กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือประชาชนและทุกภาคส่วน ร่วมเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลายเชิงรุกในพื้นที่ทุกจังหวัด

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือประชาชนและทุกภาคส่วน ร่วมเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลายเชิงรุกในพื้นที่ ร่วมกับการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ 7 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ โรงเรือน โรงธรรม โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน สถานที่ราชการ พร้อมแนะให้ประชาชนสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกสัปดาห์ และเก็บบ้าน เก็บขยะ เก็บน้ำ ตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค”18 พ.ค.63 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ทำให้หลายพื้นที่เริ่มมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคติดต่อนำโดยยุงลายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม–กรกฎาคมของทุกปี จึงต้องมีการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลายเชิงรุกในพื้นที่ทุกจังหวัดอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง แต่เนื่องจากในปัจจุบันมีการระบาดของโรคโควิด 19 จึงต้องมีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ร่วมกับการปฎิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เพื่อป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด

สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–13 พฤษภาคม 2563 พบผู้ป่วยแล้ว 11,938 ราย เสียชีวิต 9 ราย โดยจำนวนผู้ป่วยน้อยกว่าปี 2562 ถึงร้อยละ 44 แต่ยังสูงกว่าปี 2561 และ 2560 ประกอบกับช่วงนี้มีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลายได้ ทั้งนี้ จากโปรแกรมทันระบาดในเดือนที่ผ่านมา (เมษายน 2563) พบว่า ผลสำรวจลูกน้ำยุงลายเกินร้อยละ 10 ของบ้าน โรงเรียน และศาสนสถานที่สำรวจในชุมชน และยังพบแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเฉพาะอำเภอที่มีการระบาดต่อเนื่องเกิน 28 วัน เกือบทุกอำเภอ มีค่าดัชนีลูกน้ำยุงลายในชุมชนเกินเกณฑ์มาตรฐาน (HI > 5) ซึ่งถือว่ายังมีพาหะนำโรคในหลายพื้นที่

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำหนังสือถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด โดยขอความร่วมมือดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลายเชิงรุกในพื้นที่ทุกจังหวัด โดยเฉพาะใน 7 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ โรงเรือน โรงธรรม โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน สถานที่ราชการ ดังนี้

1.ให้ประชาชนสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านตนเองทุกสัปดาห์

2.สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเจ้าหน้าที่/อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน/จิตอาสาที่ดูแลพื้นที่ ในชุมชนพื้นที่สาธารณะทุกแห่งทุกสัปดาห์ และมีผู้รับผิดชอบติดตามผลการดำเนินงานทุก 2 สัปดาห์ โดยมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นต้น

3.ในสถานที่ที่ปิดชั่วคราว เช่น โรงเรียน โรงแรม ควรมีการสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยผู้รับผิดชอบสถานที่นั้นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งยุงพาหะสามารถเคลื่อนที่ไปยังสถานที่อื่นได้ และ

4.ไม่จัดกิจกรรมรณรงค์ที่รวมกลุ่มคนจำนวนมาก

5.การดำเนินกิจกรรมของจิตอาสาต้องมีระยะห่างระหว่างบุคคล ควรลดความแออัดของผู้เข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ เช่น จัดสถานที่ให้กว้างขวางเพียงพอ ไม่ให้นั่งหรือยืนอยู่รวมกันอย่างเบียดเสียด กระจายมุมบริการอาหารและเครื่องดื่ม

6.จัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง กำจัดขยะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น ภาชนะบรรจุอาหาร หน้ากากอนามัย เศษใบไม้ เป็นต้น

7.เมื่อพบผู้ป่วยรายใหม่ในหมู่บ้านหรือชุมชน ต้องดำเนินมาตรการควบคุมโรค 3-3-1 คือ ถ้าพบผู้ป่วยโรงพยาบาลต้องแจ้ง รพสต. ภายใน 3 ชั่วโมง สอบสวนโรคที่บ้านผู้ป่วยภายใน 3 ชั่วโมงต่อมา และควบคุมโรคภายใน 1 วัน ฉีดพ่นหมอกควันกำจัดยุงลายในรัศมี 100 เมตร รอบบ้านผู้ป่วย และ 8.ให้ความรู้ สร้างความตระหนักเรื่องการป้องกันโรคผ่านสื่อโซเชียล หรือเสียงตามสาย วิทยุชุมชน

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนและทุกภาคส่วนร่วมดำเนินตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ดังนี้

1.เก็บบ้านให้สะอาด เช่น พับเก็บเสื้อผ้าใส่ในตู้หรือแขวนให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง

2.เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บภาชนะใส่อาหารหรือน้ำดื่มที่ทิ้งไว้ใส่ถุงดำ และนำไปทิ้งลงถังขยะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ

3.เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์ ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่

ซึ่งจะสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ 1.โรคไข้เลือดออก 2.โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3.โรคไข้ปวดข้อยุงลาย รวมถึงสังเกตตนเองและคนในครอบครัว หากมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ เบื่ออาหาร ปวดท้อง รับประทานยาลดไข้ 1-2 วัน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อรับการวินิจฉัยโรคและรับการรักษาต่อไป สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

Written By
More from pp
“เอ้ สุชัชวีร์” ตั้ง “ข้อสงสัยและห่วงใย” ไฟไหม้โกดังระยอง วอนรัฐบาล ช่วยแสดงบทบาท “ความเป็นผู้นำ” รัฐรู้แค่ไหนต้องไม่ปกปิด
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (ดร.เอ้) รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม ตั้งข้อสงสัย และความห่วงใยกับเหตุการณ์ไฟไหม้โกดัง...
Read More
0 replies on “กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือประชาชนและทุกภาคส่วน ร่วมเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลายเชิงรุกในพื้นที่ทุกจังหวัด”