ทีงี้ทำเป็นเก่ง #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์”

นายคนนี้เป็นใคร???

มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์บ้าง

สันดานนักการเมือง เมื่อถึงรอบที่ต้องเป็นฝ่ายค้าน ความฉลาดเฉลียว ปราดเปรื่อง ก็พลันบังเกิดแบบครบจบในตัวคนคนเดียวได้อย่างไร้รอยต่อ

แต่พอเป็นรัฐบาล เรื่องง่ายๆ ทำให้เป็นเรื่องยากไปเสียหมด

ช่วงที่ “จุลพันธ์” เป็นรัฐมนตรีช่วยคลัง ในรัฐบาลเศรษฐา และรัฐบาลแพทองธาร หน้าที่หลักคือ เป็นไม้กันหมาให้ เศรษฐา และ แพทองธาร

ไม้กันหมา ไม่ใช่คำหยาบนะครับ มีความหมายดีงามเสียด้วย

คือคนที่คอยปกป้องคนอื่น

เพียงแต่หน้าที่ไม้กันหมาของ “จุลพันธ์” ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก

เป็นไม้ที่อ่อนปวกเปียก คอยแก้ตัวให้ “เศรษฐา-แพทองธาร” ไปเรื่อยๆ

ก็เรื่องแจกเงินหมื่นนั่นแหละครับ

จากดิจิทัลวอลเล็ต เหรียญดิจิทัล โทเคน บิตคอยน์ เป็นเงินสด

เป็นนโยบายที่ใช้เวลาพูดร่วมๆ ๒ ปี ทั้งคนพูดคนฟังไม่ค่อยจะเข้าใจ แจกทั้งทีกลับทำให้ซับซ้อน ก็ได้ “จุลพันธ์” นี่แหละครับคอยอธิบายให้ประชาชนงงๆ กันทั้งประเทศ

สุดท้ายแจกเงินสด หวังว่าพายุจะหมุน ๔-๕ รอบ แต่ที่ได้รับกลับมาคือ….เงียบกริบ

เทียบกับคนละครึ่งวันนี้ ความคึกคักในตลาดร้านค้า ต่างกันราวฟ้ากับเหว

รัฐบาลอนุทินใช้เวลา ๒ เดือน พายุหมุนติ้วพ่อค้าแม่ขายกดแอปเป๋าตังกันแทบไม่ทัน

รัฐบาลระบอบทักษิณใช้เวลา ๒ ปี

วันนี้ “จุลพันธ์” ทำเป็นเก่ง สอน “นายกฯ อนุทิน” เป็นฉากๆ

“….การบริหารประเทศต้องตั้งอยู่บนหลักคิดและการประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน ไม่ใช่การตอบสนองด้วยอารมณ์หรือคำพูดที่ขาดการชั่งน้ำหนัก เพราะถ้อยคำของผู้นำ ไม่ได้สะท้อนแค่ความคิดเห็นส่วนตัว แต่สะท้อนท่าทีของประเทศไทยทั้งประเทศต่อประชาคมโลก

เหตุการณ์ล่าสุดทำให้เห็นว่า การสื่อสารที่ขาดความรอบคอบ หรือการใช้ถ้อยคำที่อาจตีความได้หลากหลาย สามารถส่งผลกระทบในระดับการทูตและเศรษฐกิจได้ทันที ทั้งที่ในข้อเท็จจริง ประเทศไทยควรจะอยู่ในจุดที่มีหลักฐานรองรับ และสามารถยืนยันต่อเวทีนานาชาติว่าเหตุการณ์การละเมิดเริ่มต้นจากฝ่ายกัมพูชา แต่การส่งสัญญาณที่คลาดเคลื่อนกลับทำให้ประเทศต้องเผชิญความกดดันจากหลายทิศทาง แม้เรามีพื้นฐานที่น่าจะใช้สร้างความได้เปรียบได้ดีกว่านี้

ประเทศไทยมีมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ ประมาณ ๓ ล้านล้านบาทต่อปี ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงสถิติในเอกสารราชการ แต่สะท้อนถึงรายได้และความเป็นอยู่ของประชาชนหลายสิบล้านคน การสื่อสารทางการเมืองที่เชื่อมโยงประเด็นเศรษฐกิจกับความมั่นคงโดยไม่ประเมินผลกระทบให้รอบด้าน จึงอาจทำให้ความร่วมมือสำคัญหลายด้านชะงักงัน รวมถึงมาตรการปราบปรามเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกระทบกับประชาชนโดยตรง

ในอดีต ประเทศไทยเคยใช้ทั้งความร่วมมือทวิภาคี พหุภาคี และการทูตเชิงรุก เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกับนานาประเทศบนพื้นฐานของข้อมูลและหลักฐาน ทำให้เราสามารถรักษาความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในสถานการณ์ครั้งนี้ ประเทศของเรากลับไม่ได้ใช้กลไกเหล่านั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ ข้อมูลของไทยถูกสื่อสารออกไปไม่ทันกับการตีความของนานาชาติ และทำให้เราตกอยู่ในสถานะที่ประนีประนอมได้ยากกว่าเดิม

