ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ที่สหรัฐอเมริกา..
เห็นข่าว..เจ้าของโรงหนังเครือยักษ์อย่าง AMC ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างมากที่ค่ายหนังเล็ก-ใหญ่พากันตัดช่องน้อย ด้วยการ “ขายหนัง” ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต หารายได้เฉพาะหน้า
หลังจากที่ทำหนังออกมาแล้วต้องเก็บค้างไว้ในสต๊อก เพราะโรงหนังถูกปิดจากพิษโควิด-19 ไม่อาจนำหนังเข้าฉายในโรงได้!
ซึ่ง..มองในมุม “คนทำธุรกิจ” ที่พึ่งพาอาศัยกันมายาวนาน ก็สมควรแก่เหตุอยู่ที่เจ้าของโรงหนังจะออกอาการฉุนเฉียว ถึงกับประกาศ..
นับจากนี้โรงหนังในเครือ AMC ทั้งหมดในอเมริกากว่า 10,000 จอ จะไม่ฉายหนังของค่ายหนัง Universal อีกต่อไป!
แต่กับคนทั่วไป อาจมอง..ใจร้าย เห็นแก่ตัวไปนิด เพราะในห้วงวิกฤติ ทุกคนก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด คนทำหนังเขาลงทุน-ลงแรง จะมั่วนั่งรอ-นอนรอแบบไม่รู้ชะตากรรม เมื่อไหร่โรงหนังจะเปิด ก็เห็นจะอดตายกันพอดี..
เหมือนอย่างเวลานี้ ที่ผู้สร้าง-ผู้กำกับฯหนังไทยต่างนั่งโอดครวญกันอยู่นั่นแหละ!
ในทัศนะผม..มองว่า AMC ดูจะหัวร้อนไปหน่อย จะทำให้เสียมากกว่าได้ บางครั้งในบางสถานการณ์ก็ต้องยอมที่จะลดตัวลงมาเล่นเป็นพระรองบ้าง แล้วค่อยต่อรองเรื่องส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น
จะทำตัวเป็น “พระเอกตลอด” อย่างคุณสมบัติ เมทะนี ไปได้ไง ถ้าไม่เปลี่ยนท่าที ยังคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือ ผมว่าหมื่นกว่าจอที่มี อาจจะเหลือเป็น “ตำนาน”ก็ได้นะ ทำเป็นเล่นไป!
โรงหนังที่ไม่มีหนังฉาย จะเอารายได้มาจากไหน..จะรอขายแค่แป๊ปซี่-โค๊ก กับป๊อบคอร์นแค่นั่นเรอะ?
AMC จะง้างกับดิจิทัลได้อย่างไร ในเมื่อกระแสสตรีมมิ่งมันกำลังเชี่ยวกราก และนับวันยิ่งจะขยายเพิ่มมากขึ้น และแม้ของจีนจะแทรกเข้าไปยากในช่วงที่กำลังทำสงครามการค้า-สงครามโควิด กับอเมริกา..
แต่ถึงยังไงก็แข่งกับ “เน็ตฟลิกซ์” ไม่ได้อยู่ดี!
ก็..ขนาดหนังระดับ “บิ๊กซีนีม่า” อย่าง “มู่หลาน” นัยว่าได้เอาลงจอเน็ตฟลิกซ์ซะแล้ว ซ้ำ “ออสการ์” ก็ดันให้การรับรองให้เน็ตฟลิกซ์ส่งหนังเข้าชิงรางวัลได้..
อย่างงี้ AMC ยังคิดว่าตัวเองเป็นพระเอก-ถือไพ่เหนืออยู่อีกรึ?
ไทยเองก็เหอะ โรงหนังจะไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป แม้ตอนนี้เน็ตฟลิกซ์จะยังไม่ตกผลึกกับการผลิตหนังไทย-ซีรี่ย์ไทย แต่ก็อย่าทำเป็นชะล่าใจไปเชียวล่ะ!
วันก่อนอ่านที่คุณวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหารเมเจอร์ฯ ให้สัมภาษณ์.. “บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง แม้จำต้องปิดโรงภาพยนตร์ทุกสาขาเป็นการชั่วคราว” ก็พลอยให้โล่งอก
เพราะคิดอยู่เหมือนกัน ปิดโรงหนังมาจะร่วม 2 เดือนเข้าไปแล้ว ทั้งเมเจอร์ ทั้งเอสเอฟ คงจะขาดทุนย่อยยับ แต่เมื่อคุณวิชา พูนวรลักษณ์ ยืนยัน “ฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง” อย่างนี้ก็หายห่วง..
ปิดไปอีกสักเดือนก็คงจะพอไหว แต่คุณสุวัฒน์-เอสเอฟฯล่ะ..
ไหวมั้ย..บอกมา?