถานะที่ยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพียงแต่มีคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ เลยเข้าไปทำหน้าที่ในสภาไม่ได้
นอกจากนี้ ผมได้ไปตรวจตารางการทำงานของนายธนาธร พบว่า นายธนาธรในครึ่งเดือนหลังของเดือนกรกฎาคมนั้น จะตะลุยภาคอีสาน
ไล่ไปตั้งแต่ อุดรธานี อุบลราชธานี และไปทางตอนเหนือของภาค
ดังนั้น ยืนยันว่า กลับมาแน่นอน ไม่ต้องห่วงใย หรือกังวัลใจ
ส่วนข่าวลือต่างๆ ที่เต้าขึ้นมาควรจะยุติได้แล้ว เพราะนี่คือ การยืนยันของพรรคอนาคตใหม่ว่า นายธนาธร ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องหลบหนีคดีไปต่างประเทศ เพราะเจ้าตัวมีภารกิจ “การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย” ไปสู่อนาคตแบบใหม่ๆ และ”เปลี่ยนแปลงประเทศ”ให้ดีขึ้น
และ พิสูจน์ให้ได้ว่า……….
ในวันหนึ่ง นายธนาธรจะเป็นนายกรัฐมนตรี จากมติมหาชนของประเทศไทย”
อืมมมม……
ศิษย์”หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์”กล้าพูด”เต็มปาก-เต็มคำ”ถึงขนาดนี้ ไม่เบาเลยนะ…สุดเสร่อ
ฟังวาทะปิยบุตรอีกบางช่วง-บางตอนต่อ…..
“หากลองเทียบเคียงคดีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ที่ยื่นเอกสารชี้แจงครั้งสุดท้าย วันที่ ๗ ส.ค. ๖๑
หลังจากนั้น ๒๓ วัน ศาลกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน วันที่ ๒๕ ก.ย. ๖๑ และอ่านคำวินิจฉัย วันที่ ๓๑ ต.ค.๖๑
ดังนั้น หากศาลอนุญาตให้ไต่สวนพยานบุคคลในคดีของนายธนาธร ประมาณสิ้นเดือนก.ค. ศาลจะเริ่มไต่สวนสิ้นเดือนนส.ค. และอ่านคำวินจิฉัยสิ้นเดือนก.ย.นี้
เมื่อเทียบเคียงกัน จึงเป็นไปไม่ได้ ที่คดีจะจบภายในวันสองวัน อย่างน้อยที่สุดคดีนายธนาธร จะอ่านคำวินิจฉัยช่วงปลายเดือนก.ย.นี้
ยืนยันว่า ทีมกฎหมายต่อสู้ครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว ที่ผ่านมา ก็เคยมีกรณีที่ศาลวินิจฉัยทันที เช่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ
แต่กรณีนายดอน เปิดให้ไต่สวนพยานบุคคล อย่างน้อยสุด ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน ต้องเปิดให้คู่ความโต้แย้งอย่างเต็มที่
เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะเดินตามแนวทางที่ผ่านมาในอดีต
ครับ…
ตรงนี้ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ พูดให้ชาวหลงเข้าใจว่าเป็นคดีหุ้นสื่อเหมือนๆกัน ถ้าศาลวินิจฉัยคดีธนาธรเร็ว ก็จะได้อ้างว่า ๒ มาตรฐาน
ซึ่งความจริงไม่ใช่ มันเป็นคนละคดี ต่างมูลฐานกัน และต่างขั้นตอนทางปฏิบัติและทางพิจารณาวินิจฉัยคดี จะนำมาเทียบเคียงในลักษณะนี้ไม่ได้
ก็ด้วย “สันดาน” ก็เช่นนี้แหละ!
อีกอย่างที่น่าทึ่ง……….
