ผมทึ่ง………
ความพยายาม “ปลัดฯสุขุม” กับ “หมอเกรียงศักดิ์” แฮะ!
ปี ๒๕๖๑ หมอสุขุมขึ้นเป็น “ปลัดสาธารณสุข” ปุ๊บ
ออกคำสั่งย้ายสลับปั๊บ
ให้หมอชาญชัย ลุกจากเก้าอี้ผอ.รพ.ขอนแก่น ไปอยู่ที่รพ.พระปกเกล้า จันทบุรีแล้วดึงหมอเกรียงศักดิ์ จากจันทบุรี ไปนั่งแทนในเก้าอี้ผอ.รพ.ที่ขอนแก่น ท่ามกลางการ “ไม่ต้อนรับ” ของบุคลากรทางการแพทย์ที่นั่น
อยู่ได้แค่ ๒ อาทิตย์
รัฐมนตรีสาธารณสุข ขณะนั้น “หมอปิยะสกล” ต้องเข้ามาสยบปัญหา “ปฐมกรรม” ของปลัดฯ ปากแดง
ให้เอาหมอเกรียงคืนพระปกเกล้าไป แล้วเอาหมอชาญชัยกลับมาขอนแก่นตามเดิม
แผ่นดินโรงพยาบาลขอนแก่น กลับสงบร่มเย็นแต่นั้นมา
กาลล่วงถึง มิย.๖๓
๓ เดือน ก่อนถึงเดือนกันยา.วาระ “เกษียณ” ปลัดฯสุขุม รวบรวมพลังอำนาจขุมสุดท้าย อาศัยเหตุแห่งบัตรสนเท่ห์ สร้างทุติยกรรม ตั้งข้อหาฉกาจ “หมอชาญชัย” ฉ้อราษฏร์บังหลวง ย้ายไปรอป้ายประหารในกระทรวง
แล้วให้หมอเกรียง “เจ้าเก่า”
เหาะข้ามภาค-ข้ามเขตจากจันทบุรี ไปนั่งรักษาการเก้าอี้ผอ.รพ.ขอนแก่น เป็นคำรบ ๒!
“ฟ้าดินไม่เป็นใจ” ยังพอจะไหว้วอน แต่การที่บุคลากรทางการแพทย์รพ.ขอนแก่นไม่เป็นใจ ระแวงในความไม่ชอบมาพากล ในการมาของคนคนนี้ นี่ซี
แม้ “อำนาจเหนือ” เป็นใจ ในเมื่อบุคลากรแพทย์ต่อต้าน ไม่ต้องการ
ทั้งสังคมภายนอกเริ่มแคลงใจ……..
เมื่อรู้ไส้ว่า ใต้เสื้อกาวน์ขาวสะอาด ในวงการแพทย์สาธารณสุข มีนอก-มีใน ว่าด้วย “เงินทอน ๕%” บริษัทยา
จากไฟไหม้รพ.ขอนแก่นที่เดียว
“เงินทอน ๕%” เป็นไฟลามไปทุกโรงพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุขเอง ใช่ว่าจะรอด!
ระดับบริหารกระทรวง ตกใจ แทนใช้น้ำยาดับไฟ กลับสาดน้ำมันใส่ สักว่ามีอำนาจ ลนลานสั่งสอบ เงินทอน ๕% บริษัทยา กับทุกโรงพยาบาล ร่วม ๒๐๐ โรงพยาบาล
ไม่ติดคุกโดยสุจริต ก็ต้องย้ายกันหมดทุกโรงพยาบาลแหละ แบบนี้
ถ้าวันไหน กางกฎหมาย-กฎระเบียบ เข้าจับการทำงานของคนในระบบราชการ ไม่มีใครเหลือ เผลอๆ ผู้กางกฎหมายเองก็ไม่รอด!