วันนี้ ไทยจึงอยู่ในจุดที่ ‘ถูกกดดันทั้งสองด้าน’ ทั้งจากประเทศคู่กรณีและจากประเทศที่เป็นคู่ความร่วมมือสำคัญ ทั้งที่เราสามารถบริหารจัดการให้ดีกว่านี้ได้ หากการประสานงาน การสื่อสาร และการดำเนินกลยุทธ์ทางการทูตถูกวางอย่างเป็นระบบและมีความแม่นยำมากกว่านี้

ผมจึงอยากชวนให้สังคมไทยร่วมกันพิจารณาอย่างใจเย็นว่า เมื่อผลลัพธ์ของการบริหารครั้งนี้นำพาให้เราสูญเสียความได้เปรียบและต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก ประเทศไทยควรเดินอย่างไรต่อไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนให้ได้มากที่สุด…”

ให้ตายเถอะครับ ถ้า “จุลพันธ์” ทำได้อย่างที่พูดสมัยเป็นรัฐบาล ป่านนี้ปัญหาชายแดนไทย-เขมร จบไปแล้ว ราบรื่น!

ดีลภาษีก็ปิดจ๊อบไปเรียบร้อย

แต่…ที่ต้องมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวกันอยู่ ก็เพราะรัฐบาลแพทองธารทำเรี่ยราดเอาไว้

ถามหน่อย “จุลพันธ์” การสื่อสารที่ขาดความรอบคอบที่ว่าคืออะไร?

ต้องอธิบายไปพร้อมกับเปิดคลิปอังเคิลวุ้นเส้นหรือเปล่า

มันหนักหนาจริงๆ

พรรคเพื่อไทยคงยังคิดไม่ได้ว่าสาเหตุของความวุ่นวายที่ชายแดนเริ่มมาจากเรื่องส่วนตัวของตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุน

การสื่อสารที่อ่อนหัดของ “แพทองธาร” ทำให้ประเทศไทยดูด้อยศักดิ์ศรี

พูดอะไรออกไปไม่ได้ชั่งน้ำหนักก่อนพูดเลย

ใช้ถ้อยคำที่คนอื่นไม่ต้องตีความ แต่คนพูด…แถว่าเป็นเทคนิคการเจรจา

พูดมาได้ไงแม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นฝ่ายตรงข้าม

ภาพที่ออกมาผู้นำของประเทศไทยหงอ ทำตัวเป็นเด็กดีของฮุน เซน

มีวาระส่วนตัวซ่อนอยู่

แค่นี้ก็ฉิบหายแล้วครับ

วันนี้ นายกฯ อนุทินทำให้เห็นแล้วว่า ไทย ไม่ได้เป็นลูกไล่ของอเมริกา

หมดยุคที่อเมริกาอยากได้ต้องประเคนให้หมดแล้ว ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายค้ำ เสียรังวัดไปเยอะครับ เพราะประเมินสถานการณ์ตามกรอบเดิมๆ

“หัวหน้าเท้ง” นี่หนักเลยครับ ตอบสนองนโยบาย อเมริกาเฟิสต์ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้อย่างลงตัว

เอะอะต้องบอกอเมริกาก่อน กลัวจะเสียเปรียบในเวทีโลก เพราะไม่เอาใจอเมริกา

แถมยังมองเป็นเรื่องชาตินิยม

“…เมื่อเกิดกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิดขึ้น แทนที่คุณอนุทินจะเร่งดำเนินการในปฏิบัติการให้โลกล้อมกัมพูชา ทั้งการละเมิดสัญญาสันติภาพและการผนึกกำลังนานาชาติในการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้เปรียบกัมพูชาในทุกประตู แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีดำเนินการ กลับเลือกโหนกระแสชาตินิยม เพื่อปกป้องคะแนนนิยมของตัวเอง และกลบเกลื่อนการจัดการปัญหาสแกมเมอร์ รวมถึงกระบวนการการฟอกเงินที่กระทบรัฐบาลของคุณอนุทินในขณะนี้…”

ว่าไปแล้วพรรคที่โหนกระแสชังชาติ ไม่ใช่อื่นไกล ก็พรรคส้มนี่แหละ

อย่ามอง “อนุทิน” มิติเดียวครับ

โหนกระแสชาตินิยมทำร้ายใครหรือเปล่า

หมากที่ “อนุทิน” เดิน มันซับซ้อนเกินกว่าที่ “หัวหน้าเท้ง” จะตามทัน

และความจริงก็ปรากฏแล้ว เมื่อ “ทรัมป์” ไม่เอาเรื่องเขมรไปปนกับภาษี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหมากที่ “อนุทิน” เดินตั้งแต่ประชุมอาเซียนที่มาเลเซีย และเอเปกที่เกาหลีใต้

กลับกันถ้าวันนี้ นายกรัฐมนตรีประเทศไทยชื่อ “เท้ง” ประเทศไทยได้ “เท้งเต้ง” เดินตามก้นอเมริกาอย่างเดียว.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
DITP เป็นปลื้ม จัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ขายอาหาร-ข้าวแอฟริกาใต้ ยอดพุ่งเฉียดพันล้าน
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยผลการจัดเจรจาธุรกิจขายสินค้าออนไลน์กลุ่มอาหารและข้าวตลาดแอฟริกา ประสบความสำเร็จเกินคาด ตกลงซื้อขายได้กว่า 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเฉียด 1 พันล้านบาท เตรียมลุยต่อสินค้าอาหารทะล มั่นใจยอดกระฉูดอีก
Read More
0 replies on “ทีงี้ทำเป็นเก่ง #ผักกาดหอม”