“ปิยบุตร-ธนาธร”เป็นคนละคน แต่ปิยบุตรตอบนักข่าวด้วยความรู้สึกของ “ธนาธร” ได้เป็นคุ้ง-เป็นแคว
ลองฟังดู
“……นายธนาธรไม่ได้กังวลใจอะไร ผมรู้จักเขาดี เขาเป็นมนุษย์แห่งการทะลายข้อจำกัด ไม่มีอะไรเป็นข้อจำกัดของนายธนาธรได้ ถ้าว่ากันตรงไปตรงมา ข้อกฎหมายก็ชัดเจน
และถ้าคดีนี้ ต่อสู้เสร็จแล้ว ผมจะรวมเล่มเป็นหนังสือทางนิติศาสตร์ให้ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม
หากยอมงดใช้มาตรา ๑๑๒๙ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก็เท่ากับยอมจับหนูตัวเดียว แล้วทำลายระบบการโอนหุ้นทางธุรกิจของประเทศนี้ทั้งหมดเลย”
ก็ประมาณนี้ ………
พอเห็นตัวตนปิยบุตรชัดยิ่งขึ้นกระมัง ลองพูดดำเป็นขาว-ขาวเป็นดำหน้าตาเฉยแบบนี้ ต้องบอกว่า น่ากลัว กับ น่าขยะแขยง
ไม่รู้จะตรงตัวแบบไหน?
สรุป เรื่องนี้ เมื่อธนาธรยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว
ในขั้นตอนต่อไป ……….
องค์คณะตุลาการศาลฯจะตรวจคำชี้แจง เพื่อกำหนดประเด็น,ลำดับขั้นตอนการพิจารณา,นัดไต่สวน และนัดฟังคำวินิจฉัย คือคำตัดสิน
แต่ถ้าเอกสารพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องสอบพยานหรือเรียกเอกสารเพิ่มเติม
คณะตุลาการศาลฯ ก็จะอภิปราย นำไปสู่การแถลงด้วยวาจา และลงมติ
สรุป “รอศาล” ดีที่สุด ว่าจะสั่งแบบไหน อย่าเพิ่งทึกทักกันไป คิดว่าในอีกไม่กี่วัน น่าจะมีคำสั่งอย่างใด-อย่างหนึ่งจากศาล!
ว่าแต่ธนาธรเหอะ ท่านว่า “กลับ-ไม่กลับ”?
ผมไม่เชื่อปิยบุตร ผมเชื่อนางสาวพรรณิการ์มากกว่า เห็นว่าบังเอิญเธอเดินทางไปเผยแพร่ประชาธิปไตยแถบยุโรปด้วยพอดี
ไว้เธอกลับมา เผื่อเจอธนาธรระหว่างทาง เธออาจได้ข้อมูลใกล้เคียงมาบอก ธนาธรกะครอบครัว”กลับ-ไม่กลับ”
อันที่จริง ระดับธนาธร ลงทุนอยู่ในสหรัฐฯเป็นหมื่น-เป็นแสนล้าน ถือพาสปอร์ตสหรัฐฯ สบายๆ อยู่แล้ว
ฉะนั้น สมมุติไม่กลับ ก็ไม่ใช่เขาหนี หากแต่เขาไปอยู่ประเทศของเขาน่ะ!
จะว่าไปแล้ว ธนาธรไม่อยู่ ไม่น่าเสียดายเท่า “ช่อ” ไม่อยู่ อดดู”แฟชั่น” Miss Tumtum ประจำวีคน่ะซี!
รู้สึกอึดอัด กับพฤติกรรมของบางคนในพรรคอนาคตใหม่ เหมือนกับรู้ทั้งรู้ว่ามีเชื้อโรคร้ายตัวใหม่กำลังคุกคามชีวิตและความเป็นอยู่ แต่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร อึดอัดกับสังคมโซเชียลที่นับวันก็ยิ่งทวีความหยาบคายเข้าใส่คนที่เห็นต่าง เวลาที่อ่านข่าวก็พยายามปลงให้ตก แต่ก็ยังรู้สึกหน่วงหนักอยู่ดี ครั้นจะไม่ติดตามข่าวเลยก็ทำไม่ได้ ไม่อยากปิดหูปิดตา เฮ้ออออ….
ป๋าเปลวรักษาสุขภาพด้วยนะคะ รู้สึกนอนดึกมาก เป็นห่วงค่ะ
เรารักคุณเปลวสีเงิน
ขอบคุณคุณเปลวสีเงิน ให้ความรู้ ชัดเจนและเป็นความจริงที่น่าเชื่อถือ ขอบคุณที่ห่วงใยประเทศชาติ