ผักกาดหอม
วันนี้น้ำท่วมใหญ่ ที่หาดใหญ่ครับ
นายกฯ อนุทินตั้ง “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.)
งานนี้งานช้าง
ถูกด่ามากกว่าคำชม
การช่วยเหลือประชาชนเฉพาะหน้า คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพราะมันเกี่ยวกับความเป็นความตายของชาวบ้าน
ถ้าช่วยไว เข้าถึงพื้นที่ไว และทั่วถึง บอกเลย…ส่งผลต่อการเลือกตั้งได้เหมือนกัน
แต่เท่าที่ปรากฏคือ ยังช้า และไม่ทั่วถึง
มันก็มีเหตุผลที่พออธิบายได้ คือท่วมเยอะ ท่วมกว้าง ตั้งตัวไม่ทัน ไม่เฉพาะคนที่เดือดร้อน คนที่จะเข้าไปช่วยก็ตั้งตัวไม่ทัน
แต่มันไม่มีอะไรให้แก้ตัวหรอกครับ เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนก็เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องช่วยเหลือในทันที โดยไม่มีข้ออ้างใดๆ
ไอ้เรื่องไม่เข้าท่าก็ไม่ควรไปทำ ประชาชนติดในบ้าน อดข้าว ๓-๔ วัน แต่รัฐออกประกาศให้อพยพออกจากบ้าน แบบนี้สอบตก
จะไปไงล่ะครับ มีหวังจมน้ำตาย
ก็เป็นปัญหาเดิมๆ ที่ยังไม่มีการสร้างคู่มือขึ้นมาและปฏิบัติอย่างจริงจังทั้งรัฐและประชาชน
ส่วนสาเหตุน้ำท่วมพูดกันเยอะ ด่ากันเยอะ
แต่…ใครมาเป็นรัฐบาลสภาพก็ไม่ต่าง
ไม่ว่าจะยังเป็นแพทองธารคนเดิม หรือ “หัวหน้าเท้ง” ก็ท่วมแบบนี้แหละครับ
เพราะปริมาณฝนมันเยอะกว่าปี ๒๕๕๓
ฝนตกไม่ลืมหูลืมตา
ตกแช่!
ระบบป้องกันที่ทำเอาไว้ เอาไม่อยู่
จริงๆ คือ ทำอะไรไม่ได้เลย
จบงานนี้ก็ต้องไปคิดกันใหม่หมด ไม่งั้นจะท่วมอีก
ข้อมูลจากเพจ ธรรมนัส พรหมเผ่า ระบุไว้ว่า ปกติแล้วฝนตกหนักน้ำฝนจากบริเวณอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จะระบายผ่านลำคลองอู่ตะเภา ไหลผ่านเข้าอำเภอหาดใหญ่ทางเดียวแล้วออกสู่ทะเลสาบสงขลา
ซึ่งจะระบายออกเร็วเหมือนปีที่ผ่านมา
แต่สำหรับปีนี้ในช่วง ๒-๓ วันที่ผ่านมา ปรากฏว่าปริมาณน้ำฝนที่ไหลมาจากอำเภอสะเดาผ่านคลองอู่ตะเภามีปริมาณมากถึง 1,000 Cms ร่วมกับน้ำที่ไหลมาจากเขาคอหงส์ผ่านคลองหวะ ปริมาณ 400 Cms และน้ำจากอำเภอนาหม่อมไหลลงมารวมอีก 150 Cms
บวกกับน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกโตนงาช้างไปจากเทือกเขานครศรีธรรมราชฝ่ายคลองต่ำปริมาณอีก 350 Cms ทำให้ไหลเข้าสู่พื้นที่ต่ำของอำเภอหาดใหญ่ทั้งหมดเกือบ 1,900 Cms
สำหรับการระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำของอำเภอหาดใหญ่ ระบายได้ ๒ ทาง คือ
๑.ระบายออกทางคลอง ร๑ ปริมาณ 1,200 Cms – 1,300 Cms
๒.ระบายผ่านคลองอู่ตะเภาประมาณ 400 Cms – 500 Cms
สรุป : ไหลเข้าประมาณ 1,900 Cms ไหลระบายออก 1,600 Cms – 1,700 Cms
คาดการณ์ว่า หากไม่มีปริมาณฝนตกมาเพิ่มอีกจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน ๓ วันครับ
เป็นข้อมูลที่ทำให้มองเห็นภาพว่า น้ำมาจากไหน และไปไหน
ก็รอดู ถ้า ๓ วันไม่จบ ไม่ต้องไปหาคำชม
ด่าล้วนๆ!
