ผักกาดหอม
เขมรคบไม่ได้นี่เรื่องจริงนะครับ…
ไม่ใช่คนเขมร
แต่เป็นรัฐบาลเขมร นักการเมืองเขมร คบยากครับ
เรื่องบิดเบือนข้อเท็จจริงในโลกนี้ ไม่มีใครเชี่ยวชาญเท่ารัฐบาลเขมรอีกแล้ว
รายงานข่าวจาก ขแมร์ไทม์ส กระบอกเสียงภาษาอังกฤษของระบอบฮุน เซน ถึงแถลงการณ์ปฏิเสธว่าไม่ได้วางทุ่นระเบิดใหม่ มีแต่ของเก่าอายุ ๕๐ กว่าปีทั้งนั้น
“…กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามีการวางทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว กระทรวงฯ ย้ำว่าพื้นที่ชายแดนยังคงเต็มไปด้วยวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงทศวรรษ ๑๙๗๐ และ ๑๙๘๐ และทุ่นระเบิดจำนวนมากยังไม่ได้รับการกำจัดเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ขรุขระและแนวแบ่งเขตที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
กัมพูชาไม่เคยใช้ทุ่นระเบิดชนิดใหม่ใดๆ และจะไม่ทำเช่นนั้น
ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของประเทศต่ออนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดบุคคล
ปฏิญญาร่วมซึ่งลงนามเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นความก้าวหน้าทางการทูต โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนร่วมเป็นสักขีพยาน ข้อตกลงนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงเครียดทางทหารและส่งเสริมความร่วมมือตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย
กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาแสดงความผิดหวังต่อการระงับข้อตกลงกะทันหันของไทย โดยระบุว่าปฏิญญาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากนานาชาติ และเป็นสัญลักษณ์ของบทใหม่ของการทูตระดับภูมิภาค…”
ที่จริงก็อยากเห็นหลักฐานชัดๆ จากกองทัพไทยว่า รู้ได้อย่างไรว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ทหารเขมรลอบมาวางใหม่ แต่เห็นแถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาแล้ว สิ้นสงสัยครับ
รัฐบาลเขมรโกหกตั้งแต่ก่อนมีการปะทะยันวันนี้
ไอ้ก้อนเหล็กเขียวๆ กลมๆ ที่ติดในรูปถ่ายของทหารเขมรที่ปราสาทตาควาย คงเป็นขันน้ำกระมัง
แล้วคลิปสอนวางทุ่นระเบิด คงเป็นคลิปสอนปลูกผักสินะ
หลักฐานทนโท่ก็ยังโกหกหน้าด้านๆ
มันจะเป็นระเบิดเก่ากว่า ๕๐ ปีได้ไงในเมื่อทหารไทยใช้เส้นทางนี้เดินลาดตระเวนทุกวัน
ถ้าใช่ขาขาดตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว
ครับ…ถึงได้บอกว่า รัฐบาลเขมรคบไม่ได้ โดยเฉพาะรัฐบาลระบอบฮุน เซน
ไทยอาจต้องลดความสัมพันธ์กับเขมรไปจนกว่าเขมรจะเปลี่ยนรัฐบาล หรือระบอบฮุน เซน จะพังพินาศไป
ฝั่งรัฐบาลไทย ดูจะขึงขังไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ทันใจพระเดชพระคุณกองเชียร์
ไทยไม่ใช่อิสราเอลครับ ที่จะได้ทำอะไรที่ดูแล้วเป็นการรังแกชาติที่เล็กกว่าก็คงไม่เหมาะในสายตาประชาคมโลก แต่เรานิ่งเฉยไม่ได้
มันต้องมีมาตรการที่สมน้ำสมเนื้อ
ไม่ใช่บุกไปยิงทหารเขมรในบ้านเขา
แต่ถ้าล้ำเข้ามาอีกเมื่อไหร่ต้องซัดไม่เลี้ยง
ไม่เจ็บปางตายก็หามศพกลับ
ที่สำคัญการกดดันทางเศรษฐกิจต้องเต็มที่ ๑๐๐%
ต้องไม่มีช่องว่างใดๆ
ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วานนี้ (๑๑ พฤศจิกายน) ตามคำบอกเล่าของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้ความทำนองนี้
“…มีกฎใช้กำลังอยู่ว่า เข้ามาทำอะไร ซึ่งจะมีขั้นตอนการเตือน การยิง จากอาวุธเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่า หลังจากนี้การปฏิบัติการทางทหาร ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม สมช. ให้ปฏิบัติการได้ตามสถานการณ์…”
ก็หมายความว่า ทหารเขมร ข้ามแดนมาเมื่อไหร่ถ้าเตือนไม่ฟังก็ยิงทันที
เพราะถ้าไม่ยิงฝ่ายที่สูญเสียก็คือทหารไทย
เหยียบทุ่นระเบิดรายแล้วรายเล่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
ก็ชัดเจนจากปากนายกฯ อนุทินนะครับ ระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา ทุกกรณี
ปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา มีอะไรบ้าง
๑.พวกเรายืนยันความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างสองประเทศ
๒.พวกเรายืนยันความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นในการยึดมั่น และดำเนินการตามข้อตกลงที่ได้บรรลุร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป
๓.พวกเราได้ลงนามในเอกสารขอบเขตการจัดตั้งกลไกผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT)
๔.นอกจากนี้ พวกเราได้ให้คำมั่นที่จะลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย
ดำเนินการลดความตึงเครียดทางการทหาร
ละเว้นการเผยแพร่หรือส่งเสริมการใช้ข้อมูลเท็จ
เห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการสร้างความเชื่อมั่นโดยทันทีและเต็มรูปแบบเพื่อฟื้นฟูและรักษาความเชื่อมั่น ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และสันติภาพตามแนวชายแดน
ประสานงานและดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม
ยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนและการจัดทำหลักเขตแดน ผ่านสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยละเว้นการคุกคามหรือใช้กำลัง หรือการกระทำที่เป็นการยั่วยุใดๆ
เมื่อมีการดำเนินการตามมาตรการข้างต้นอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับว่าเป็นการสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์ที่ดำเนินอยู่ นอกจากนี้เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการส่งเสริมความเชื่อมั่น และความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไทยจะดำเนินการปล่อยเชลยศึกโดยพลัน
พวกเราตกลงที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือ การแบ่งปันข้อมูล และการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งของการตรวจสอบควบคุมตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ
รัฐบาลทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ โดยเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศและสนธิสัญญาและความตกลงที่มีอยู่….
ทั้งหมดนี้ต้องยุติ ไม่มีการดำเนินการร่วมกัน
แต่ฝ่ายไทยยังเก็บกู้ทุ่นระเบิดในฝั่งไทยต่อไป
ก็คงไม่กระทบอะไรกับรัฐบาลเขมรมากนัก เพราะสิ่งที่รัฐบาลกัมพูชาต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้คือปัญหาเศรษฐกิจต่างหาก
การเปิดชายแดนต้องไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
กลับกัน ต้องเข้มงวดห้ามคนนำสินค้าเข้า-ออก ๑๐๐% เต็ม
อาจจะดูโหดไปบ้าง แต่ถ้าอยากจะจบเร็วต้องเด็ดขาด
ซึ่งแน่นอนครับว่าจะกระทบกับคนไทยส่วนหนึ่งซึ่งค้าขายตามแนวชายแดน
รัฐบาลจึงต้องดูแลคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษ
อย่าตีงูหลังหัก ต้องตีให้ตาย
จะได้ไม่กลับมาแว้งกัดอีก.

