“ปาฎิหาริย์ฟ้า-ดิน” #เปลวสีเงิน

"ปาฎิหาริย์ฟ้า-ดิน" #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

คุณ “วินทร์ เลียววาริณ” ศิลปินแห่งชาติ

ท่านอ่านนิยายกำลังภายในจนแต่ละวิญญานเจ้ายุทธภพสถิตอยู่ในสายเลือด

หันหลังให้งานสถาปนิกในสิงคโปร์และนิวยอร์คมาออกแบบสร้างอาณาจักรกำลังภายในสไตล์ไซไฟขึ้นจากพลังประจุวิญญานเจ้ายุทธประทับทรงปลายปากา  มิใช่แปลมา ในเรื่อง “สี่ภพ”

๖ เล่มจบ บรรจุกล่อง เห็นแล้วถึงกับต้องพึมพัมกับตัวเองว่า “ใยต้อง “อมตะ…เลอค่า” ถึงปานนั้น”!

ผมในฐานะท่อนไม้ผุ ผู้คลั่งไคล้นิยายกำลังภายในด้วยคนหนึ่ง ขอคารวะท่านศิลปินแห่งชาติ

ที่ท่านได้สร้างโลกนิยายกำลังภายในใบใหม่ด้วยจินตนาการเหนือการคาดหยั่ง จนเกิดเป็นโลกจริง

เหตุที่ผมพูดถึง “คุณวินทร์ เลียววาริณ” เพราะกำลังจะเขียนถึง นายกฯ อนุทิน ที่เข้ามาบริหารได้ซักเดือน

พรรคเพื่อไทยก็บอกผลงานใช้ไม่ได้ ล้มเหลว ต้องเปิดอภิปรายขับไล่ออกไป!

พูดง่ายๆ คือต้องการล้ม “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” เสียแต่เนิ่นๆ ขืนปล่อยนานไปอีกซักเดือน-สองเดือน เพื่อไทยก็จะกลายเป็น “ผีค้างหลุม”

ไม่มีโอกาส “ได้ผุด-ได้เกิด” ในตลาดเลือกตั้ง!

ผมก็นึกกลอนที่เคยอ่าน….

จำได้เพียงท่อนว่า “ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน” ก็เลยค้นตามเว็บดูว่า “ครบทั้งบท” มีอย่างไร และท่านใดเขียน?

พอดีพบที่ “คุณวินทร์” โพสต์ไว้ จึงขออนุญาตนำมาเป็น “บทเกริ่น” ในเรื่องที่ผมจะคุยวันนี้ซะเลย

ข้อความที่คุณ “วินทร์ เลียววาริณ” นักเขียนรางวัลซีไรต์และศิลปินแห่งชาติ โพสต์มีดังนี้

……………………………

“เมื่อวานนี้พูดถึง “หลวงวิจิตรวาทการ” ทำให้นึกได้ว่ามีประโยคหนึ่งที่ท่านเขียนและยังใช้กันอยู่ทุกวันนี้ นั่นคือ

‘จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย’

ข้อความเต็มเป็นกลอน ดังนี้…………

“อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี

แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้

จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย

ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน”

ประเด็นบทกลอน “ยกไว้” หากแต่จุดเด่นที่ผมชอบใจ คือการถอดรหัส “ความหมายของคำกลอน”

โดยท่านศิลปินแห่งชาติ เขียนขยายความให้เข้าใจกัน ดังนี้

ความหมายของกลอนบทนี้ ไม่ได้บอกว่า “อย่าทำดี” ความหมายของกลอนชี้ว่า “คนไทยมีนิสัยขี้หมั่นไส้”

วลี ‘ มีภัย’ ไม่จำเป็นต้องหมายถึงอันตราย แต่หมายถึง “คนอื่นไม่ชอบ คนอื่นอิจฉา และขัดขวาง หรือทำลายเรา”

ความหมายของกลอน “ไม่ใช่..ไม่ให้ทำดี”

แต่ให้ “ไม่ประมาท” และเข้าใจ “ธรรมชาติขี้อิจฉาของคน”

“ธรรมชาติมนุษย์” ไม่ชอบให้คนอื่น “เด่นกว่าตน” ทำดีได้

แต่ระวัง อย่าให้การทำดีนั้น ไปทำให้คนอื่น “รู้สึกถูกด้อยค่า” หรือ “รู้สึกเหมือนถูกกดทับ”

เหมือนเรา “ปีนภูเขาสูง” ก็ต้องระวังตัวตลอดเวลา ประมาทเมื่อไร ก็ “ตกลงไปได้เสมอ”

อยู่ที่สูงก็ต้องเจอลมแรง

วินทร์ เลียววาริณ

30-7-24

………………………………………..

