หยุดเน็ตฟลิกซ์คือทางรอด? – สันต์ สะตอแมน

ผสมโรง

สันต์ สะตอแมน

สี่ซ้าห้าวันก่อน..

เห็นข่าว โรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ได้จำหน่าย “ตั๋วหนัง”แก่คนเข้าดูในราคาเพียง 29 บาทรวดทุกที่นั่ง ทุกเรื่อง ทุกรอบ และทุกโรง..

ไม่เว้นกระทั่ง “โรงไอแมกซ์” ที่ปกติค่าตั๋วจะแพงลิ่ว เลยทำให้คอหนังไทย-เทศ ทั้งได้เฮ ทั้งอึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน

บางคนดูหนังจบ กลับเข้าบ้านระบายความรู้สึกผ่านโซเชียลฯ.. “ไอแม็กซ์ 29 บาท เรามาถึงขั้นนี้แล้ว…ห่อเหี่ยว ถึงเวลาล่มสลายของหนังฉายโรง”

บางราย.. “หรือว่าโลกเรามันจะเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว?”  ด้านแฟนหนังสายวัดท่านหนึ่งคอมเมนต์ว่า.. “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” แต่ไม่ได้ขยายความ ต้องการปลอบหรือให้ปลงในความอนิจจัง!

อีกคนก็ว่า.. “จริงๆ ก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศดูหนังไอแม็กซ์ ธรรมดาก็ไม่ไปดูหนังฉายโรงอยู่แล้ว คนเขาดูหนังใหม่ที่บ้านกัน ที่โรงฉายคือหนังเก่า คนเขียนถึงแต่หนังเน็ตฟลิกซ์แล้วจะเหลือใครอยากไปดูหนังฉายโรง”

หนังเก่าและเล็ก” ความเห็นของอีกคน.. “ตัวอย่างหนังก็มีหนังอย่างกะหนังฉายโทรทัศน์ คือว่ามันไม่น่าสนใจ ไม่น่าดึงดูดให้คนออกจากบ้านกลับไปดูหนังในโรงได้เลย”

ส่วนความเห็นจากผู้กำกับหนังไทยบางท่านก็ว่า.. “การลดราคาตั๋วเหลือ 29 บาท มุมหนึ่งก็มองได้ว่า เป็นการกระตุ้นให้เกิดกระแสดึงคนดูกลับมาหาหนังฉายโรง

แต่ถ้ามองในมุมวิเคราะห์ นี่น่าจะเป็นอะไรที่ส่อถึงสิ่งที่น่าวิตก คืออนาคตของธุรกิจภาพยนตร์ในรูปแบบเดิม มันเดินมาถึงไทม์โซนของมันแล้ว น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงไม่ใกล้ไม่ไกล

อย่างในบ้านเรา จำนวนโรงฉายลดลงแน่ นี่ไม่ต้องพูดถึงการผลิตหนังเพื่อฉายโรง เพราะเหลือบริษัทสร้างอยู่แค่ 2-3 รายเท่านั้น และไม่ได้สร้างแบบเป็นล่ำเป็นสัน  

ซึ่งก็เป็นอาการแบบเดียวกับฮอลลีวู้ด ที่สตูดิโอต่างๆ ย่ำแย่กันหมดแล้ว ดูได้จากการประกาศรายชื่อหนังยอดเยี่ยม 10 เรื่องของ AFI (สถาบันภาพยนตร์อเมริกัน) ประจำปี 2020

ก่อนที่ AMPAS หรือสถาบันศิลปการภาพยนตร์และสรรพวิทยาการ ซึ่งจัดงานรางวัลออสก้าร์ทุกปี จะประกาศรายชื่อหนังโนมินีเข้าชิงออสการ์ มีหนังจากบริษัทอิสระมากกว่าหนังจากบริษัทบิ๊กเนม

ในสิบเรื่องที่ AFI ได้ประกาศให้เป็น “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม”นั้น เป็นหนังของ “เน็ตฟลิกซ์” ถึง 4 เรื่อง มีหนังของบริษัทในกลุ่มเมเจอร์แค่เรื่องเดียวจากวอร์เนอร์ บราเธอร์

 นี่..บ่งบอกว่า อนาคตของหนังฉายโรงกำลังจะเหลือไว้เพียงความทรงจำ โดยจะมีการแพร่ภาพแบบ “สตรีมมิ่ง” เข้ามาแทน

นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยที่จะทำให้หนังฉายโรงกลายตำนาน นั่นคือ “โควิด-19” ซึ่งจากการระบาดทำให้เป็นโอกาสทองของเน็ตฟลิกซ์ในการแทรกเข้าไปแย่งแฟนหนังแฟนละครทั้งจากจอใหญ่และจากทีวี

และไม่เฉพาะแต่โรงหนังที่จะตาย โทรทัศน์ก็มีการคาดหมายกันว่า น่าจะไม่รอดเช่นกัน คือตายให้สตรีมมิ่งหมด และก็เป็นสตรีมมิ่งที่พะยี่ห้อ “เน็ตฟลิกซ์” นี่แหละ”

ครับ..ฟังแล้วก็วังเวง จะหยุดเน็ตฟลิกซ์ได้อย่างไร?

Written By
More from pp
“เราไม่ทิ้งกัน” โครงการรับบริจาคเงินผ่านไทยโพสต์ 3ล้าน 6แสนบาท ถึงลำพะยาแล้ว มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย –ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ สังหาร ชรบ. 15 ศพ  
ลำพะยา จังหวัดยะลา “เราไม่ทิ้งกัน” โครงการรับบริจาคเงินผ่านไทยโพสต์ 3ล้าน 6แสนบาท ถึงลำพะยาแล้ว มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย –ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ สังหาร ชรบ. 15...
Read More
0 replies on “หยุดเน็ตฟลิกซ์คือทางรอด? – สันต์ สะตอแมน”