หุ่นกระบอก……….
“คณะสามสัส” เสนอตอน “อวตารนิสิต-นักศึกษา” กำลังขึ้นอืด
เปลี่ยนโปรแกรมซะและ
เป็นตอน “ขาสั้น-คอซอง” คะนองนิ้วหน้าเสาธง!
บรรดาผู้ปกครอง เมื่อเห็นนิสิต-นักศึกษา-นักเรียน ที่เป็นทายาทประเทศ “เพี้ยน” ไปเช่นนี้ ต่างกลุ้มใจ
และบ่น………
“อนาคตข้างหน้า ในน้ำมือรุ่นใหม่ เห็นที “ชาติ-ศาสนา-สถาบันพระมหากษัตริย์” ในความเป็นเอกราชดำรง จะแปรเปลี่ยนเป็นอื่นเป็นแน่แท้”!?
ก็เข้าใจความรู้สึกคนรุ่นพ่อ-รุ่นแม่ และทำให้นึกย้อนไปเมื่อ ๘๔๕ ปีโพ้น
เมื่อ “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์พระร่วง สถาปนาอาณาจักรสุโขทัย นับเนื่องเป็น “ปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย”
เหล่า “โคตรเหง้าเหล่ากอ” แต่ละเราๆสืบสายรากแตกหน่อ ขยายมาถึง “อาณาจักรกรุงศรีอยุธยา-อาณาจักรกรุงธนบุรี”
ตราบถึง อาณาจักรกรุงรัตนโกสินทร์ คือ “ราชอาณาจักรไทย” ปัจจุบันนี้
แต่ละพระองค์ท่านและแต่ละบรรพบุรุษอันเป็นโคตรเหง้า คือเหล่าท่านผู้เหนือเศียรเกล้าเหล่านั้น
แต่ละกาล, แต่ละยุค, แต่ละสมัย ที่เวียนผ่าน ในแต่ละ “รุ่นใหม่” เหล่าท่าน เมื่อมองความเป็นไปในแต่ละคิด-แต่ละทำของพวกเขาวันนั้นแล้ว
จิตแต่ละท่าน ก็คงห่วง อย่างที่ รุ่นพ่อ-รุ่นแม่-รุ่นพี่ ห่วง “รุ่นใหม่” ในวันนี้เช่นกัน
แต่…….
จากวันนั้น-ถึงวันนี้ รุ่นใหม่ จากรุ่น-สู่รุ่น นับแล้วกี่พันรุ่นก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่า จาก พศ.๑๗๘๑ จนถึง พศ.๒๕๖๓ เป็นกาลเวลา ๘๔๕ ปี
ในหมื่นเปลี่ยน-ล้านแปลง ไม่ว่าจะเปลี่ยน-จะแปลงกันไปทางไหน-อย่างไร-ขนาดไหน
“กระพี้” เปลี่ยน
แต่แกนกลาง “ชาติ-ศาสนา-สถาบันพระมหากษัตริย์” ไม่ว่าใหม่เมื่อ ๘๐๐ กว่าปี หรือใหม่พศ.นี้
ปากก็พูดไป แต่ใจ สืบสายจากวิญญานไทย เอาเข้าจริง
ไม่มีรุ่นไหน-ยุคไหน “เปลี่ยนแกน” ประเทศไปเป็นอื่นได้เลย
ที่ผมบอกว่าไม่มี เพราะ…..
ลงมือปั๊บ “ฉิบหาย-ตายโหง” ปุ๊บ ไปก่อนทุกราย ที่โชคดีหน่อย ก็พิกล-พิการ หรือไม่ก็ ได้อยู่คุก หรือกระเสือก-กระสน ไปเป็นสัมภเวสี อยู่ต่างต่างด้าว-ต่างแดน!
หุ่นกระบอก “รุ่นใหม่” ที่คึกขนตอนนี้เหมือนกัน อยู่ในช่วงไวรัสประจำวัย คือไวรัส “อุปาทานหมู่” ระบาดใส่
มันเป็น “ไวรัสประจำวัย”
ใคร..โรงเรียนไหน มหา’ลัยไหน ไม่ชู ๓ นิ้ว ไม่โพสต์ ไม่ไลน์ ไม่ทวีต “ชังชาติ-ชังสถาบัน” ตามเทรนด์กันไป
จะเป็น “รุ่นใหม่หัวเน่า” ทันที
ทั้งเชย ทั้งไม่เท่ สาวไม่กรี๊ด หนุ่มไม่ตามเหล่ ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม เป็นวัยรุ่นหลังเขาอยู่คนเดียว
แถมถูก “ครู-อาจารย์” เขม่น ……
เปิดชั้นเรียนให้คณะสามสัสเข้ามาเป่าหัว-ล้างสมอง ต่อเนื่องตั้ง ๒-๓ ปี คนอื่นเขาซึมโรค ๓ นิ้วกันหมด มึงคนเดียวไม่เข้ากระโหลก
เนี่ย แบบนี้ ผู้ปกครองลองนึกซิ เคยได้ยินลูกๆ กลับจากโรงเรียน แล้วมาปรับทุกข์มั้ยว่า
“แม่..แม่ หนูไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเลย” หรือไม่ก็ “แม่..แม่ เพื่อนๆเ ขาไม่ให้หนูเล่นด้วย!?
