8 ธ.ค. 63 เวลา 13.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแถลงต่อสื่อมวลชนว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ เพราะทุกคนช่วยกันและทำได้เป็นอย่างดีต่อเนื่อง
จนกระทั่งมีสถานการณ์กลุ่มคนบางกลุ่มลักลอบเข้าสู่ประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากกว่าเดิม เพื่อสามารถติดตามต้นทางผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ว่ามาจากที่ไหน และแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที รัฐบาลก็ต้องเตรียมรับมือซึ่งไม่อยากเหตุการณ์ถึงขั้นชัตดาวน์เกิดขึ้นอีก
นายกรัฐมนตรีกำชับให้มีการตรวจสอบ คัดกรองโรค ในทุกพื้นที่อย่างเข้มงวดทุกระดับ คือ แนวที่ 1 คือแนวชายแดน แนวที่ 2 คือ พื้นที่ตอนในที่ต้องจัดตั้งด่านตรวจ จุดสกัดต่าง ๆ และแนวที่ 3 คือระดับพื้นที่ อาศัยความร่วมมือของประชาชนช่วยกันสังเกตผู้ที่ลักลอบเข้าประเทศไทยแบบผิดปกติ
โดยย้ำว่า สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ใช่การแพร่ระบาดระลอกที่ 2 หรือ Super Spreader เพราะสามารถติดตามผู้ที่ลักลอบเข้ามา ตามมาตรการของสาธารณสุขได้ทุกคน ว่าเดินทางไปไหนบ้างและใกล้ชิดกับใครบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ โดยมอบหมายให้โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวัน
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเดินทางไปยังภาคเหนือเพื่อติดตาม ทำความเข้าใจ ช่วยเหลือภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีการยกเลิกการจองโรงแรมจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ชี้แจงตามข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือคนที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และขอความร่วมมือผู้ที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน ให้เดินทางเข้ากลับเข้าประเทศไทยในช่องทางที่ถูกกฎหมายเพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคัดกรองโรค เพราะถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงและสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ ๆ ประเทศไทยยังไม่ปลอดภัย
จึงอยากให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและคำนึงถึงส่วนรวมด้วย พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคัดกรองโรคอย่างดีที่สุดทั้งช่องทางธรรมชาติและช่องทางปกติ