ผักกาดหอม
วิปริตเข้าไปทุกที
สังคมประชาธิปไตยไทยนับวันยิ่งเลวลง
กำลังจะกลายเป็นอนาธิปไตย
โดยพวกที่บอกว่าตัวเองคือฝ่ายประชาธิปไตย สร้างขบวนการล่าแม่มดที่เข้มข้นเป็นประวัติการณ์
โชว์ลิสต์รายชื่อดารา-นักร้อง-เซเลบ ที่เคยชุมนุมต้านพระราชกำหนดนิรโทษกรรมยกเข่ง-นิรโทษโกงยกแก๊ง ร่วมกับกปปส.
ใครคิดต่าง….ก็ล่าไปถึงโคตร
เช่นที่ลามไปถึง “แม่” ของ ม้า-อรนภา
ถ้านี่คืออนาคตที่ต้องการ ก็คงจะเป็นอนาคตแห่งความสูญสิ้น และสิ้นหวัง เพราะคือสังคมที่แยกดี เลว ควร ไม่ควร ไม่ออก
ที่พูดถึง “ยุวชนเรดการ์ด” กันก่อนนี้…วันนี้ชักจะเข้าเค้า
คนรุ่นใหม่ถอยหลังไปสู่ยุค “เหมาอิสต์” โดยไม่รู้ตัว
พฤติกรรมการแสดงออกในวันนี้ เริ่มจะแน่ชัดแล้วว่า มีความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยแบบผิดๆ หรือไม่ก็พยายามสร้างรูปแบบการปกครองใหม่ขึ้นมา บนพื้นฐาน ความคับแคบในเสรีภาพ
ถ้าไม่รู้ ก็ทำความเข้าใจกันเสียใหม่
กปปส. ไม่ใช่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”
ดูจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้ส.ส.เพียง ๕ ที่นั่ง
กปปส.ไม่ใช่คนที่สนับสนุนให้มีการรัฐประหาร แต่เห็นว่าการเข้ามาของทหาร อาจนำไปสู่การปฏิรูปประเทศได้
ซึ่งต้องยอมรับความจริงประการหนึ่งว่านี่คือความผิดหวังครั้งใหญ่ของ กปปส. ที่คสช.ไม่สามารถนำพาไปสู่ความฝันนี้ได้
กปปส.คือกลุ่มคนที่ต่อต้าน พระราชกำหนดนิรโทษกรรรมเหมาเข่งให้คนโกง
กปปส.คือกลุ่มคนที่ต่อต้านคอร์รัปชั่นในระบอบทักษิณ
และกปปส. คือกลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ดารา-นักร้อง-เซเลบ หลายร้อยคนร่วมอยู่ในกปปส. ต่างก็มีอุดมการณ์ข้างต้นนี้
แล้วผิดอะไร?
จะบอกว่า มวลชนที่เรียกตัวเองว่า กปปส. นั้น ยังอยู่ และอยู่ในทุกที่
และวันนี้บางคนกำลังถูกไล่ล่าจาก กลุ่มคนที่บอกว่าตัวเองคือฝ่ายประชาธิปไตย
ที่ผ่านมาในทิศทางกลับกัน การล่าแม่มด เกิดขึ้นมาแล้วนับไม่ถ้วนจากทั้ง ๒ ฝั่ง แต่ไม่ได้รุนแรง บ้าคลั่ง เช่นครั้งนี้
มีการนำเข้าความขัดแย้งจากต่างประเทศ ชี้เป้าให้กับคนที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังมีพฤติกรรมเฉียด “ยุวชนเรดการ์ด” เข้าไปทุกที ไปไล่ล่ากันต่อ
ประชาธิปไตยที่ยอมรับความเห็นต่างไม่ได้ บังอาจเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้อย่างไร
ไม่ใช่ยั่วยุให้ตีกัน แต่การที่กลุ่มนักศึกษา เยาวชน จัดชุมนุมไปพร้อมกับการไล่ล่าคนเห็นต่าง ก็ควรระวัง ถึงเวลามวลชนอีกฝั่งลุกขึ้นมา
มันจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ที่ใครก็ไม่อยากให้เกิด อาจเกิดขึ้นได้
แต่ที่มันบัดซบ! คือมีผู้ใหญ่ถือหางให้เด็กไปไล่ล่าคนเห็นต่าง
ทั้งนักการเมืองชั่ว นักวิชาการเลว ไม่เคยคิดจะปรามเด็ก ว่าอะไรควร ไม่ควร
บางคนกลับยุยงส่งเสริม
ยังมีองค์กรระหว่างประเทศเข้าผสมโรงอีกต่างหาก
และองค์กรเอ็งซวยเหล่านี้ แสดงบทบาทที่ชัดเจนมาตลอด อ้างสิทธิมนุษยชนเพื่อคนกลุ่มเดียว คือกลุ่มที่ตัวเองสนับสนุน
บังเอิญอยากรู้ว่า ว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีหน้าที่ทำอะไรกันแน่
เพราะชอบโผล่มาเผือก แล้วนำเรื่องราวไปขยายความ จนกลายเป็นความขัดเแย้งทางการเมืองให้คนตีกันเสมอมา
เรื่องคือว่า นั่งดูมาสอง สามวัน เหล่าดารา นักร้อง และเซเลบ ถูกจองกฐิน ไล่ล่าโดยมีชุดคำสั่งจาก คนเลวที่ต่างประเทศ
คอยชี้เป้าอย่างหยาบคายผิดมนุษย์ ว่าใครคือเหยื่อรายต่อไป
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ไม่ออกมาเทกแอ็กชั่นสักแอะ
ทั้งๆที่เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนโดยตรง
เว็บไซด์ https://www.amnesty.or.th/about-us/ ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย อธิบาย เอาไว้แบบนี้
—————-
แอมเนสตี้คือใคร?