คือ “กฎหมาย-กฎระเบียบ” มากมาย
สักแต่ว่ามีอำนาจออก ก็ออกกันไป โดยไม่คำนึงด้านปฏิบัติว่า ที่ออกๆ ไปนั้น ขัดแย้งหรือสอดคล้องกับโลกและสังคมเป็นจริง
ทั้งมาก-ต่อมาก บัญญัติไว้แบบคลุมจักรวาล เป็นช่องให้ “ตีความใช้” แบบพวกใคร-พวกมัน ในทางคุณและโทษ
กรณีนี้ รูปการณ์ ปลัดฯ แค่จะทิ้งทวน
เรื่องบานกลายเป็นจุดไฟเผากระทรวง-เผาโรงพยาบาล ทั้งแพทย์-พยาบาล จะพลอยถูกไฟคลอกตายโดยไม่รู้เรื่อง-รู้ราวไปด้วย
ทำไงดีล่ะ…ตานี้!?
เมื่อวาน (๑๕ มิย.) จึงเห็น หมอเกรียงศักดิ์เรียกนักข่าวมาแล้วตั้งโต๊ะแถลงที่รพ.ขอนแก่น
“…….ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า
การ “ขอถอนตัว” จากรักษาการในตำแหน่ง “ผอ.โรงพยาบาลขอนแก่น” น่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เพื่อให้การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลขอนแก่น คลี่คลายเดินหน้าได้โดยเร็ว
ผมพร้อมและยินดีกลับไปปฏิบัติหน้าที่ “ผอ.โรงพยาบาลพระปกเกล้า” จังหวัดจันทบุรี เช่นเดิม
หรือตามที่บังคับบัญชามอบหมาย โดยเคร่งครัด”
เป็นอันว่า ความพยายามครั้งที่ ๒ “ปลัดฯสุขุม” กับ “หมอเกรียงศักดิ์” ประธานชมรมแพทย์ชนบท ไปไม่ถึงฝั่งอีกครั้ง
ครั้งแรก มาอยู่ได้ ๒ สัปดาห์
ครั้งที่สอง แค่ ๑๐ วัน น้อยกว่าอายุยุงถึง ๔ วัน!
ตอนมา เห็นมุ่งมั่นขมันขมี แต่ทำไมจู่ๆ ถอดใจ ถอยหนีซะดื้อๆ ถอยเพื่อดับไฟในรพ.ขอนแก่น หรือเพื่อตัดไฟที่ทำท่าลามไหม้ถึงตัวปลัดฯรวมทั้งกระทรวง?
เหล่านี้ “สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง” บริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว รู้ได้ตัวเอง
ประเด็นนี้ รัฐมนตรี, ปลัด, หมอเกรียง และคนในแวดวง รู้อยู่กับใจ คนอื่น รวมถึงผม เดาเปะปะ ตามประสาคนท้องอืด-ท้องเฟ้อแค่นั้น
หมอเกรียงขอถอนตัวเองกลับที่ตั้ง บอกจะไปเป็นผอ.รพ.พระปกเกล้าตามเดิม
ประเด็นมีว่า เจ้ากระทรวงและแม่บ้านใหญ่ คือปลัดฯ จะว่าไง ตัวเองอยากไปอยู่โรงพยาบาลไหน ก็เลือกได้ตามใจชอบงั้นหรือ?
เท่าที่สดับตรับฟัง เรื่องการโยกย้าย รัฐมนตรีอนุทินออกตัวเสมอว่า นอกอำนาจท่าน เป็นอำนาจของปลัดฯ คือไม่รับรู้
แต่เมื่อวาน ขณะหมอเกรียงแถลงขอถอนตัวจากผอ.รพ.ขอนแก่น
ที่กระทรวง ในห้องทำงานรัฐมนตรี มีรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย ปลัดฯ กระหนุง-กระหนิง กันในอิริยาบถสบายๆ
รัฐมนตรีอนุทินตอบคำถามนักข่าวเรื่องหมอเกรียงถอนตัวว่า
“เรื่องนี้ต้องถามปลัดฯ อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็บอกว่า จะพอใจ หากมีการถอนหมอเกรียงศักดิ์ จากรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่น เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ซึ่งหมอเกรียงศักดิ์ ก็ถอนตัวแล้ว ก็ขอให้ทุกอย่างกลับมาที่เดิม ซึ่งผมกังวลสุดเรื่องการบริการพี่น้องประชาชน……”
ทางปลัดฯสุขุม ตอบว่า……..