พูดกันตามเนื้อผ้า การเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ๔ เดือนแล้ว นายกฯ อนุทินต้องยุบสภา

มาจากเงื่อนไขที่ “พรรคประชาชน” ฐานะเสียงข้างมากเขาตั้งไว้ ถ้าพรรคไหนยอมทำตามเงื่อนไขเขา ก็จะโหวตให้พรรคนั้น เป็นรัฐบาล

หัวใจหลักๆ ตามเงื่อนไข ต้องแก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ ตั้งสสร.เขียนฉบับใหม่ และผ่านสภาในขั้นรับหลักการ ตั้งกรรมาธิการแปรญัตติในวาระ ๒-๓ แล้ว ปลายมกรา ๖๙ ต้องยุบสภา

พูดง่ายๆ พรรคประชาชนต้องการให้รัฐบาลอนุทินเป็น “รัฐบาลอุ้มบุญ” ตั้งท้องให้แล้ว ก็รีบไสหัวยุบสภาไป

ส่วนลูกในท้อง คือรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คลอดออกมา ยังไงก็เป็น “สายเลือดส้ม-เลือดแดง” กำจัดรัฐธรรมนูญ ฉบับปราบโกงไปได้

แล้วประเทศไทยจะไปทางไหนเสีย ก็ตกต้องอยู่ในกำมือ “แดง+ส้ม” วันยังค่ำ พร้อมแบ่งเหนือ-แบ่งใต้-แบ่งอีสาน ไปครองในรูปแบบสาธารณรัฐ…ชัดแจ๋ว!

แต่ไม่เชื่อ-ก็ต้องเชื่อ ว่าประเทศไทย “อยู่รอด-ปลอดภัย” มาได้ถึงวันนี้ และวันต่อๆ ไปอนันตกาล เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า “เหนือปาฎิหาริย์” เป็นกำแพงแก้ว ๗ ชั้นล้อมรอบ

ใครคิดร้าย มุ่งแบ่งแยก-ทำลาย ไม่ฉิบหาย-ตายโหง ก็วิบัติวอดวายละลายทั้งโคตร ป่วยรักษาก็ไม่หาย หรือไม่ก็ทุกข์ทรมาน หมดโอกาสออกทางประตูคนเป็น!

ดูซิ…..

ถ้าไม่มี “คลิปอังเคิล” เมื่อ ๔-๕ เดือนก่อน

ป่านนี้ บ้านเมืองจะเป็นไง บ่อนกาสิโนพรึ่บ พนันออนไลน์พรึ่บ สแกมเมอร์พรึ่บ ฟอกเงินพรึ่บ เพราะเตรียมระบบเหรียญโทเคนไว้รองรับแล้ว

เกาะกูดเหลือแค่ตัวเกาะเหนือน้ำ ส่วนใต้เกาะกูดลงไปใต้น้ำ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานทั้งก๊าซและน้ำมัน มีโอกาสกลายเป็นของ “เขมรฮุนเซนครึ่ง-ไทยทักษิณครึ่ง” ไปแล้ว!

จู่ๆ คลิปอังเคิลระเบิดตูมเดียว หมูที่กำลังจะเข้าปากหมา กระเด็นกระดอน ฉิบหาย-ตายโหง “ทั้งเป็น” ไปคนละทิศ-ละทาง

ผมจำขี้ปากอาจารย์โหรทั้งหลายมาบอกไว้นานแล้วว่า บ้านเมืองเข้าช่วง “กรรมชำระบิล”

ใครทำอะไรไม่ดีซุกซ่อนไว้ จะถูกขุดคุ้ยออกมาหมด

ใครทำกรรมชั่วไว้ ขั้นหนักก็ถึงตาย ขั้นกลางก็พินาศ-วอดวาย ลูก-เมีย หนี ขั้นเบาหน่อย ก็แย่งข้าวหมากิน

ถ้าโชคดี เป็นหมาวัด ยังพอมีข้าวให้แย่งกิน ถ้าโชคร้าย เป็นหมาบ้าน มีแต่อาหารเม็ดให้กิน โถ….ตกยากกว่าหมาซะอีก!

แล้วนี่ ด้วยจิตแอบ ประสงค์ร้ายต่อบ้านเมือง

ที่จะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทิ้ง แล้วคิดวิธีนำพวกมาเขียนฉบับใหม่เปิดช่อง “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน”

มาถึงขั้นแปรญัตติ จะเข้าสภาวาระ ๒-๓ ในธันวา.ก่อนสิ้นปีนี้แล้ว

เรียกว่า ความหวังอยู่แค่เอื้อม แต่ประหนึ่ง “ผีบ้าน-ผีเมือง” สิงใจ ในขณะที่ส้มพยายามข่มใจ จะให้พิธีปลุกเสกร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านวาระ ๒ เกิดเป็นตัวคาท้องเสียก่อน

แล้วค่อยบีบให้ยุบสภาก็ยังไม่สาย!

แต่เพื่อไทย…ไม่ละเว้ย…กูจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ คว่ำมันไปซะเดี๋วนี้เลย!

กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๑ ว่าด้วยขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในมาตราเดียวกันนี่แหละ

อาจารย์วันนอร์ ประธานรัฐสภา มองไปอย่าง เกจิกฎหมายเพื่อไทยมองไปอย่าง ฝ่ายรัฐบาล นายกฯ อนุทิน ก็มองไปอีกทาง

อาจารย์วันนอร์กับเพื่อไทย ภาพรวมจะไปในทางเดียวกันคือ เมื่อฝ่ายค้านเสนอญัตติแล้ว รัฐบาลจะยุบสภาไม่ได้

ทางนายกฯ อนุทิน เมื่อถูกขู่จะถูกเปิดอภิปรายขับไล่ แทนที่จะตกใจ กลับดูดอมยิ้มจ๊วบๆ….เอาเลย ยื่นตอนไหน ผมยุบสถาตอนนั้นเลยนะ!

เรียกว่าเตะชามข้าวคว่ำหมดไปด้วยกัน “ไม่ต้องด่ง-ต้องแดก” กันละ เรื่องรัฐธรรมนูญ ฉบับล่มชาติ-ล้มสถาบันนั่นน่ะ!

แสดงว่า กุนซือกฎหมาย นายกฯ อนุทินใช้ได้ เพราะประเด็นเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วยุบสภานั่นน่ะ เป็นกฎหมายตัวแม่รัฐธรรมนูญ

การจะใช้ ต้องอ่านกฎหมายให้ครบทั้งวรรค และต้องไปดูข้อบังคับการประชุมสภาประกอบด้วย

กุนซือกฎหมายนายกฯ น่าจะมองมุมเเดียวกับ “ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม” นักกฎหมายมหาชน ทีท่านให้ความรู้ในมุมกฎหมายตรงนี้ว่า……..

“ปรากฏในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 62 ส่วนการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ

ใน หมวด 9 ส่วนที่ 1 ข้อ 175 และข้อ 176  โดยในข้อ 176 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติว่า

เมื่อประธานสภาได้รับญัตติข้อ 175 แล้วให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภา แจ้งผู้เสนอให้ทราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ

และในข้อ 176 วรรคสอง บัญญัติว่า เมื่อประธานสภาได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้ว

ให้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ”

ก็ชัดว่า….

ไม่ใช่ฝ่ายค้านเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจปุ๊บ ก็ห้ามรัฐบาล “ยุบสภาปั๊บ”

ตามข้อบังการประชุม ประธานรัฐสภารับญัตติไปแล้ว ต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อน ถ้าพบบกพร่อง ต้องแจ้งให้ผู้เสนอญัตติทราบภายใน ๗ วัน

หมายถึงว่า ช่วง ๗ วันที่ตรวจสอบ ประธานสภาฯ ยังไม่ได้บรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระการประชุม นั่นคือยังไม่มีผล

ดร.ณัฐวุฒิ บอกตรงนี้ว่า…..

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี จะยุบสภาได้ ถือเกณฑ์ใดนั้น เมื่อ สส.ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ต้องยึดรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 วรรคสอง

ประกอบข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 176 วรรคสอง

“เกณฑ์จุดชี้ขาด”อยู่ตรง นายวันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร “ได้รับบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม” แล้ว

มิใช่ว่า ให้นับแต่ยื่น ห้ามยุบสภา

ดังนั้น เมื่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยทราบข่าวว่า ฝ่ายค้านยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151

อาจ “ชิงยุบสภาก่อน” ที่นายมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร “รับบรรจุญัตติ” ก่อนที่จะแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบได้”

……………………………..

เพราะอย่างนี้ นายกฯ อนุทินจึงแอ่นเป้าเชิญพรรคเพื่อไทย แน่จริง ยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วๆ เลยซี!

ทำไป-ทำมา  ๑๐ บาท เอาขี้หมากองเดียว ไม่กล้าหรอก เพราะการล้มรัฐบาลตอนนี้ ผลที่จะเกิดก็คือ

การฉีกรัฐธรรมนูญ “ฉบับปราบโกง” เขียนใหม่เป็น “ฉบับกัดกร่อนบ่อนเซาะสถาบันประเทศ” นั้น

“๑ ลูก” ฝ่อในท้องแม่สีน้ำเงิน

“๒ พ่อแดง-พ่อส้ม” อกแตกเหมือนฟ้าผ่าควายตายคาคอก!

เปลว สีเงิน

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ

 

 

 

Written By
More from plew
ระวัง…แค้นของคนบ้า! #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้แหละ…..๗ สิงหา จะได้รู้กันว่า “ไทย-เขมร” จะรบกันต่อหรือพอแค่นี้!? พี่น้องตามศูนย์อพยพคงใจจด-ใจจ่อ รอฟังผลการประชุม GBC ของ “ชุดใหญ่”...
Read More
0 replies on ““ปาฎิหาริย์ฟ้า-ดิน” #เปลวสีเงิน”