โฆษก ศบค. ย้ำปฏิบัติ 3 ข้อเพื่อทุกคนปลอดโรค ปลอดภัย

นายแพทย์ทวีศิลป์ฯ โฆษก ศบค. ย้ำปฏิบัติ 3 ข้อเพื่อทุกคนปลอดโรค ปลอดภัย 1.สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาที่ออกจากบ้าน หรืออยู่บ้านกับผู้สูงอายุ 2.ล้างมือบ่อยๆ 3.เว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1- 2 เมตร

วันนี้ (12 พ.ค.63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ในไทย

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ในประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย ทำให้ตัวเลขยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,017 ราย ผู้ป่วยที่หายแล้ว 2,798 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตตัวเลขผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 56 ราย และผู้รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 163 ราย  โดยจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมจำแนกตามพื้นที่ที่รักษาพบว่า กรุงเทพมหานคร ผู้ป่วยยันสะสมสูงที่สุด รองลงมาคือภาคใต้ และตามด้วยภาคกลาง

สำหรับผู้ป่วยใหม่  2 ราย นั้น รายที่ 3,016 เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 19 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพฯ มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันก่อนหน้านี้ คือสัมผัสกับผู้ป่วยในครอบครัวมีอาการไข้ ถ่ายเหลว และตรวจพบเชื้อ สำหรับรายที่ 3,017 เป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ อาการจะยังไม่มาก

โฆษก ศบค. เผยตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ 2 รายในวันนี้เป็นตัวเลขที่ต่ำมาก อย่างไรก็ตามยังวางใจไม่ได้ ต้องใช้ความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน  นอกจากนี้ นครศรีธรรมราช พังงา และสตูลที่อยู่ใน State Quarantine ไม่พบผู้ป่วยเลยใน 3 จังหวัดของภาคใต้ ทำให้เข้ามาอยู่ในกลุ่มที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วันที่ผ่านมา ทำให้คงเหลือจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วันที่ผ่านมา  18 จังหวัด และไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วันที่ผ่านมา เป็น 50 จังหวัด และไม่มีรายงานมาก่อนเลยก็ยังคงอยู่ที่ 9 จังหวัดเช่นเดิม

การวิเคราะห์สถานการณ์ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำแนกตามปัจจัยเสี่ยง  5 อันดับแรก พบว่าอันดับที่ 1 คือ พบผู้ป่วยในศูนย์กักกัน หรือผู้ต้องกักมากที่สุด 23 คน อันดับที่ 2 เป็นการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชนต่าง ๆ 18 คน อันดับที่ 3 ผู้สัมผัสกับผู้ป่วยรายก่อนหน้านี้ 16 คน อันดับที่ 4 ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าสถานกักกันของรัฐ (State Quarantine)  12 คน  และอันดับที่ 5 ไปในสถานที่ชุมชน  3 คน  แม้จะเจอน้อยแต่ก็เป็นจุดที่ต้องระวัง เพราะจะมีการขยายมาตรการในการผ่อนปรนเข้าไปสู่ระยะที่ 2 ต่อไป

2. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลก

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลก พบผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,254,800 ราย อาการหนักกว่า 46,000 ราย หายป่วยแล้วกว่า  1,500,000 ราย และเสียชีวิตกว่า 287,000 ราย คิดเป็นร้อยละ  6.8 โดยประเทศไทยยังคงอยู่อันดับที่ 66 ของโลก

ทั้งนี้ 10 ประเทศอันดับแรกของจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมพบว่า สหรัฐอเมริกา มีทั้งผู้ป่วยยืนยันสะสมสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 และผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงสูงเป็นอันดับที่ 1 จำนวน 18,196 ราย  ตามด้วยรัสเซีย ซึ่งทั้งสองประเทศนี้มีจำนวนป่วยรายใหม่เกินหมื่นไปแล้วทั้งสิ้น สหรัฐอเมริกายังคงมีผู้เสียชีวิตรายใหม่สูงสุด คือ 1,008 ราย รองลงมาบราซิล อยู่ที่ 530  ราย

สถานการณ์ตัวเลขผู้ป่วยยืนสะสมประเทศอาเซียนและเอเชียพบว่า อินเดียยังเป็นอันดับที่ 1  ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 70,000 กว่าราย และเสียชีวิตไป 2,294 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ 3,607 ราย ตามด้วยปากีสถาน สิงคโปร์ รวมถึงญี่ปุ่น บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ โดยทั้ง 8 ประเทศดังกล่าว มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมเกินกว่าหลักหมื่นแล้วทั้งสิ้น ส่วนมาเลเซีย ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,700 ราย และไทยอยู่ในอันดับที่ 10  ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสม3,017 ราย ตามลำดับ

โฆษก ศบค. รายงานประเด็นข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศว่า มาเลเซียได้มีการประกาศขยายระยะเวลาการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ออกไปอีกจนถึง 9 มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นการขยายเวลาระยะเวลามาตรฐานล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 โดยพิจารณาต่อเวลามาตรการดังกล่าวทุก 14 วัน อย่างไรก็ตามรัฐบาลมาเลเซียได้ผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2563 โดยอนุญาตให้สถานประกอบการกลับมาดำเนินการภายใต้เงื่อนไขการรักษาระยะห่างกันสังคม เว้นระยะห่างไม่ต่ำกว่า 1 เมตร สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามมาตรการเช่นเดียวกันกับประเทศไทยเลย

