จ้องคอมฯ นาน เคืองตา ตาพร่ามัว ปัญหาในกลุ่มอาการ Computer Vision Syndrome  

ปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟนต่างก็เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก  ทำให้หลายคนที่นั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์ติดกันเป็นเวลานานอาจเกิดอาการปวดเมื่อยตา ตาแห้ง แสบตา เคืองตา ตาพร่ามัว ซึ่งอาจบ่งบอกว่ากำลังเสี่ยงกับกลุ่มอาการที่เรียกว่า Computer Vision Syndrome (CVS)

กลุ่มอาการนี้ แม้ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อดวงตาหรือการมองเห็น แต่มักทำให้เกิดความไม่สบายตา และอาจเป็นปัญหารบกวนการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันได้

พญ.วีรยา พิมลรัฐ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า Computer Vision Syndrome (CVS) คือ กลุ่มอาการทางตาที่เกิดจากการใช้สายตากับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาในการใช้งานและจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง มีการศึกษาพบว่า ประมาณ 90% ของผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน จะมีอาการ Computer Vision Syndrome อย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจเป็นร่วมกันจนส่งผลกระทบกับคุณภาพชีวิตในแต่ละวัน โดยลักษณะของกลุ่มอาการ CVS มีดังนี้  ปวดเมื่อยตา  ตาแห้ง  แสบตา  เคืองตา  ตาพร่ามัว  โฟกัสได้ช้าลง  ตาสู้แสงไม่ได้  ปวดกระบอกตา  ปวดศีรษะ หรือบางครั้งอาจมีอาการปวดหลัง ไหล่ หรือต้นคอร่วมด้วย

นอกจากอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ก็ส่งผลให้มีโอกาสที่จะเกิดความไม่สบายดวงตาเกิดขึ้นได้ เช่น 1.ขณะจดจ่อกับการอ่านหนังสือหรือจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ จะมีการกระพริบตาน้อยลง ทำให้เกิดอาการตาแห้งง่ายขึ้น 2.แสงสว่างภายในห้องไม่เหมาะสม 3.มีแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ 4.การที่ตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ไม่เรียบคมชัดเท่าตัวพิมพ์บนหน้าหนังสือ หรือมีความไม่นิ่งของสัญญาณในจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องพยายามใช้สายตาโฟกัสเพิ่มมากขึ้นจึงก่อให้เกิดอาการตาเมื่อยล้าได้ง่าย 5.ระยะห่างจากหน้าจอถึงตัวเรา 6.ระดับสายตาในการมองจอคอมพิวเตอร์ และ 7.ท่าทางในการในการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม

การป้องกัน Computer Vision Syndrome (CVS) สามารถทำได้โดย

 1.) ปรับระดับการมองระหว่างจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ปรับท่านั่งในการทำงานให้เหมาะสม จุดศูนย์กลางของจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ห่างจากตาประมาณ 20 – 28 นิ้ว โดยแป้นพิมพ์ควรวางอยู่ระดับต่ำกว่าจอ ให้ข้อมือและแขนขนานไปกับพื้น ข้อศอกตั้งฉาก ไม่อยู่ในลักษณะเอื้อมไปข้างหน้า ปรับระดับเก้าอี้ โดยให้ฝ่าเท้าวางราบไปกับพื้น เข่าตั้งฉาก ต้นขาขนานกับพื้น อาจมีที่วางข้อศอกและแขนเพื่อลดอาการเมื่อยล้าที่หัวไหล่ แขน และข้อมือ เอกสารสิ่งพิมพ์หรือหนังสือควรวางอยู่ในระดับและระยะเดียวกับจอ เพื่อจะได้ไม่ต้องขยับหรือหันศีรษะ และเปลี่ยนการปรับโฟกัสมากเกินไป

2.) ปรับแสงสว่างจากภายนอก และจากจอคอมพิวเตอร์ ควรปิดม่านหน้าต่าง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีแสงแดดหรือแสงสว่างจากภายนอกส่องกระทบกับจอคอมพิวเตอร์ แสงภายในห้องทำงานที่สว่างเกินไป จะก่อให้เกิดแสงสะท้อนที่จอได้ง่าย ทำให้รู้สึกไม่สบายตาได้ หรืออาจใช้แผ่นกันแสงสะท้อนติดหน้าจอภาพ ปรับความสว่างของหน้าจอและความแตกต่างของสีระหว่างพื้นจอและตัวอักษรให้มองเห็นได้คมชัดและสบายตาที่สุด


3.) พักสายตาระหว่างการทำงาน เมื่อใช้สายตาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 20 นาที ควรละสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์และมองออกไปให้ไกลประมาณ 20 วินาที ทุกๆ  ชั่วโมง ควรพักสายตาหรือลุกจากโต๊ะทำงานเพื่อเป็นการผ่อนคลายอย่างน้อย 15 – 20 นาที 

4.) กระพริบตาบ่อยขึ้น หรืออาจหยอดน้ำตาเทียม เพื่อช่วยลดอาการตาแห้งและช่วยให้สบายตาขึ้น 5.) ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวัดสายตา หรือความผิดปกติของดวงตาที่อาจเกิดขึ้นได้

ในคนทุกช่วงวัยอาจมีความผิดปกติทางสายตาที่แตกต่างกัน การตรวจคัดกรองดวงตาไม่เพียงช่วยให้ค้นพบความผิดปกติของดวงตาในระยะเริ่มแรก แต่ยังช่วยให้ค้นพบโรคเกี่ยวกับดวงตาในขณะที่ยังไม่แสดงอาการ หรือการเข้ารับคำปรึกษากับจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ จะช่วยให้เราดูแลดวงตาคู่สำคัญได้อย่างดี และช่วยให้มองเห็นโลกได้ชัดเจนไปอีกนาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์จักษุกรุงเทพ โทร.0-2310 3007,0-2755 1007 หรือโทร. 1719

Written By
More from pp
นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง สานต่อบทบาทโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ จากการเป็นเจ้าภาพเอเปกปี 2565
11 พฤศจิกายน 2566  นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ (12 พฤศจิกายน 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน...
Read More
0 replies on “จ้องคอมฯ นาน เคืองตา ตาพร่ามัว ปัญหาในกลุ่มอาการ Computer Vision Syndrome  ”