“ผมกับนายอนุทินได้หารือกันแล้ว ให้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง
ส่วนรักษาการคนใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามที่องค์กรแพทย์รพ.ขอนแก่นได้เสนอขอให้ตั้ง “รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์” เป็นรักษาการแทน
ก็คงเป็นไปตามนั้น
ซึ่งก็เป็นไปตามระบบราชการในการรักษาราชการแทนชั่วคราว เมื่อไม่มีผอ.โดยปลัดฯ ไม่จำเป็นต้องมีการออกคำสั่งแต่งตั้งรักษาการคนใหม่
ส่วนของ นพ.เกรียงศักดิ์ จะต้องรอหนังสือมาถึงผมอย่างเป็นทางการก่อน คาดว่าจะมาถึงภายใน ๑-๒ วันนี้ และผมก็จะออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป
เพื่อให้นายแพทย์เกรียงศักดิ์ ไปรายงานตัวเป็นผอ.รพ.พระปกเกล้าเหมือนเดิม”
เอาเป็นพอกล้อมแกล้มได้ว่า……..
ที่หมอเกรียงถอน เพราะรัฐมนตรีกับปลัดฯให้ถอน ถอนแล้วให้กลับไปเป็นผอ.รพ.พระปกเกล้าที่เดิม
ส่วนที่รพ.ขอนแก่น ให้ “รองผอ.รพ.ขอนแก่น” รักษาการในตำแหน่งผอ.
แล้วหมอชาญชัยล่ะ?
ชนัก “ฉ้อราษฏร์บังหลวง” ยังปักคาหลังอยู่เฝ้ากระทรวงจนกว่าการสอบวินัย จะมีผลสรุปออกมา!
สรุป รายการนี้ หมอเกรียง มีเจี๊ยะกับเจ๊า
ส่วนหมอชาญชัย มีแต่เจ๊กอั้ก กับเจ๊งมาก-เจ๊งน้อย!
แล้ว กรณี เงินทอน ๕%บริษัทยา ที่สั่งสอบข้อเท็จจริง ๑๘๖ โรงพยาบาลล่ะ จะไปทางไหนกันต่อ?
รัฐมนตรีอนุทินตอบไพเพราะ……
“รอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบเท็จจริงที่ผมตั้งขึ้น ผมเน้นย้ำให้ทุกอย่างต้องเป็นธรรมโปร่งใส อธิบายประชาชนได้ ไม่ได้อยู่ภายใต้แรงกดดันของใคร ปล่อยให้เป็นเรื่องภายในกระทรวงตรวจสอบไป เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา”
แปลไทยเป็นไทย
ออกสู่มหาสมุทรเรียบร้อยแล้ว น่าจะใช้เวลาเป็นปีๆๆๆๆ สู่เส้นทางเลือนลืม!
แบบนี้ เรื่องหมอๆ จบแล้วใช่มั้ย?
ความเห็นผม แค่ “ฆ่าตัดตอน” ยังไม่จบ ประเด็น ๑๐ ปี ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง ๒๐๐ ล้าน ในรพ.ขอนแก่น ก่อนหมอชาญชัยเข้ามา
มันยังเป็นปริศนาเชิง “ฉ้อราษฏร์บังหลวง” ของแท้ คาตา-คาใจประชาชน แต่ทำไมระดับทรวงคล้ายเตะลูกออก
และอย่างนี้ ……….
ทำไม ทั้งรัฐมนตรีและปลัดฯ ไม่ตั้งกรรมการเข้าไปตรวจสอบ?
กลับตั้งข้อหา “เด็ดหัว” คนเข้าไปล้างหนี้และบริหารจนโรงพยาบาลกลับมีกำไร?
พุทธศาสนายึดหลักกรรม “เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ” เจตนานั่นแหละ เป็นกรรม
ในทางกฎหมายก็ยึดหลักนี้ จะเห็นในกฎหมายอาญายึดหลัก “กรรมเป็นตัวบ่งชี้เจตนา” ชัดเจน
ฉะนั้น ใครก็อย่ามองข้าม “วงเวียน ๑๕๗” อันเป็น “วงเวียนกรรม” ของข้าราชการนะ