ผักกาดหอม
แสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทยด้วยครับ…
ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่
“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์”
เที่ยวนี้พรรคเพื่อไทยต้องการความสดใหม่ หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองเลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่
คงเพราะกระแสการเมืองในปัจจุบันตอบรับนักการเมืองคนรุ่นใหม่ มากกว่าคนรุ่นก่อน
ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ หน้าใหม่ สวย หล่อ ก็ยิ่งมีโอกาสชนะเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเขตเมือง เขตที่อยู่นอกพื้นที่อิทธิพลบ้านใหญ่
พรรคส้มพิสูจน์ให้เห็นแล้วครับว่า ไม่ต้องมีชื่อเสียงมาก่อน ถ้าผู้บริหารพรรคเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่แถมสวยหล่อด้วยแล้ว โอกาสที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคจะได้รับการเลือกตั้งมีสูงมากทีเดียว
“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” เหมือนจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ปีนี้อายุอานามก็ ๕๐ แล้ว
กึ่งๆ รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่มากกว่า
ดีกรีเป็น สส.มาแล้ว ๕ สมัย แถมยังเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมาแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นน้องใหม่ทางการเมืองเลยครับ
ผิดกับ “ธร-ทิม-เท้ง” หน้าใหม่จริงๆ ไม่เคยสัมผัสการเป็นรัฐบาลเลย
อย่างน้อยๆ มีข้อดีของการไม่เคยเป็นรัฐบาลนั่นคือ ความชั่วยังไม่มี ความดียังไม่ปรากฏ
กลับกันมีความเก่งกาจในฐานะฝ่ายค้าน เพราะสามารถแนะนำให้รัฐบาลแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะยากเย็นสักเพียงไหน
ฝ่ายค้านก็มีคำแนะนำผสมด่าอยู่เสมอ
จึงเกิดอุปาทานที่ว่า “ธร-ทิม-เท้ง” เก่งมาก นักการเมืองรุ่นเก่าสู้ไม่ได้ อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ ประเทศไทย คนไทยจะได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที
ชุดความเชื่อนี้มีอยู่จริง และแสดงออกโดยผลการเลือกตั้งมาแล้ว
กระแสคนรุ่นใหม่จะเกิดขึ้นอีกในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ความคลั่งไคล้จะลดลง เพราะมีเรื่องให้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ของจริงเป็นแบบไหน
และใครเป็นของปลอม
เรื่องที่ใช้พิสูจน์ก็คือความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชานั่นเอง
เรื่องนี้ ๓ พรรคการเมืองขนาดใหญ่มีบทบาทหมดครับ
พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลต้องกอบกู้พรรคขนานใหญ่ ก็เพราะคลิปเสียง “อังเคิลวุ้นเส้น” มันแสดงให้เห็นถึงความตกต่ำของพรรคเพื่อไทยที่ควบคุมโดยตระกูลชินวัตร
พรรคภูมิใจไทยชิ่งออกมาจากรัฐบาลแพทองธาร เพราะคลิปเสียง “อังเคิลวุ้นเส้น”
พรรคประชาชนเสียศูนย์กับเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เยอะพอสมควร
ตั้งแต่วาทกรรม มีทหารไว้ทำไม
ยัน รบไปก็แพ้
ดันมาทะเลาะกับ “กัน จอมพลัง” อีก
ฉะนั้นกรณีนี้กรณีเดียวพิสูจน์ให้เห็นถึงขีดความสามารถของนักการเมืองในยามที่บ้านเมืองมีเหตุคับขัน ว่าใครคือคนทำงาน และใครเป็นเพียงนักวิจารณ์