แอมเนสตี้ หรือชื่อเต็มๆ ว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล คือกลุ่มคนธรรมดาๆ ทั่วโลกมากกว่า ๗ ล้านคนที่รวมตัวกันเพื่อรณรงค์ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
เราเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนที่ถูกละเมิดสิทธิ ร่วมมือกับรัฐเพื่อผลักดันกฎหมายและนโยบายที่คุ้มครอง ไปจนถึงสร้างความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชนให้กับเยาวชนและคนในสังคม
แอมเนสตี้เชื่อว่าแม้คนเราจะเกิดมามีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมไม่เท่ากัน แต่ทุกคนมีสิทธิมีเสียงในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเท่าๆ กัน
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล คือกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวรณรงค์เพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า ๓ ล้านคนใน ๑๕๐ ประเทศทั่วโลกและดินแดน
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นองค์กรที่ปกครองตนเองแบบประชาธิปไตย โดยมีวัตถุประสงค์เพียงประการเดียวคือการได้รับความมั่นใจว่าสิทธิมนุษยชนจะได้รับการเคารพและคุ้มครอง
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมุ่งทำงานเพื่อพัฒนากระบวนการและวัฒนธรรมสิทธิมนุษยชนในสังคมโดยทำงานผ่านการรณรงค์ กิจกรรมแสดงเอกภาพในระดับสากล และสิทธิมนุษยชนศึกษา
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นองค์กรอิสระไม่ฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา หรือลัทธิใด
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำกิจกรรมรณรงค์อันมีรากฐานมาจากการทำงานวิจัย รณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชน รณรงค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมที่เป็นธรรม การปฏิรูปกฎหมาย การปล่อยตัวนักโทษและผู้ที่ถูกกักขังโดยไม่ชอบธรรม ปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ถูกคุกคาม ช่วยเหลือผู้ลี้ภัย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำการรณรงค์โดยการเขียนจดหมาย ปฏิบัติการเร่งด่วนและประสานงานกับสื่อนานาชาติ รวมถึงการรณรงค์กับรัฐบาลและองค์กรภายในของรัฐเพื่อให้การรับรองรัฐธรรมนูญ สนธิสัญญาและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน นอกเหนือจากากรทำงานด้านสิทธิทางพลเมืองและการเมือง
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ขยายการทำงานไปสู่ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยมีความเชื่อมั่นว่าการเคารพ ปกป้อง ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนจะนำมาซึ่งการลดลงของปัญหาความยากจนและนำมาซึ่งความเสมอภาคและความยุติธรรม
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เริ่มดำเนินงานในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ และได้จดทะเบียนองค์กรเป็น “สมาคมเพื่อองค์การนิรโทษกรรมสากล” เมื่อปี ๒๕๔๖ ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยประสานความร่วมมือกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนองค์กรอิสระต่างๆ
—————-
หรูหราหมาเห่า!
ขณะที่ “ม้า-อรนภา” ถูกละเมิดยัน “แม่”
ดาราอีกหลายคนอยู่อย่างหวาดผวา เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ ยุวชนเรดการ์ด จะรุมสกรัมตามคำสั่ง เพียงแค่มีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง
อาจต้องตกงาน ปิดธุรกิจ
แต่ แอมเนสตี้ ที่บอกว่าตัวเองเป็นเผ่าพันธุ์ ที่มีหน้าที่เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนที่ถูกละเมิดสิทธิ กลับนิ่งเฉย
ไม่รู้ไปหดหัวอยู่ที่ไหน
หรือจะตีความว่า การล่าแม่มดครั้งนี้ ไม่ใช่การละเมิดสิทธิ
น่าหัวร่อ ที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เคลมว่า ตัวเองเป็นองค์กรอิสระไม่ฝักใฝ่อุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา หรือลัทธิใด
แต่เท่าที่เห็น ร่วมหัวจมท้ายอยู่กับม็อบฝั่งเดียวมาตลอด
ก็ไม่น่าแปลกหากประชาชนอีกฝ่ายจะถูกแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมองว่าอยู่คนละขั้วการเมืองกัน
ฉะนั้น อย่าบังอาจอ้างว่าตัวเองเป็นองค์กรที่ปกครองตนเองแบบประชาธิปไตย
ต้องเติมคำว่า “เลือกข้าง” เข้าไปด้วย
เอาเป็นว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนกำมะลอมีให้พบเห็นเกลื่อน
ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแทรกแซงการเมืองในประเทศต่างๆ ตามใบสั่ง!
ใครสั่ง?
จะเกี่ยวหรือเปล่าไม่รู้? ลองช่วยกันสืบที
ที่นักกิจกรรมการเมืองในไทย ออกมาแฉกันเองว่ารับเงินเอ็นจีโอ และสถานทูตต่างประเทศ มาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น เป็นเอ็นจีโอกลุ่มไหน
และสถานทูตประเทศอะไร
เผื่อเจอต้นตอ
จะได้เลิกเลวหลบในกันเสียที.