ผักกาดหอม
น่าเห็นใจครับ…
วานนี้ (๑๒ มกราคม) หมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ “พล.ต.ท. นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์” รูดซิปปากแน่น ใส่กุญแจอีก ๑๔ ชั้น ไม่บอกนักข่าวว่าส่งเอกสาร หลักฐาน การรักษาตัว “นักโทษเทวดา” ไปให้ คณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา แล้วหรือยัง
บอกเพียงว่า…
“…ขอปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ และทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นคนให้ข่าว…”
งั้นก็รอ “ท่านรองกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง” โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคนแถลงข่าวครับ
แต่อย่าคาดหวังอะไรมาก เพราะไม่น่าจะมีการลงในรายละเอียด เพราะ “รองกอล์ฟ” เองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ฉะนั้นข้อใหญ่ใจความจะไปอยู่ที่แพทยสภา
ช่วงนี้จึงถือเป็นสงครามหมอ ก็ว่าได้
เพราะรู้ไส้รู้พุงกันมากกว่าชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป
โพสต์ของ “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี ตั้งคำถาม…
“จะส่งเวชระเบียนหรือไม่”
“…ช่วงนี้ประชาชนจำนวนไม่น้อย คงใจจดใจจ่อว่า รพ.ตำรวจ และ รพ.ราชทัณฑ์ จะส่งเวชระเบียน และรายละเอียดการรักษาพยาบาล ของนายทักษิณ ตามที่แพทยสภาขอหรือไม่ ซึ่งมีกำหนดไว้วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๘ นี้
อย่าลืมนะว่า การดำเนินการของแพทยสภา ในฐานะเจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อการสอบสวนด้านจริยธรรม ของแพทย์ที่ทำการรักษา
และเป็นไปตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ที่สำคัญ ข้อเท็จจริงต่างๆ ของนักโทษรายนี้ มีการถูกตั้งข้อสังเกตโดยกลุ่มแพทย์ เช่น คนไข้วิกฤตจะไม่ทำ MRI แต่รายนี้ทำ
คนไข้วิกฤตจะไม่ส่องกล้องผ่าเอ็นที่ไหล่ จะรอให้อาการไม่วิกฤต แต่รายนี้ทำ
คนไข้วิกฤตต้องติดเตียง จะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่แขนและขา แขนขาต้องลีบลง แต่รายนี้ไม่มีร่องรอย จึงมีคำถามจากกลุ่มแพทย์ว่า ผู้ป่วยรายนี้วิกฤตจริงหรือ หรือเป็นการช่วยให้ไม่ต้องอยู่เรือนจำ
สิ่งที่ต้องติดตาม ถ้ามีการส่งเอกสารให้แพทยสภา ต้องติดตามว่า เอกสารดังกล่าวครบถ้วนหรือไม่ หรือมีการแต่งเรื่องขึ้นมา ซึ่งไม่น่าจะง่าย
เพราะระบบของรักษาพยาบาล ในทุกๆ มิติ รวมทั้งแล็บ ต้องสอดคล้องกันหมด และต้องตอบข้อสงสัยต่างไปได้หมด
แต่ถ้าไม่มีการส่ง เท่ากับว่ามีนัยที่ไม่ปกติเกิดขึ้น
สิ่งที่ต้องย้ำ รพ.ตำรวจและโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ขอให้ทำอะไรตรงไปตรงมา เคารพกฎหมาย รักษาเกียรติศักดิ์ศรีของแพทย์ อย่าดื้อแพ่งเหมือนกับที่นักการเมืองบางคนทำ
ถ้าท่านดื้อแพ่งไม่ยอมส่ง ทำตัวเหนือกฎหมาย ท่านอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นสู่การล่มสลายของรัฐบาลชุดนี้ก็ได้…”
เอาทฤษฎีโดมิโนมาจับเรื่องนี้ได้เลยครับ
ถ้าโดมิโนตัวแรกล้ม ที่เหลือก็ล้มเป็นกระดาน
อย่างที่เขียนถึงหลายครั้ง “ทักษิณ” มีโอกาสที่จะแสดงหลักฐานการป่วยของตัวเองตั้งแต่แรก ด้วยตัว “ทักษิณ” เอง
แต่กลับปล่อยให้เรื่องอึมครึมมาถึงวันนี้
หากป่วยจริง ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต้องปิดบัง แต่ “ทักษิณ” และตระกูลชินวัตร เลือกที่จะสู้กับกระแส “ป่วยทิพย์”
หวงอาการป่วยไว้เป็นความลับสุดยอด
ไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาอธิบายได้เลยครับว่าทำไม “ทักษิณ” ต้องการแบบนั้น แล้วคนอื่นต้องมาเดือดร้อนแทน
อย่างน้อยๆ คุณหมอรวม ๖ คนต้องนอนก่ายหน้าผากทุกคน
ที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบมีใครบ้าง มาดูกันอีกครั้ง
๑.พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ
๒.พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ
๓.พ.ต.อ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ ๕) รพ.ตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์
๔.พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ แพทย์ รพ.ตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์
๕.แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่
๖.นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
ทั้ง ๖ คนนี้ต้องตอบคำถามเยอะครับ
หากใครมีพิรุธจะถูกจับได้ทันที เพราะเรื่อง “นักโทษเทวดา” สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่ยากเย็นอะไรเลย
เมื่อ “ทักษิณ” ยืนยันว่าตัวเองป่วย แต่ไม่ยอมแสดงหลักฐานว่าป่วย ซึ่งเป็นหลักฐานที่เป็นคุณกับตัวเอง ก็ต้องสรุปในเบื้องต้นไว้ก่อนว่า “ป่วยทิพย์”
การป่วยทิพย์ จะสร้างแรงกระเพื่อมไปถึงรัฐบาลอย่างช่วยไม่ได้
อย่าบอกว่า “ทักษิณ” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาล
จะมีใครสักคนในประเทศไทยสามารถสั่งโรงพยาบาลตำรวจ และกรมราชทัณฑ์ ทำเพื่อนักโทษคนใดคนหนึ่งได้
มีไม่กี่คนหรอกครับที่ทำเช่นนี้ได้
เมื่อทำได้ ก็แสดงว่าย่อมมีเป้าหมาย
เรื่องนี้ต้องดูให้จบเรื่องครับ เพราะไม่ใช่เหตุการณ์ปกติที่จะเกิดขึ้นทุกวี่ทุกวัน
การแก้เกมป่วยทิพย์ หากมี…จะกลายเป็นการเขย่าวงการแพทย์ และวงการการเมืองครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
หากมีการบิดเบือนข้อมูลทางการแพทย์ การล้มลงของโดมิโนตัวแรกจะเริ่มต้นขึ้นทันที
กลับกัน ข้อมูลทางการแพทย์ ที่ออกมาอย่างตรงไปตรงมา ก็จะทำให้โดมิโนล้มลงเช่นกัน เพราะจะเป็นการประจานสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เรือนจำยันโรงพยาบาลตำรวจ
ไม่ว่าออกทางไหนเรื่องจะย้อนกลับไปหา “ทักษิณ” ทั้งสิ้น
และไม่ได้จบที่ “ทักษิณ”
จะกระเทือนไปถึงรัฐบาล
เหลือเชื่อครับ เพราะคนคนหนึ่งไปนอนโรงพยาบาลโดยไม่ป่วยจริง ทำให้อายุรัฐบาลสั้นลง
อย่าหวังอยู่ครบเทอมเลยครับ
วันนี้มีโอกาสหายใจก็บุญโขแล้ว
