นายอนุชาบูรพชัยศรีโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพอใจผลตอบรับจากประชาชนในโครงการ ”คนละครึ่ง” ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่บรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งใจไว้
เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 พยุงเศรษฐกิจไทยผ่านการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศช่วยเหลือกลุ่มผู้ค้ารายย่อยโดยเฉพาะหาบเร่แผงลอยร้านโชห่วยร้านขายอาหารและเครื่องดื่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดหรือตลาดนัดเป็นต้น
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 13 พย. 63 มีจำนวนร้านค้าเข้าร่วมโครงการแล้ว 648,372 ร้าน มียอดการใช้จ่ายสะสม 13,481 ล้านบาท แยกเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายเอง 6,869 ล้านบาท และส่วนที่รัฐช่วยจ่าย 6,612 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังศึกษาข้อมูล เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการเตรียมจัดทำโครงการ“คนละครึ่ง” เฟส 2 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และช่วยเหลือกลุ่มผู้ค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ และการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายอีกด้วย
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการ “คนละครึ่ง” นอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการที่ช่วยให้ประชาชนได้เกิดการเรียนรู้การใช้แอปพลิเคชั่นทางการเงิน ทั้งในฝั่งของผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าสู่สังคมไร้เงินสดของไทยในอนาคต อีกทั้งเป็นแนวทางสำคัญในการนำข้อมูลไปพัฒนาระบบ National e-Commerce Platform ของประเทศไทยได้อีกด้วย”