ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด..
ก็..เห็นจะต้องพูดคำนี้ล่ะนะ เพราะผมทวนอ่านแล้วอ่านซ้ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ..
“วิกฤตโควิดครั้งนี้ ใหญ่และซับซ้อนมาก หน้าที่ของเราจึงต้องต่อสู้ไปด้วยกัน แบบเป็นหนึ่งเดียวทั้งประเทศ เราทุกคนจะต้องเป็นทีมประเทศไทย
เราจะต้องหา ความร่วมมือดึงทุกภาคส่วนของสังคมที่มีความรู้ความสามารถ และพร้อมที่จะช่วยเหลือประเทศ
ผมทราบว่า หลายภาคส่วนในทีมประเทศไทย ได้เริ่มลงมือทำอะไรที่สำคัญ และมีประโยชน์ไปแล้วหลายอย่าง แต่วันนี้ผมต้องการเพิ่มความร่วมมือกับท่านทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ผมจะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ประการแรก คือ ผมจะออกจดหมายเปิดผนึก ถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 ท่าน
ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกผมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสของสังคม ท่านจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเรา ให้มากขึ้น ได้อย่างไรบ้าง..
เพราะผมรู้ว่า ความเดือดร้อนของคนไทยก็คือความเจ็บปวดของท่านด้วย ผมขอให้ทุกท่าน ได้แบ่งปันความสามารถ และความฉลาดหลักแหลม
รวมทั้งมุมมองอันมีวิสัยทัศน์ของพวกท่านพร้อมกับใช้องค์กรที่มีศักยภาพสูงของท่าน มาช่วยกันจัดการกับวิกฤต ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้
นอกเหนือจากกลุ่มมหาเศรษฐีของประเทศไทย ผมยังอยากจะรับฟัง และใช้ความรู้ความสามารถ ของภาคเอกชนทั้งหมดอีกด้วย”
มีตรงไหนล่ะที่นายกฯขอหรือไถเงินมหาเศรษฐี? ฉะนั้นที่ฝ่ายค้านก็ดี นักวิชาการก็ดี ดาราก็ดี วิพากษ์วิจารณ์ แซะ แขวะ ด่า..
ถ้าไม่พูดว่า “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด” ก็ไม่รู้จะใช้คำไหนที่ตรงตัว-ตรงใจได้อีก!
และที่คุณองอาจ คล้ามไพบูลย์ว่า.. “เรื่องนี้ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่นายกฯ มีปัญหาเรื่องการสื่อสารในสถานการณ์วิกฤตแบบไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลา สาระไม่ชัดเจน ทำให้เกิดการตีความได้หลายแง่มุม
ถ้านายกฯ เขียนจดหมายเรียบร้อยแล้วนำ เนื้อหาสาระมาเปิดเผยตรงประเด็น อาจทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ลดลง” นั้น
เออนะ..รู้ทั้งรู้ว่าจดหมายยังไม่ได้เขียน แล้วคุณองอาจจะไปตีความคำพูดที่ชัดถ้อยชัดคำให้เกิดเป็นปัญหาทำไม..ทำไมไม่รออ่านเนื้อหาจดหมายเสียก่อนล่ะ หรือมันจะลงแดงตาย?
ส่วนที่ว่า.. “นายกฯ ควรเชิญชาวบ้านที่เดือดร้อนลำบากจากผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 มารับฟังด้วย ไม่ควรฟังแต่มหาเศรษฐีเพียงอย่างเดียว”..
แยกแยะหน่อยดีไหมครับ!