แต่มีจุดสังเกตตรงที่ พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ไม่มีแนวโน้มยกเครื่องพรรค
ผิดกับเพื่อไทยต้องผ่าเครื่องมาขัดล้างกันขนานใหญ่ แล้วได้ผลตามที่เห็น
คล้ายๆ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องกอบกู้พรรคครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของพรรคการเมืองที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นสถาบันทางการเมือง
ภาพรวมในขณะนี้จึงแบ่งพรรคการเมืองเป็น ๒ กลุ่มชัดเจน
กลุ่มที่ต้องรีแบรนด์ หรือรีเซต หรือยกเครื่องใหม่ แล้วแต่จะเรียก คือพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตศรัทธาอย่างหนักหน่วง
หากไม่ลงมือทำอะไรเลย โอกาสเป็นพรรคต่ำร้อยต่ำสิบมีสูงมาก
ขณะที่อีกกลุ่มคือ พรรคประชาชน กับพรรคภูมิใจไทย แทบไม่ต้องแตะโครงสร้างพรรค เพราะ “อยู่ตัว”
๒ พรรคหลังจึงมีความพร้อมในการเลือกตั้งมากกว่า
กรณีของพรรคเพื่อไทยถูกจับตามองมากกว่าพรรคการเมืองอื่น ก็เพราะพรรคนี้ถูกครอบงำโดยตระกูลชินวัตรโดยตลอด แต่ก็พยายามเรียกขานตัวเองว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
คำว่า “ยกเครื่อง” ถูกนำมาใช้
เหมือนรถสตาร์ทไม่ติด มาจากปัญหาเยอะแยะไปหมด
ตั้งแต่แบตเตอรี่เสื่อมยันเครื่องพัง
กรณีพรรคเพื่อไทย ถือว่าอาการหนัก
คือเครื่องพังยับ!
ลูกสูบบิดเบี้ยว วาล์วรั่ว
แต่…ไม่ใช่เครื่องพังอย่างเดียว ยังติดไฟแนนซ์อีกต่างหาก
เจ้าของไม่ใช่คนในพรรค แต่เป็นคนออกเงิน
การยกเครื่องใหม่ของพรรคเพื่อไทยจึงถูกจับตามองว่า คนออกเงินจะมีความเมตตาปรานี ปล่อยพรรคเป็นอิสระหรือเปล่า
ดูแล้วคงจะยาก เพราะลูกสาวบริษัทไฟแนนซ์ มานั่งคุมการยกเครื่องด้วยตัวเอง
แต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัวคนในอู่ ใครทำอะไรต้องมารายงานตรง ไม่ต้องผ่านคนขับรถ
สรุปแล้วยากมากครับที่ พรรคเพื่อไทยจะหลุดจากโซ่ตรวนของตระกูลชินวัตร
ตราบเท่าที่ยังมีตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มาครอบหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอีกที มันก็ยังวนเวียนอยู่กับตระกูลชินวัตร
เท่านั้นยังไม่พอ
ยุคนี้เป็นยุคที่พรรคเพื่อไทยขาดความสง่าผ่าเผยอย่างสิ้นเชิง
เดิมทีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้น ประกาศแต่ไก่โห่ เพราะคุยโม้ว่ามีตัวเลือกเยอะ การเลือกตั้งปี ๒๕๖๖ ชื่อของ “เศรษฐา ทวีสิน” โผล่มาตั้งแต่ต้นปี
วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๖ “เศรษฐา ทวีสิน” ถูกวางตัวให้เป็น ผู้ประกาศนโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเป็นทางการ
พรรคเพื่อไทยวันนั้นคึกคักมาก
ทุกคนเชื่อว่าผลเลือกตั้งจะแลนด์สไลด์
แต่ผิดคาด ทั้งที่วันนั้นพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมมาก
มาวันนี้ต่างไปอย่างสิ้นเชิง มีความไม่พร้อมต่างๆ มากมาย
การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกลายเป็นเรื่องยาก เพราะสายตรงชินวัตร แทบไม่เหลือแล้ว
ฉะนั้นก่อนที่จะยกเครื่องประเทศ คนในพรรคเพื่อไทยต้องยกเครื่องหนีตระกูลชินวัตรให้ได้ก่อน
ถ้าทำไม่ได้อย่ามาพูดเรื่องยกเครื่องประเทศให้เหม็นขี้ฟัน.

