ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เคยชินอยู่กับความจนกระมัง?
คุณมานพ อุดมเดช ผู้กำกับภาพยนตร์มือรางวัลรุ่นเก๋า จึงดูคล้ายจะไม่เดือดร้อนใจอะไรกับใครเขาในยามที่โควิด-19 ได้สร้างวิกฤติต่อการทำมาหากิน!
ก่อนโควิด-19มา ชีวิตก็เป็นอยู่อย่างนี้ ตอนนี้ในท่ามกลางโควิด ชีวิตก็ไม่ได้แย่ลงกว่าเก่า หรือดีขึ้นถึงขนาดเข้าเหลา กินหูฉลาม..
พูดง่ายๆ มี-ไม่มีโควิด ผู้กำกับอย่างคุณมานพก็ไม่มีหนัง-ละครให้กำกับฯ-ให้ถ่ายทำอยู่เป็นปกติ..วันๆ ได้แต่นั่งเลี้ยงแมว-เลี้ยงหมาไปตามอัตภาพ!
อย่างไรก็ตามในวิกฤติย่อมมีโอกาส..จากการได้พบปะหน้าและคุยกันเมื่อ 2-3 วันก่อน คุณมานพแย้มบอก..
“ตอนนี้มีงานทำแล้วนะ” ก่อนจะสาธยายต่อ.. “พอดีได้เข้าไปคุยกับบริษัททวิน เฟรม เสนอเรื่องดอกไม้ในทางปืน ไป เขาสนใจ ก็เลยให้ทำเป็นละครซีรี่ส์ออนแอร์ทางช่องไทยรัฐ”
ผมขออธิบายกับท่านผู้อ่านนิดนึง..ดอกไม้ในทางปืน เคยสร้างเป็นภาพยนตร์มาก่อนเมื่อสัก 21 ปีเห็นจะได้ โดยทุนสร้างของบริษัทไฟว์สตาร์ และคุณมานพเป็นทั้งคนเขียนพล๊อตเรื่อง คนเขียนบท ผู้กำกับ..
ยุคนั้น ต้องถือว่าเป็นหนังดี มีคุณภาพเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็ได้สร้างชื่อ-เครดิตให้กับคุณมานพอยู่มากทีเดียว
และจากการที่เป็นหนังดี เคยได้รับความนิยม จึงเลยมีคนติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์จากคุณมานพอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยเงื่อนไข-ราคา..
หลังการเจรจา ต่างก็หายจ้อยกันไปหมด!
ที่หาย..คุณมานพเพิ่งได้รู้ตอนหลังว่า คนที่เข้าไปติดต่อนั้นล้วนแต่ประเภท “นายหน้า” หวังจะได้ “ของถูก” ไปขาย (แพง) ต่อให้นายทุน ทั้งเพ!
“จะเปิดกล้องถ่ายทำเมื่อไหร่” ผมถาม.. “ยังๆ เวลานี้กำลังปั้นบทอยู่ กะจะเขียนรวดเดียวให้จบสองซีซั่นประมาณ 24 ตอน แล้วจะได้ลุยถ่ายอย่างเดียว คาดว่า 2 เดือนจบ”
“ยังคงเส้นเรื่องเดิม”.. “ใช่..เป็นเรื่องราวในวงการมือปืนกับความรัก กึ่งดราม่า กึ่งแอ็คชั่น แต่ต้องขยายเรื่องให้ร่วมสมัยมากขึ้น..
เรื่องนี้ทำให้ผมเฉียดตายมาแล้วนะ..คือในช่วงที่ตัดต่อมันเครียดมากไม่อยากให้หนังออกมาแล้วถูกวิจารณ์ในทางลบ ทำให้เส้นเลือดในกระเพาะแตก ต้องรักษาอยู่ตั้งนานกว่าจะหาย”
“แล้วทำละครจะเครียดมั้ย”.. “ไม่ๆ ชีวิตปล่อยวางได้ในระดับหนึ่ง มันเลยจุดที่ต้องเครียดแล้ว อย่างในสถานการณ์ตอนนี้ ผมนั่งมองคนบันเทิงที่เขาเครียด โวยวาย บ่นด่ากันแล้ว..
ให้นึกในใจ..คนที่ไม่เคยผ่านความทุกข์ ความอดอยาก ความเดือดร้อนมาก่อนย่อมจะปรับตัวรับสถานการณ์ปุ๊บปั๊บไม่ได้ ซึ่งก็น่าเห็นใจ
สำหรับผมเคยชินกับสภาพความเป็นอยู่ รู้ซึ้งกับสัจธรรมชีวิต จึงให้รู้สึกเฉยๆ แม้จะมีละครให้ถ่ายทำแต่ผมก็จะไม่รีบ..
ค่อยๆ เขียนบทไป รอให้สถานการณ์เข้าสู่ปกติแล้วค่อยถ่ายทำ..ทำงานในสภาพความพร้อมย่อมได้ผลงานที่ดีกว่ามิใช่รึ”
ครับ..ช้าได้พร้าเล่มงาม ครับ!