ครับ…การเมืองช่วงนี้ก็ท่วมเหมือนกัน
น้ำลายท่วมครับ
พรรคเพื่อไทยผูกปมเอง ไม่ยอมแก้ แถมยังโทษคนอื่นว่าทำให้แก้ปมยาก
ก็เรื่องซักฟอกรัฐบาลนั่นแหละครับ มันกระเทือนเป็นงูกินหาง จน “หัวหน้าเท้ง” ออกมาบอกว่า ได้ขอให้พรรคเพื่อไทยชะลอการยื่นซักฟอกไปก่อน เกรงว่า “นายกฯ อนุทิน” จะยุบสภาแล้วทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่มไปด้วย
“หัวหน้าเท้ง” บอกว่าขอให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโหวตวาระ ๓ ไปก่อน
ปวดกบาลครับ!
ทิศทางของ ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายค้ำ ดูจะสับสน จับต้นชนปลายกันไม่ค่อยจะถูก ไม่รู้ว่าจะเอาอะไร ต้องการอะไรกันแน่
ถ้าพรรคเพื่อไทยยอมตามนี้ ได้ฮากันท้องคัดท้องแข็ง
เพราะไทม์ไลน์แก้ไขรัฐธรรมนูญ การโหวตวาระ ๓ จะเกิดขึ้นช่วง ๑๕-๑๙ มกราคม ๒๕๖๙
กลางเดือนมกราคมค่อนไปทางปลายเดือนแล้ว จะไปยื่นซักฟอกทำห่านอะไรกันล่ะครับ เพราะนายกฯ อนุทิน ต้องยุบสภา ๓๑ มกราคม อยู่แล้ว
ขืนยื่นนอกจากโดนด่าว่าเล่นการเมืองไม่ลืมหูลืมตาแล้ว ยังเสียเชิงทางการเมืองอีกต่างหาก
ไปที่พรรคส้มช่วงนี้เคลื่อนไหวถี่ยิบ ควบคู่ไปกับ การขยับของ “ศาสดาธนาธร”
เห็นประกาศขอโอกาส ๘ ปี จะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
ดูเนื้อใน “ธนาธร” จะสร้างประเทศด้วยรัฐสวัสดิการ ที่จริงก็คือ ประชานิยมซ่อนรูป น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก ในแบบฉบับของ “ธนาธร”
แต่ไม่มีแนวทางปราบคอร์รัปชันเลย
จะสร้างประเทศอย่างไรหากไม่แก้เรื่องนักการเมืองโกงให้ได้ก่อน
เอาเถอะ เห็น คุณไหม ศิริกัญญา ตันสกุล แคนดิเดตนายกฯ พรรคส้ม ออดอ้อน ขอเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ถ้าไม่มีเทาปนก็อนุมานน่าจะปลอดโกง
“…ไม่น่าแปลกใจว่า ทําไมเราถึงมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานขนาดนี้ ที่อยากจะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
เพราะการที่ได้ต่ำกว่า ๒๕๐ นั้น แทบจะเป็น ๘๐-๙๐ เปอร์เซ็นต์ ที่เราอาจจะเป็นฝ่ายค้านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเราเข้าใจดีว่า ประชาชนไม่อยากรออีกต่อไป
ประชาชนอยากให้เราเป็นรัฐบาลจะแย่แล้ว
ย้ำว่า เรื่องนี้เรื่องเดียวเป็นเรื่องที่เรายังคงต้องทํางานอย่างแข็งขันมุ่งมั่น เพื่อให้พรรคประชาชนได้เป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว…”
เอาใจช่วยครับ
คณะรัฐมนตรีเป็นคนของพรรคส้มล้วนๆ ไม่มีเทาปน
สะกดคำว่า “เทา” ไว้ให้ดีๆ นะครับ
ทั้งก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลแล้ว ขอให้เป็น “เทา” สีเดียวกัน
เพราะส้มเน่าขึ้นเชื้อราก็มีสีเทาเหมือนกัน
ขอให้สมหวัง ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว.