ขณะที่เกาหลีใต้ อัตราการระบาดรอบ 2 สูงถึง 94 ราย ข้อมูลรายงานของวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 จากผับที่อิแทวอน จากรายงานของหัวหน้าศูนย์ควบคุมป้องกันโรค เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาระบุว่า ผู้ป่วย 24 ราย จาก  34 รายที่เพิ่มขึ้นในวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 เป็นยอดผู้ป่วยที่พบใหม่ และได้รับการยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับคลับที่อิแทวอน ในจำนวน 24 ราย มี 18 ราย ที่ไปเที่ยวคลับ และอีก 6 คนเป็นผู้ที่ติดต่อกับผู้ที่เที่ยวคลับ นอกจากนั้นยังมีผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วเพิ่มขึ้นมาอีก 11 ราย โดยทั้งหมดขณะนี้รวม 94 ราย   โฆษก ศบค. ย้ำการนำเสนอข้อมูล เพื่อให้ประชาชนทราบ การเลือกการเปิดกิจการ กิจกรรมทั้งหลาย กับการเลือกเรื่องของการติดเชื้อก็ต้องสมดุลกันทั้ง 2 อย่าง และต้องไม่มีการการ์ดตกด้วย

พร้อมกันนี้ โฆษก ศบค. กล่าวถึงข้อมูลจำนวนการตรวจทางห้องปฏิบัติการโควิด-19 (ตัวเลขต่อ 1 ล้านประชากร) ของกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานว่า ขณะนี้ ไทยตรวจตัวอย่างแล้ว 286,008 ตัวอย่าง ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2563 พบผู้ติดเชื้อ 3,000  ราย และรวมของปัจจุบันที่มีเพิ่มอีกเล็กน้อย (3,017 ราย) เท่ากับอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ร้อยละ 1.05 ซึ่งอิตาลีเป็นประเทศที่ตรวจมากที่สุด  41,558 ราย (จำนวนที่ตรวจห้องปฏิบัติการต่อ 1 ล้านประชากร)  รองลงมา สิงคโปร์ 29,000 ราย สหรัฐอเมริกา 27,000 ราย โดยประเทศไทยอยู่ที่ 4,294 ราย มากกว่าไต้หวันเวียดนาม ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ถ้าเปรียบเทียบกับอัตราส่วนต่อประชากรด้วย

3.   การดำเนินการตามมาตรการ

มาตรการนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ

รายงานข้อมูลสถานการณ์ผู้เดินทางเข้าประเทศที่ต้องกักกันตัวในที่กักกันของรัฐจัดให้ (State Quarantine  และ Local Quarantine) ตั้งแต่ 3 เมษายน – 11 พฤษภาคม ยอดคัดกรอง 16,934 ราย เพิ่มขึ้นวานนี้ 603 ราย กลับบ้านได้แล้ว 7,154 ราย เพิ่มขึ้นวานนี้ 540 ราย และพบผู้ติดเชื้อจากสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 90 ราย

รายงานผู้เดินทางกลับเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบก ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน – 11 พฤษภาคม มีผู้เดินทางสะสมรวม 10,298 ราย แบ่งเป็นผู้เดินทางจากเมียนมา 691 คน มาเลเซีย 8,912 คน สปป.ลาว 399 คน และ กัมพูชา 296 คน เป็นงานที่ต้องให้ความสำคัญ ที่จะต้องควบคุมในส่วนนี้ให้ดี หากควบคุมการติดเชื้อจากรอบประเทศได้ เราก็จะได้มีสุขภาพที่ดี

การปฏิบัติงานตามมาตรการเคอร์ฟิว

รายงานผลจากการปฏิบัติการจากการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวประจำวันที่ 12 พฤษภาคม 63 โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงพบผู้กระทำความผิดกรณีชุมนุมมั่วสุม 68 ราย ลดลง 21 ราย ผู้กระทำความผิดกรณีออกนอกเคหสถาน 486 ราย ลดลง 111 ราย โดยเหตุของการชุมนุมมั่วสุม 3 ลำดับแรกคือลักลอบเล่นการพนันร้อยละ 34  ดื่มสุราร้อยละ 32 และยาเสพติดร้อยละ 21

มาตรการการผ่อนปรน

รายงานการตรวจกิจการ/กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายด้านการดำเนินชีวิต วันที่ 11 พฤษภาคม 63 ได้ทำการตรวจทั้งหมด 20,091 แห่ง พบว่าปฏิบัติตามมาตรการ 14,134 ปฏิบัติไม่ครบถ้วน 5,372 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 26.74 ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 585 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 2.91

Written By
More from pp
โฆษกพรรคเพื่อไทย แนะรัฐบาล เชื่อมั่นประชาชน ปลดล็อกประเทศอย่างปลอดภัย เรียกร้อง ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เปิดทางฟื้นฟูเศรษฐกิจ
18 พ.ค.63 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อปลดล็อกทางเศรษฐกิจให้คนทำมาหากินได้สะดวกขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะเอาตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์ หรือจำนวนหลักหน่วยต่อวัน มาขังคนไทยทั้ง 66...
Read More
0 replies on “โฆษก ศบค. ย้ำปฏิบัติ 3 ข้อเพื่อทุกคนปลอดโรค ปลอดภัย”