ที่โตระดับขนอ่อนระบัด จะตรงข้าม ในขณะที่พ่อแม่ เห็นลูก “ยิ่งโต ยิ่งห่วง” แต่ลูกๆ “ยิ่งโต ยิ่งหนีห่าง”
ที่เห็นเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่ใช่แอบฝึกสมาธิ หากแต่แอบแชต ไลน์ ทวีต กับเพื่อน กับแฟน กลุ่มสังคม “โรคอุปาทานหมู่”
นี่คือโลก “คนรุ่นใหม่” วัยระบัด
ยึดเพื่อน ยึดครู-อาจารย์ ยึดกลุ่มสังคม ที่ยุคนี้ ส้องเสพ-สั่งการ-ควบคุม-เชื่อมต่อกันด้วย “สื่อสารทางอินเทอร์เน็ต” เป็นสรณะ
อีกซัก ๑๕-๒๐ ปี รุ่นใหม่พันธุ์ ๓ นิ้ว ที่เย้วๆ “ล้มชาติ-ล้มสถาบัน” วันนี้ พ้นรั้วมหาลัย สู่โลกเป็นจริง ที่ต้อง “ต่อสู้-แข่งขัน” เพื่อดำรงชีวิต-วิถี-สถานะ-อาชีพ ด้วยลำแข้งตัวเอง
“โลกเป็นจริง” จะเซตโปรแกรมสมองตอบโจทย์ “ชีวิตเป็นจริง” ให้เขาเอง เมื่อการผสมพันธุ์เป็นครอบครัว มีลูกเต้าเป็นผลิตผลสังคมต่อเนื่องออกมา
แล้วตอนนั้น….
รุ่นใหม่ ที่เขยิบเป็นรุ่นพ่อ-รุ่นแม่ ก็จะบ่นและเป็นทุกข์ อย่างที่เราเป็นกันตอนนี้ ว่าอนาคตประเทศ จะเป็นอย่างไร
ในเมื่อลูกหลานเขาตอนนั้น ถูก “โรคอุปาทานหมู่” ระบาดใส่
รุ่นพ่อ-รุ่นแม่ ชู ๓ นิ้ว แล้วรุ่นลูกเขา จะเอาอะไรชู รุ่นใหม่ที่อัพเกรดเป็นรุ่นกลางเก่า ก็จะอกไหม้-ไส้ขม เป็นกรรมสนองเวรกันบ้าง
ถามว่า ถ้างั้น เราก็ปล่อยผ่านแต่ละวันไปตามแต่ละวัยอย่างนี้ โดยไม่ต้องแก้ไขอะไรเลยน่ะหรือ?
สำหรับผม คำตอบมีว่า…..
ไม่ต้องแก้ แต่ต้อง “บริหารปัญหา”!
ต้องตีโจทย์ให้แตก ขั้นแรก สมมติกรณีนี้เป็นสงคราม รัฐบาลต้องค้นให้พบก่อนออกไปสู้รบตบมือ ว่า
ใครคือศัตรูตัวจริง ที่ยกทัพมาประชิดติดหน้าด่าน?
ใครคือตัวแม่ทัพ-นายกอง ที่คุมรี้พลสกลไกรมาทำศึก?
เขาใช้อะไรเป็น “อาวุธหลัก” ในการชิงชัย?
นิสิต-นักศึกษา-นักเรียน นั่นเป็นแค่ปลายเหตุ เป็นกองหลอนที่เขาแต่งออกมาหลอกล่อหน้าค่ายเท่านั้น
ฉะนั้น อย่าหลงออกไปรบกับ “กองหลอน”!
“รุ่นใหม่” ไม่ได้หมายถึง “นิสิต-นักศึกษา-นักเรียน”
“ทาสมือถือ” คือมนุษย์ที่ตกอยู่ภายใต้ควบคุม-สั่งการผ่านสื่อสารอินเทอร์เนต จะในรูปแบบ ทวีต สไกป์ ไลน์ เฟซบุ๊กส์ อะไรก็ตามแต่
นี่คือ “รุ่นใหม่” เครื่องมือกลืนชาติ-ล้มสถาบัน ที่ขบวนการบนสุด ควบคุม-สั่งการผ่านลงมา ปรากฎในรูปแบบแฟลชม็อบบ้าง รูปแบบ “ใจสั่ง” มากันเองบ้าง ไม่มีใครเป็นแกน เป็นตัวนำ
ความจริง มีตัวแกน-ตัวนำ “สั่งการ-ควบคุม” ผ่าน “การสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต” ทุกระยะ!
แล้วใครคือ “ตัวแกน-ตัวการ”?
ครู-อาจารย์มหา’ลัย ไอ้พวกนักการเมืองโหนไข่-ตอมแคมเด็ก ก็ไม่ใช่
แค่ “ตัวกลาง” แทะศพ-แทะซาก เก็บเกี่ยวผลประโยชน์
แล้วใครล่ะ…ตัวการ?
“คณะสามสัส” นั่นก็แค่ตัว”รองท็อป” ยังไม่ใช่ “ตัวท็อป” ในขบวนการป่วนชาติ-จ้องล้มสถาบัน
“ตัวการ” จริงๆ ก็รู้กันอยู่กับใจ แต่จับต้องลักษณะ “จับเป็น-เค้นตาย” มันไม่ได้เท่านั้น
ที่ “จับเป็น” ได้ แต่ยัง “เค้นตาย” ไม่ได้ เห็นๆ ก็คณะสามสัสนี่ละ รับคำสั่งมา “ควบคุม-สั่งการ” ตั้งแต่ระดับครู-อาจารย์ไปถึงนิสิต-นักศึกษา-นักเรียน ผ่านการสื่อสารอินเทอร์เน็ต
“อาวุธหลัก” ที่ทำให้การศึกดูเหมือนการ “ตั้งรุก” ของคณะสามสัส “เป็นต่อ”
คือการใช้ “สื่อสารอินเทอร์เน็ต” ได้มีประสิทธิภาพ “คุ้มค่า” กับการลงทุนตั้งทีมปั่นยอดแฮชแท็ก และการสร้างข่าว-สร้างกระแสนำทิศ
ทำเอาภาครัฐ ไม่ว่าตำรวจ-ทหาร-ข้าราชการ กลายเป็น “ตัวเซ่อ” ไปเลย ในสนามสงครามไอที
กระทั่งรัฐบาลเอง ขนาดมีกระทรวงดิจิทัล มีหน่วยข่าวกรอง มีหน่วยความมั่นคง ดูแล้ว อยู่สภาพ “ตั้งรับ”!
อะไรก็ตาม “การตั้งรับ” มีแค่ เสมอ ๔๐ แพ้ ๖๐
แต่ “การตั้งรุก” จะมีโอกาสชนะ ๕๐ เสมอ ๕๐ ไม่มีแพ้!
นั่นก็คือ………
เวลานี้ ประเทศ คือรัฐบาล ไม่ได้รบอยู่กับกองทัพสามสัส และกองหลอนของสามสัสโดยตรง หากแต่ตกอยู่ในหล่มกระสุน “กองทัพไซเบอร์”!
ระบบเครือข่ายและสังคมเครือข่ายเวิลด์ไวด์ ระบบอินเทอร์เน็ต และข้อมูลประมวลผลทั้งที่ถูกสร้างขึ้น ทั้งที่เสริมแต่งจากที่เป็นจริง
สหรัฐฯ-รัสเซีย ขึ้นไปตั้ง “กองทัพอวกาศ” กันแล้ว
จีนส่งดาวเทียมระบบนำทางทั่วโลก ไม่ต้องพึ่งระบบนำทาง GPS ของสหรัฐฯ แล้ว ต่อไปจีนก็ไม่ต้องใช้ระบบข้อมูลกูเกิล
เรียกว่า โลกขณะนี้ ขณะต่อไป สู้รบกันด้วยระบบ “ไซเบอร์เนติกส์” เต็มรูปแบบแล้ว!
ไทยเรายังมะงุมมะงาหราอยู่มาก มีกระทรวงดิจิทัล แต่เหมือน “กระทรวงแก้บน” สาละวนสู้รบเงา เข้าไม่ถึงคำว่า “ไซเบอร์” เท่าที่ควร
รัฐบาลต้องตระหนักถึง “ภัยคุกคามทางไซเบอร์”
และถึงยุคต้องประยุกต์…….
“กลาโหม-มหาดไทย-ศึกษา-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-หน่วยข่าวกรอง-สภาความมั่นคง” และ “กระทรวงดิจิทัล”
ทั้งหมดนั้น รวมเป็น “เครือข่ายเดียวกัน” และต้องระดมทรัพยากรบุคคลชำนาญเฉพาะ “ตั้งองค์กรพิเศษ” นอกเหนือข้าราชการประจำ
ปฏิวัติควบรวมข้อมูลกระทรวง, หน่วยงานนั้นๆ รื้อ ล้าง จัดระบบเป็นองค์กรใหม่ สร้างวิสัยทัศน์ใหม่ ไม่เช่นนั้น รับมือ “ภัยคุกคามทางไซเบอร์” ไม่อยู่
รุ่นใหม่ ไม่สำคัญเท่า “ยุคใหม่”
ยุคใหม่ อุมศึกษาประเภทมานุษยวิทยา-สังคมศึกษา มันไร้สาระ ต้องปรับเปลี่ยนไปทางอาชีวะสร้างชาติ
มนุษย์มี ๕ นิ้ว….
เรียนมนุษย์-เรียนสังคม เรียนไป-เรียนมา จาก ๕ นิ้ว เหลือ ๓ นิ้ว ทั้งศิษย์ ทั้งอาจารย์ เฮ้อ!
ขอบคุณภาพจาก FB ธนวัฒน์ วงค์ไชย
เพิ่มช่องทางรับข่าวสารได้ที่ LineID:plewseengern.com หรือสแกน QR Code